สวัสดีค่ะ เรามีปัญหาชีวิตคู่ ที่คิดไม่ตกมานาน อยากปรึกษาความเห็นทุกคนค่ะ ว่าเราจะตัดสินใจอย่างไรดี
เราแต่งงานมาแล้วห้าปีค่ะ แฟนอายุ 34 เราก็ 28 ย้ายมาอยู่กับบ้านเดียวกับครอบครัวแฟน ที่บ้านอยู่กันประมาณ 7 คนค่ะ
เราทำงานประจำ แฟนช่วยที่บ้านค้าขายอยู่กับบ้าน ได้เงินเดือนจากที่บ้านอีกที
เราขอเล่าตรงประเด็นเลยนะคะ
ปัญหาของเราคือ อนาคตที่ไม่ก้าวหน้า
ตอนนี้เรายังไม่มีลูก ไม่มีรถ ไม่มีบ้าน เป็นของตัวเอง
สาเหตุมาจาก
มีภาระหนี้สินที่ต้องผ่อนชำระ ตกแล้วเดือนนึง ค่าใช้จ่ายประมาณสองหมื่นกลางๆ
เงินเดือนเรากับแฟนรวมกันประมาณสามหมื่น
ก็เลยแทบไม่มีเงินเก็บเลย ที่พอเก็บได้คือเก็บไว้จ่ายประกันชีวิต เก็บได้หลักพันต่อเดือนและ
เรามีปัญหาสุขภาพ หาหมอครั้งนึง เงินเก็บแทบหมด
เรากับแฟนมีงานอดิเรก ทำเสริมสร้างรายได้ด้วยการขายของทางอินเตอร์เนต แต่เป็นงานแฮนด์เมด
หลังๆแฟนไม่สะดวกทำ เราเองก็ทำงานประจำ เลยมีรายได้จากส่วนนี้น้อยลง บวกกัยทางบ้านแฟนก็ไม่อยากให้ทำเท่าไหร่
เพราะเสียเวลาที่จะมาช่วยดูแลร้านที่ค้าขาย
ตอนนี้เรามีสถานการณ์ให้ต้องตัดสินใจ
ทางบ้านเราที่ต่างจังหวัด จะเปิดร้านให้เราทำ เป็นงานที่เราชอบและได้สืบต่อกิจการที่บ้านที่ทำกันมาให้มีต่อไป
แต่ทั้งนี้เราคิดเองที่จะสานต่อนะคะ ที่บ้านไม่ได้บังคับ แต่เราเห็นว่าอยู่ทำงานประจำในกทมต่อไป ก็คงไปได้ไม่ไกล
อีกอย่างตอนนี้มีปัญหาใหม่ คือน้องชายเราหนีจากบ้านไป พอ่แม่ก็อยู่แบบตรอมใจ เราก็ยิ่งอยากมาเปิดร้านอยู่ดูแล ให้พ่อแม่มีความสุขบ้าง
ส่วนแฟน เราคิดปรึกษากับแฟน พ่อแม่เรา ก็คิดว่า กิจการที่แฟนทำกับที่บ้าน สามารถแยกมาเปิดสาขาได้ ซึ่งคือมาเปิดที่เดียวกับเรา เป็นสองอย่าง
ในร้านเดียวได้ แฟนก็ตกลง
ผ่านไปไม่นานนี้ ทางบ้านเราก็ตระเตรียมจะสร้างบ้านทำร้าน เราเองก็เตรียมตัว ศึกษาธุรกิจและหนทางต่อยอดไว้ และทำงานประจำเคลียร์หนี้ไปด้วย
วันนึงแฟนบอกเราว่าเค้าไม่สามารถไปเปิดร้านกับเราได้ เค้าจะอยู่ที่นี่ ถ้าเราไปก็ให้เราแยกไปอยู่กับพ่อแม่เรา แล้วไปๆมาๆหาเค้าที่กทมแทน
ด้วยเหตุผลว่าเค้าไม่อยากไปไกลครอบครัวเค้า
เราเข้าใจดี ว่าครอบครัวใคร ใครก็รัก อยากอยู่ใกล้
แต่เรามีเหตุผลคือ อนาคตที่มันมองไม่เห็นทาง คือ ตอนนี้แฟนเราไม่คิดจะสร้างและดูแลครอบครัวที่จะมีกับเราเลย
เราเลยคิดว่า จะแยกมาอยู่กับที่บ้านเรา เปิดร้านดีมั้ย
เพราะถ้าอยู่กทมต่อ เราก็จะมีภาระในการทำงานประจำ และต้องหาเงินเดือนที่สูง เพื่อแบกรับภาระหนี้สิน
เพราะแฟนเงินเดือนหมื่นต้นๆมาเจ็ดปีแล้ว และคิดว่าคงเท่านี้ไปตลอด ซึ่งเรามองว่าไม่พอแน่ ถ้าคิดจะมีรถ หรือมีลูก
ต่อให้หมดหนี้สินก็ตาม เนื่องจากแฟนก็ไม่อยากทำงานเสริม เพราะกลัวเสียเวลาที่จะดูแลหน้าร้านที่ค้าขาย
เราปรึกษาพ่อแม่เรา ท่านก็บอกว่าแล้วแต่เรา แต่ไม่อยากให้ทะเลาะกัน คือพ่อแม่ไม่ได้อยากให้มาอยู่ด้วย
แค่อยากให้เรามีชีวิตที่ดี มีลูกมีชีวิตที่มีความสุขก็พอใจแล้ว ไม่อยากเห็นเราลำบาก แต่ที่คิดจะเปิดร้านให้ทำ
เพราะเห็นว่าชีวิตเราอาจจะดีขึ้นกว่านี้
เรายอมรับว่ากลัว การแยกกันอยู่ เพราะเคยถามแฟนเค้าบอกว่าเค้าคงว่างมาหาเราเดือนครั้ง ซักวันสองวัน
ซึ่งถ้าอนาคตเรามีลูก เรากับทางบ้านเราก็ต้องช่วยกันเลี้ยงหลานอีก
ก็เท่ากับว่า ถ้าแยกกัน คือต้องตัดใจครึ่งนึง ว่าชีวิตคู่คงไม่สมบูรณ์อีกต่อไปรึเปล่าค่ะ
เราจะอยู่ต่อไป ทำงานใช้หนี้ รอวันที่จะมีอนาคตที่ดี ซึ่งก็อาจจะเกิดจากการหมดหนี้
และเราทำงานเสริมหารายได้เพิ่มได้เอง ซึ่งตอนนี้ก็พยายามทำอยู่หลายอย่างค่ะ
หรือจะแยกมาสู้เพื่อชีวิตตัวเอง ทำให้เป้าหมายมันใกล้เข้ามาเร็วขึ้น ไม่ต้องคิดว่ามันเหมือนการเลิกกัน
จริงๆเรื่องราวมันซับซ้อนและยาวกกว่านี้แต่เราขอเล่าคร่าวๆเท่านี้นะคะ
ใครที่แยกกันอยู่แบบนี้บ้าง แล้วเราควรตัดสินใจแบบไหนดีค่ะ ขอคำแนะนำด้วยค่ะ
ขอบคุณค่ะ
จะอยู่หรือจะแยกกันดีค่ะ
เราแต่งงานมาแล้วห้าปีค่ะ แฟนอายุ 34 เราก็ 28 ย้ายมาอยู่กับบ้านเดียวกับครอบครัวแฟน ที่บ้านอยู่กันประมาณ 7 คนค่ะ
เราทำงานประจำ แฟนช่วยที่บ้านค้าขายอยู่กับบ้าน ได้เงินเดือนจากที่บ้านอีกที
เราขอเล่าตรงประเด็นเลยนะคะ
ปัญหาของเราคือ อนาคตที่ไม่ก้าวหน้า
ตอนนี้เรายังไม่มีลูก ไม่มีรถ ไม่มีบ้าน เป็นของตัวเอง
สาเหตุมาจาก
มีภาระหนี้สินที่ต้องผ่อนชำระ ตกแล้วเดือนนึง ค่าใช้จ่ายประมาณสองหมื่นกลางๆ
เงินเดือนเรากับแฟนรวมกันประมาณสามหมื่น
ก็เลยแทบไม่มีเงินเก็บเลย ที่พอเก็บได้คือเก็บไว้จ่ายประกันชีวิต เก็บได้หลักพันต่อเดือนและ
เรามีปัญหาสุขภาพ หาหมอครั้งนึง เงินเก็บแทบหมด
เรากับแฟนมีงานอดิเรก ทำเสริมสร้างรายได้ด้วยการขายของทางอินเตอร์เนต แต่เป็นงานแฮนด์เมด
หลังๆแฟนไม่สะดวกทำ เราเองก็ทำงานประจำ เลยมีรายได้จากส่วนนี้น้อยลง บวกกัยทางบ้านแฟนก็ไม่อยากให้ทำเท่าไหร่
เพราะเสียเวลาที่จะมาช่วยดูแลร้านที่ค้าขาย
ตอนนี้เรามีสถานการณ์ให้ต้องตัดสินใจ
ทางบ้านเราที่ต่างจังหวัด จะเปิดร้านให้เราทำ เป็นงานที่เราชอบและได้สืบต่อกิจการที่บ้านที่ทำกันมาให้มีต่อไป
แต่ทั้งนี้เราคิดเองที่จะสานต่อนะคะ ที่บ้านไม่ได้บังคับ แต่เราเห็นว่าอยู่ทำงานประจำในกทมต่อไป ก็คงไปได้ไม่ไกล
อีกอย่างตอนนี้มีปัญหาใหม่ คือน้องชายเราหนีจากบ้านไป พอ่แม่ก็อยู่แบบตรอมใจ เราก็ยิ่งอยากมาเปิดร้านอยู่ดูแล ให้พ่อแม่มีความสุขบ้าง
ส่วนแฟน เราคิดปรึกษากับแฟน พ่อแม่เรา ก็คิดว่า กิจการที่แฟนทำกับที่บ้าน สามารถแยกมาเปิดสาขาได้ ซึ่งคือมาเปิดที่เดียวกับเรา เป็นสองอย่าง
ในร้านเดียวได้ แฟนก็ตกลง
ผ่านไปไม่นานนี้ ทางบ้านเราก็ตระเตรียมจะสร้างบ้านทำร้าน เราเองก็เตรียมตัว ศึกษาธุรกิจและหนทางต่อยอดไว้ และทำงานประจำเคลียร์หนี้ไปด้วย
วันนึงแฟนบอกเราว่าเค้าไม่สามารถไปเปิดร้านกับเราได้ เค้าจะอยู่ที่นี่ ถ้าเราไปก็ให้เราแยกไปอยู่กับพ่อแม่เรา แล้วไปๆมาๆหาเค้าที่กทมแทน
ด้วยเหตุผลว่าเค้าไม่อยากไปไกลครอบครัวเค้า
เราเข้าใจดี ว่าครอบครัวใคร ใครก็รัก อยากอยู่ใกล้
แต่เรามีเหตุผลคือ อนาคตที่มันมองไม่เห็นทาง คือ ตอนนี้แฟนเราไม่คิดจะสร้างและดูแลครอบครัวที่จะมีกับเราเลย
เราเลยคิดว่า จะแยกมาอยู่กับที่บ้านเรา เปิดร้านดีมั้ย
เพราะถ้าอยู่กทมต่อ เราก็จะมีภาระในการทำงานประจำ และต้องหาเงินเดือนที่สูง เพื่อแบกรับภาระหนี้สิน
เพราะแฟนเงินเดือนหมื่นต้นๆมาเจ็ดปีแล้ว และคิดว่าคงเท่านี้ไปตลอด ซึ่งเรามองว่าไม่พอแน่ ถ้าคิดจะมีรถ หรือมีลูก
ต่อให้หมดหนี้สินก็ตาม เนื่องจากแฟนก็ไม่อยากทำงานเสริม เพราะกลัวเสียเวลาที่จะดูแลหน้าร้านที่ค้าขาย
เราปรึกษาพ่อแม่เรา ท่านก็บอกว่าแล้วแต่เรา แต่ไม่อยากให้ทะเลาะกัน คือพ่อแม่ไม่ได้อยากให้มาอยู่ด้วย
แค่อยากให้เรามีชีวิตที่ดี มีลูกมีชีวิตที่มีความสุขก็พอใจแล้ว ไม่อยากเห็นเราลำบาก แต่ที่คิดจะเปิดร้านให้ทำ
เพราะเห็นว่าชีวิตเราอาจจะดีขึ้นกว่านี้
เรายอมรับว่ากลัว การแยกกันอยู่ เพราะเคยถามแฟนเค้าบอกว่าเค้าคงว่างมาหาเราเดือนครั้ง ซักวันสองวัน
ซึ่งถ้าอนาคตเรามีลูก เรากับทางบ้านเราก็ต้องช่วยกันเลี้ยงหลานอีก
ก็เท่ากับว่า ถ้าแยกกัน คือต้องตัดใจครึ่งนึง ว่าชีวิตคู่คงไม่สมบูรณ์อีกต่อไปรึเปล่าค่ะ
เราจะอยู่ต่อไป ทำงานใช้หนี้ รอวันที่จะมีอนาคตที่ดี ซึ่งก็อาจจะเกิดจากการหมดหนี้
และเราทำงานเสริมหารายได้เพิ่มได้เอง ซึ่งตอนนี้ก็พยายามทำอยู่หลายอย่างค่ะ
หรือจะแยกมาสู้เพื่อชีวิตตัวเอง ทำให้เป้าหมายมันใกล้เข้ามาเร็วขึ้น ไม่ต้องคิดว่ามันเหมือนการเลิกกัน
จริงๆเรื่องราวมันซับซ้อนและยาวกกว่านี้แต่เราขอเล่าคร่าวๆเท่านี้นะคะ
ใครที่แยกกันอยู่แบบนี้บ้าง แล้วเราควรตัดสินใจแบบไหนดีค่ะ ขอคำแนะนำด้วยค่ะ
ขอบคุณค่ะ