บนเรียนชีวิต....(เรื่องเล่าจากชีวิตจริง)

เรื่องนี้เริ่มต้นขึ้นวันวัน 3 พ.ย. 50...
            เราเจอกันโดนบังเอิญที่สถานบันเทิงยามราตรีแห่งหนึ่ง....ฉันไปฉลองเรียนจบ ฉันไปแบบ ผญ ล้วนและก็เฮฮากันตามประสา แต่ก่อนไปนี่สิ ฉันดันไปพูดในกลุ่มเพื่อนว่าครั้งนี้ถ้าใครมาขอเบอร์ ฉันจะให้ (ทั้งที่ไปเที่ยวกลางคืนที่ไหนไม่เคยให้ใครสักที) และแล้วปฏิบัติการฉลองเรียนจบก็เริ่มขึ้น ฉันไปด้วยสายเดี่ยวเสียวหลุดสีดำกับกระโปรงยีน พวกเราก็เฮฮาตามประสา นั่งกันไปสักพักใหญ่ ก็กลุ่มชายหนุ่มเข้ามาโต๊ะข้างๆ กัน ก็ธรรมดาเนอะ ผญ มาเท่วมักจะขี้หลี่สาวๆตามโต๊ะไปเรื่อยเปื่อย แต่โต๊ะพวกฉันมันขี้เหร่เกิ๊นที่จะเป็นจุดสนใจ 5+++ แต่จุดเริ่มต้นมันอยู่ตรงนี้ละ
          เพื่อนฉันสะกิดให้มองไปที่ ผช คนหนึ่ง เฮ้ยเค้าน่ารักดีว่ะ ฉันก็ตอบไปคนที่นั่งมึนๆ ข้างในสุดอะนะ เพื่อนบอกใช่ น่ารักมาก มันก็จัดแจงเรียกเด็กเสริฟมา ชงหล้าไปให้เค้าทันที เด็กเสริฟก็ช่างเป็นใจชี้มาที่ฉันว่าเป็นคนที่เอาเหล้าไปให้ เค้าก็ให้เด็กเสริฟมาขอเบอร์ ฉันก็เฉยๆ แต่เพื่อนดันพูดกันทั้งโต๊ะว่า "ก่อนมาพูดอะไรไว้" ก็เลยต้องให้ไป เค้าก็ฉลาดมากกดโทรมาเลย เพื่อเช็คว่าเบอร์ฉันชัวร์เปล่า.... สักพักเค้าก็ถือแก้วมานั่งคุยด้วย ถามนู้นนี้นั้น ตามประสาอะ จนสักพักเค้าขอตัวกลับ บอกที่พักอยู่ไกล แต่พวกฉันอยู่กันต่อจนพับปิด(เพราะแก๊งเราเป็นแบบนี้อะ)
          หลังจากนั้นสักพักก็มีเสียงโทรสับของฉันดังขึ้น เอ๊าเป็นเบอร์เค้าคนนั้นอะ "เค้าโทรมาบอกว่าถึงห้องแล้วนะ แล้วถามฉันว่าเมื่อไรฉันจะกลับ" ฉันก็ได้แต่ อือๆ ตอบไป เพราะไม่ค่อยได้ยิน  พอพับปิดฉันกับเดอะแก๊งก็กลับกันไปสุ่มหัวต่อกันที่ห้องฉัน ฉันทำธุระส่วนตัวของฉันพร้อมจะหลับ ก็มีเสียงโทรศัพท์ดังขึ้นอีก เค้าคนเดิม "ถึงห้องยัง อาบน้ำ สระผมก่อนนอนด้วยนะ" ฉันก็ อือๆ เหมือนเดิม เพราะง่วงนอนมากแล้ว

          ในเวลาตอนเช้าในขณที่ฉันกำลังหลับฝันดี ก็มีเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น ฉ้นกดรับโดยไม่ได้ดูว่าเป็นเบอร์ใคร แต่เป็นเสียงเค้าคนเดิมอะ "ตื่นหรือยัง อย่าลืมกินข้าวนะ ผมไปเรียนก่อนนะ"  เอาเป็นเวลาเสียงโทรศัพท์จะมา 4 เวลาอะ เช้า กลางวัน เย็น ก่อนนอน ฉันกับเค้าก็คุยกันมาเรื่อยๆ เริ่มทำความรู้จักกันมาทีละนิดละหน่อย ถึงได้รู้ว่าชีวิตเรามีอะไรคล้ายๆ กันหลายอย่าง เช่น ทำงานไปด้วยเรียนไปด้วย ปากหมาเหมือนกัน กวนตรีนเหมือนกัน ใช้ชีวิตคล้ายๆ กัน แล้วก็เริ่มมีการกินข้าวด้วยกันบ้าง ไปไหนมาไหนด้วยกันบ้าง มารับที่ทำงานไปส่งที่ห้องบ้าง ช่วยกันทำการบ้านบ้าง (เค้ายังเรียนไม่จบ)
          เราก็ใช้ชีวิตเหมือนคนเป็นแฟนกันทั่วๆ ไป มีไปเที่ยว ตจว. กันบ้าง ฉันจำได้ว่าที่แรกที่ไปเท่วด้วยกัน คือ เมืองโบราณ วันที่ 5 ธ.ค. 51 แล้วก็ตามมาอีกหลายๆ ที่ จนเค้าเรียนจบ รับปริญญา คนสำคัญในชีวิตเค้าเสีย บวช ทุกๆครั้งไม่ว่าเค้าจะสุขหรือทุกข์ ฉันอยู่เคียงข้างเค้าตลอด คอยเป็นข้างหลังคอยปลอบ คอยให้กำลังใจ คอยบ่น และตักเตือนกันเสมอ เราร่วมสุข ร่วมทุกข์กันมาตลอด และผ่านอะไรมากมายพอสมควร.....
          จนมาาถึงปี 54 ทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิตเรามีการเปลี่ยนแปลง  เค้าต้องไปทำงาน ตจว. ฉันร้องไห้แถบตาย ทำไมต้องไป แล้วเค้าละจะอยู่กับใคร เค้าบอกว่าทุกอย่างเพื่ออนาคตนะ เราก็เชื่อเพราะเค้าเป็นคนมีเหตุผล ฉันจำวันนั้นได้ดีฉันไปส่งเค้าที่หมอชิต ยืนโบกมือบ๊ายบาย ยิ้มให้ แต่พอรถพ้นไปเท่านั้นละ น้ำตาล่วง (ขำตัวเองอะทำไปได้ไม่อาย) พอเค้าถึงที่ทำงานใหม่ เค้าก็โทรมาบอกว่าถึงแล้ว เราใช้วิธีการโทรหากัน ส่งข้อความ แทนการคิดถึงกัน เค้าไปทำงานได้สักพัก ฉันก็ลางานไปหาเค้า เป็นครั้งแรกที่นั่งรถไปอีสานคนเดียว ใช้เวลา 12 ชม. กลัวก็กลัว แต่ความคิดถึงมันมากกว่าความกลัวอะ.....
          ทุกอย่างก็ดำเนินไปตามปกติ เค้าย้ายไปที่ไหน ฉันก็จะเคลียงานแล้วก็ลาไปหาเค้าเกือบทุกที (ไปเยี่ยมพร้อมเที่ยวด้วย..อิอิ) ไม่ว่าขึ้นเหนือ ล่องใต้ ตลอดเวลาที่เราคบกัน เราก็เข้าใจกัน เชื่อใจ และไว้ใจกันในทุกเรื่อง ส่วนทางบ้านของฉันและเค้าก็โอเคในทุกเรื่อง มีการไปบ้านของกันและกัน จนมาต้นปี 56 กราก็มีการคุยกันถึงเรื่องแต่งงาน และเค้ามีการไปเกริ่นขอฉันกับพ่อแม่ วันนั้นฉันตื่นเต้นมาก น้ำตาจะไหลเมื่อได้ยินประโยคว่า "พ่อกับแม่ว่าไงครับถ้าผมจะขอ........แต่งงาน" พ่อกับเม่ก็ตอบแบนิ่งมากพร้อมก็มาเลยลูก ส่วนทางบ้าน ผช. เค้าก็บอกว่าแต่งเลย แต่ฉันสิยิ้มดันเห็นใจ ผช ถามเค้าว่าพร้อมยัง เค้าก็พูดกับฉันตรงๆ เงินยังมีไม่มากพอจัดงาน ไม่อยากเป็นหนี้เพิ่มด้วย ฉันก็สงสารดิ ตอบฝั่ง ผช. ไปเลยไว้ปีหน้าก็ได้ค่ะ หนูยังไม่รีบให้พร้อมมากกว่านี้ก่อน (ใจจริงอยากแต่งจะแย่อยู่แล้ว)
        ทุกอย่างก็ดำเนินไปอย่างปกติ จนทุกคนเหมือนจะอิจฉาว่า ขนาดห่างกันก็ยังรักกันอยู่ มันทำให้ฉันเชื่อว่า "รักแท้มีอยู่จริง" แม้จะห่างกันแค่ไหน

............และในปี 56 นี่ละ เริ่มมีเรื่องราวเข้ามา ชีวิตของเราเริ่มมีจุดเปลี่ยนขึ้นที่ละนิด
แสดงความคิดเห็น
อ่านกระทู้อื่นที่พูดคุยเกี่ยวกับ  ปัญหาครอบครัว ครอบครัว ปัญหาชีวิต
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่