รพ.วิภาราม ยังคงไม่มีคำตอบหรือการรับผิดชอบช่วยเหลือใดๆ จากการวินิจฉัยโรคผิดพลาดของแพทย์ รบกวนช่วยโหวตช่วยแชร์ด้วยนะคะ

รบกวนช่วยแชร์ช่วยโหวตด้วยนะคะ    ****เมื่อคุณแม่ป่วยเป็นมะเร็งระยะสุดท้ายแต่หมอบอกว่า   ""ไม่ต้องกังวลนะคะไม่เป็นโรคร้ายแรงอะไรแน่นอนค่ะ ""


  "การรักษาคนไข้ของแพทย์ รพ.วิภาราม พัฒนาการ"   ยาวหน่อยนะคะ

-     ความเจ็บปวดในจิตใจของลูกที่ขณะนี้แม่ป่วยเป็นมะเร็งระยะสุดท้าย...   ลูกทุกคนกำลังรอคอยความยุติธรรม     ความมีมนุษยธรรมของคณะแพทย์และกรรมการของ รพ.วิภาราม ถ.พัฒนาการ      ซึ่งเกิดจากการประมาทเลินเล่อในการรักษาในการวินิจฉัยโรคผิดพลาด
รักษาไม่ตรงจุดของแพทย์เฉพาะทางระบบทางเดินอาหาร     ทำให้คนไข้แย่ลงเรื่อยๆจนหมอที่รักษาล่าสุดให้ลูกๆทำใจ...>>>

-     คุณแม่เข้ารับการรักษาที่ รพ.วิภารามแห่งนี้ตั้งแต่เดือน สิงหาคม 56    ด้วยอาการปวดท้อง จุกเสียด ครั้งแรกวินิจฉัยว่าปีกมดลูกอักเสบ        ให้ทานยา แต่อาการของแม่ก็ไม่ดีขึ้นยังมีอาการปวดแสบท้อง จุกเสียด อาหารไม่ย่อย เบื่ออาหารอยู่ตลอดเวลา
    
      การตรวจรักษาหลักๆ  
1.  ส่องกล้องลำไส้      ผล    ลำไส้ไม่มีอะไรผิดสะอาดดี    ให้ทานยาแก้จุกเสียด ยาแก้ปวดและอื่นๆอีกหลายอย่างแต่อาการก็ยังไม่ดีขึ้น
    
2.   อัลต้าซาวด์           ผล    เจอน้ำในช่องท้อง  แพทย์แจ้งว่า  ปกติทุกๆคนก็มีไม่ต้องทำอะไร

3.   ส่องกล้องกระเพาะอาหาร    ผล      มีจุดแดงในกระเพาะแต่ยังไม่มีแผล   แค่เป็นเชื้อแบคทีเรียทานยาฆ่าเชื้อก็จะดีขึ้น    
ญาติและคนไข้ไม่ต้องกังวลใดๆ   แต่อาการของแม่ก็ยังไม่ดีขึ้นอีก    

4.   ทานยาฆ่าเชื้อชุดที่สอง    อาการเริ่มแย่ลงอีก   จากนั้นก็นัดตรวจทุก 2-3 สัปดาห์ซึ่งก็ไม่เคยผิดนัด      
ได้รับยาแพงขึ้นเรื่อยๆ จ่ายค่ายาแต่ละครั้ง 3-4 พันบาท      

***  ในการตรวจทุกครั้งหมอท่านนั้นก็จะว่า     "ไม่ต้องกังวลนะคะ คุณป้าไม่เป็นโรคร้ายแรงอะไรแน่นอนค่ะ"    คุณป้าแค่อ้วนต้องลดน้ำหนัก     คุณป้าแค่เครียดจนทำให้อาหารไม่ย่อย       ทุกครั้งหมอจะให้ญาติและคนไข้จดรายการอาหารที่ทานในแต่ละวันไปให้ดู
ช่วยแชร์หน่อยนะคะ    ****เมื่อคุณแม่ป่วยเป็นมะเร็งระยะสุดท้ายแต่หมอบอกว่า   ""ไม่ต้องกังวลนะคะไม่เป็นโรคร้ายแรงอะไรแน่นอนค่ะ ""

*** สองเดือนสุดท้ายก่อนอาการจะแย่ลง   หน้าท้องแม่แข็งมากคลำได้ชัดเจนว่าเป็นก้อนแข็งอยู่หน้าท้อง     หมอคลำและกดดูทุกครั้งหมอก็บอกว่าปกติ        แม่ขออัลตร้าซาวด์ซ้ำอีกครั้งหมอปฏิเสธบอกว่าไม่จำเป็น     เพราะเพิ่งทำไปตอนเดือนธันวาปลายปีนี่เอง

-        จากเดือนสิงหา 56 ที่คุณแม่เดินไปหาหมอเองได้สบายมาก       รักษาที่นี่จนจากเดินเองกลายเป็นต้องนั่งรถเข็นเดินเองไม่ได้     เหนื่อยและจุกท้องมาก        มาถึงประโยคนี้น้ำตาของคนเป็นลูกก็กลั้นไม่อยู่ไหลออกมาอีกครั้ง         เราเชื่อหมอคนนั้น เชื่อมาตลอด!! ว่าแม่ไม่เป็นโรคร้ายแรงอะไร         เพราะแม่เครียดแม่กังวล จึงไม่ดีขึ้น..

-        16 มีนาคม 57 แม่ดูทรมานมากแทบไม่มีแรงแม้แต่จะหายใจแม้แต่จะพูด      ขอตรวจร่างกายประจำปีซ้ำก็เริ่มเจอก้อนเล็กๆในตับ    
หมอก็ยังใจเย็นนัดอีกหนึ่งสัปดาห์เพื่อทำ CT-SCAN       ซึ่งขณะนั้นคุณแม่แทบหายใจไม่ได้แล้ว       วันถัดมาต้องส่งเข้าเอ็กซเรย์เร่งด่วนที่ รพ.เอกชนอื่น      ผลปรากฏว่าแม่เป็นมะเร็งระยะสุดท้าย     มีเกือบทุกส่วนในร่างกายทั้งลำไส้ กระเพาะอาหาร รังไข่ ผนังหน้าท้อง    มีน้ำเต็มช่องท้อง        และสาเหตุที่หายใจเหนื่อยคือมีน้ำท่วมปอด       ปอดข้างหนึ่งน้ำเกือบเต็มส่วนอีกข้างเข้าไปครึ่งปอดแล้ว

ท่านคงทรมานมากไม่มีแรงแม้แต่จะพูด       นี่มันคืออะไรกัน การรักษาของ รพ.วิภาราม        "คุณป้าไม่ต้องกังวลนะคะ คุณป้าไม่เป็นโรคร้ายแรงอะไรแน่นอนค่ะ"         คำพูดของหมอคนนั้นยังคงก้องอยู่ในหูตลอดเวลา        

***การรักษาปัจจุบัน   -  รพ. รามาธิบดี ตึกพระเทพฯ  ซึ่งเป็นเอกชน    ผ่าตัดได้บางส่วน ส่งเพาะเชื้อแล้วให้เคมีบำบัดเร่งด่วนทุกๆ   2  สัปดาห์  เริ่มต้นที่ 12 ครั้ง

      เพราะไม่สามารถรอเตียงรอการรักษาโดยสิทธิขั้นพื้นฐานได้      พวกเราลูกๆไม่ได้รวยแต่มีแม่กันแค่คนเดียว           ถ้ารอป่านนี้คงไม่มีท่านแล้ว       รู้ดีว่าโรคนี้ไม่หายแต่ถ้าการตรวจรักษาดีกว่านี้เจอเร็วกว่านี้     ท่านก็จะไม่ทุกข์ทรมานมากขนาดนี้        และลูกๆก็เชื่อตามหมอว่าแม่เครียดแม่ถึงไม่ดีขึ้น

-      ตอนนี้ต้องเป็นหนี้สินค่ารักษากว่า 3 ล้านบาทแล้ว      การรักษายังไม่จบ      คุณแม่อาการดีขึ้นยังคงเหลือการให้เคมีบำบัดอีก 1 ครั้งจากทั้งหมด 12 ครั้ง          แต่ยังบอกไม่ได้ว่าจากนี้ไปแนวทางรักษาจะเป็นอย่างไร      ส่งจดหมายขอให้ทาง รพ.วิภารามช่วยเหลือรับผิดชอบในค่ารักษาพยาบาลที่เกิดขึ้น         แต่วันนี้ทาง รพ.โทรมาปฏิเสธ          ทั้งๆที่ก่อนหน้านี้ทาง รพ.ได้ส่ง จม.มาแจ้งว่าจะช่วยเหลือประมาณครึ่งหนึ่งของการรักษา    ณ    ขณะนั้นซึ่งได้แค่ครึ่งทาง         บอกว่าแพทย์ท่านนั้นทำดีที่สุดแล้ว     การตรวจรักษาเป็นไปอย่างมีมาตราฐานตามขั้นตอนแต่ตรวจหาโรคไม่เจอเอง            ทาง รพ. จึงไม่จำเป็นต้องรับผิดชอบใดๆทั้งสิ้น

ขอถามอีกประโยคนะคะว่า        คนที่เรียนแพทย์จบมา สรีระมนุษย์คุณหมอก็เรียนมาแล้ว        การตรวจจับกดหน้าท้องเจอก้อนแข็งและใหญ่มากขนาดนั้น         คุณหมอไม่ทราบไม่สงสัยเลยเหรอคะว่าผิดปกติ???          พวกเราไม่ได้เรียนหมอแต่จับหน้าท้องยังรู้สึกได้ว่าผิดปกติ เพราะใหญ่และแข็งมากโดยเฉพาะในเดือนหลังๆ            ขณะนี้ยังไม่เคยพบหมอคนนั้นอีกเลยหลังจากนั้นไม่เคยมีการติดต่อใดๆเลย

****  ถ้าเป็นแม่คุณหมอคุณหมอจะทำยังไง   คุณหมอจะรู้สึกยังไงบ้างคะ           ติดต่อกลับไปที่ รพ.วิภารามอีกครั้ง      ขอร้องให้นำเข้าที่ประชุมใหม่       ผอ.ฝ่ายการแพทย์ยังไม่รับปากแจ้งว่าสัปดาห์หน้าจะแจ้งอีกครั้ง          แต่เบื้องต้นในที่ประชุมคณะกรรมการสรุปว่าไม่ใช่ความผิดของแพทย์และ รพ.      แพทย์ได้ทำตามขั้นตอน ตามมาตรฐานการรักษาอย่างดีที่สุดแล้ว       เพราะฉะนั้นทาง รพ.ไม่จำเป็นต้องรับผิดชอบใดๆทั้งสิ้น           ซึ่งครั้งแรก ผอ.ฝ่ายการแพทย์ยอมรับว่าแพทย์ที่ตรวจรักษาประมาทขาดประสบการณ์          ยินดีจะช่วยเหลือ ถามญาติว่าจะให้ทางโรงพยาบาลช่วยอย่างไร? แต่ตอนนี้กลับคำพูด        

รบกวนช่วยโหวตช่วยแชร์ด้วยนะคะ ขอบพระคุณทุกท่านล่วงหน้าค่ะ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่