สวัสดีทุกๆๆคน รู้นะว่ารอกันอยู่ มาแล้วตามสัญญา ว่าในทุกๆๆอาทิตย์ เราจะมารีวิวเกี่ยวกับ Base Makeup อย่างน้อยหนึ่งเรื่อง เนื่องด้วยภาระกิจรัดติ้ว ทำให้รีวิวได้ทีละเรื่องจริงๆๆ ตามที่อาทิตย์ที่แล้วที่ลงรูปไว้ว่าจะมารีวิวรองพื้นเทพ ของใครหลายๆๆคน นั่นก็คือรองพื้นจาก Sisley นั่นเอง โดยที่วันนี้เราจะมารีวิวกันเฉพาะรุ่น Liquid ส่วนรุ่นครีมนั้น เราขอผ่านเนื่องจากเป็นคนผิวมันมากๆๆๆ คงไม่รอดถ้าซื้อมาใช้ อารมณ์แอบเสียดายตังค์

รองพื้น Sisley ที่เป็นเนื้อ Liquid ก็มี 2 รุ่น คือ
1. Phyto Teint Eclat
2. Phyto Teint Expert

ผลจากการที่เราได้ลองใช้ทั้งสองรุ่นเป็นเวลาหลายสัปดาห์ เปรียบเทียบได้ดังนี้คือ

คุณสมบัติทั่วไป ทั้งสองรุ่นมีคุณสมบัติเบื้องต้นที่ทางแบรนด์เคลมไว้เหมือนกันมากๆๆๆๆๆๆๆๆๆ คือ เป็นรองพื้นที่มีส่วนผสมของสกินแคร์ ปราศจากส่วนผสมของน้ำมัน และ ติดทนยาวนาน บางเบา แต่ปกปิด คำถามคือ ถ้าจะเหมือนกันขนาดนี้แล้วจะออกรุ่นใหม่มาเพื่อ....?????? คือแบบไม่เข้าใจ อิอิ

บรรจุภัณฑ์ ทั้งสองรุ่นเหมือนกัน คือเป็นขวดแก้ว หัวปั้ม ตกแตกแน่นอนเหมือนกัน พกพาไปเที่ยวด้วยไม่ค่อยจะสะดวก โดยเฉพาะรุ่นใหม่นี่แอบหนักกว่ารุ่นเก่านะพูดเลย แต่ก็อีกอะรุ่นใหม่ ขวดจะดูหรูหรากว่า มีการสลักตัวอักษรที่ฝาขวดคล้ายของ TOM FORD

เนื้อผลิตภัณฑ์ รุ่นเก่า เนื้อ liquidy กว่า รุ่นใหม่ รุ่นใหม่เนื้อค่อนข้าง creamy
ปั้มออกมาแล้วไม่ไหลไปตามแรงโน้มถ่วง นี่คือเรื่องที่ต่างกันเรื่องแรก ซึ่ง ไม่เกี่ยวกับคุณสมบัติใดๆๆของรองพื้นเลย คือเป็นเรื่องที่ต่างกันแบบไม่ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงกับ finish look หรือ คุณภาพรองพื้นแม้แต่น้อย

ผลลัพธ์ โดยส่วนใหญ่แล้วทั้งสองรุ่นผลลัพธ์ค่อนข้างเหมือนกัน คือ บางเบา แต่ปกปิด และสามารถเพิ่มระดับความปกปิดได้ ขึ้นอยู่กับน้ำหนักที่ลงรองพื้น ไม่หมอง ไม่ตกร่อง ไม่ทำให้หน้ามันเพิ่ม ถึงแม้จะไม่ได้คุมมันมากมายขนาดนั้น ยิ่งเหงื่อออก ยิ่งผ่องเด้ง มาแต่ไกล ไม่หยาดเยิ้มหยดย้อยระหว่างวัน สิ่งที่ทั้งสองรุ่นต่างกันคือ รุ่นใหม่ติดทนยาวนานกว่ารุ่นเก่านัก เรียกว่าทาชาตินี้ เลือนชาติหน้า ติดทนนานจริงๆๆ แต่ก็ขึ้นอยู่กับ base makeup ตัวอื่นๆๆที่ใช้ร่วมด้วยนะ ไม่ใช่แค่รองพื้นแค่อย่างเดียว

เฉดสี และนี่คืออีกสิ่งนึงที่ทั้งสองรุ่นต่างกัน คือ รุ่นเก่าสีจะค่อนไปทางชมพู ซึ่งทำให้คนไทยซึ่งส่วนใหญ่ผิวออกเหลือง หรือ ผิวเข้ม หาสีที่เข้าได้ยากมาก ซึ่งในรุ่นใหม่ แต่ละเฉดจะเข้มกว่ารุ่นเก่าในเฉดเดียวกัน ขึ้นมานิดนึงและเม็ดสีอมเหลืองมากกว่า ก็ทำให้ง่ายในการเลือกสี ยกตัวอย่างเช่น รุ่นเก่า แอดมินใช้เบอร์ 4 honey ซึ่งเข้มไปนิดนึง พอมารุ่นใหม่ ใช้สี 2+ sand สีพอดีเป๊ะ ถือว่าโชคดีไป

โดยรวมแล้วตามความคิดของแอดมินรองพื้นทั้งสองรุ่นนี้ ใช้ได้กับคนทุกสภาพผิว ให้ผลลัพธ์ที่แทบจะไม่ต่างกัน ยกเว้นเรื่องความติดทน และ เฉดสี และเคล็ดลับอีกอย่างที่อยากจะฝากไว้คือ รองพื้นทั้งสองรุ่นนี้จะให้ผลสวยเป็นผิวสุขภาพดีที่สุด ถ้าลงด้วยการนวดด้วยมือ มันจะซึมเข้าผิวให้ผลลัพธ์ผิวเปล่งประกายสุขภาพดีจากภายใน ลองมาแล้ว ไม่เชื่อต้องพิสูจน์พูดเลย แปรงกับฟองน้ำนี่คือธรรมดามาก ๆๆๆ ไม่อลังเหมือนลงด้วยมือนะ พูดเลยยย

สุดท้ายนี้ขอฝากถึงคนที่เคยมี หรือยังมีรุ่นเก่าอยู่ ก็ใช้ไปเหอะ เหมือนๆๆกันนั่นแหละ จะได้ไม่ต้องเจ็บตัวซ้ำซ้อน แต่สำหรับคนที่อ่านรีวิว แล้วคันและเงินถึง ก็จงอย่ารอช้า วิ่งไปตำตามห้างที่คุณๆๆสะดวก สนนราคารุ่นเก่าก็ 4000 ส่วนรุ่นใหม่ก็ 4300 เบาๆๆๆ ก็ตามกำลังกันเลยละกัน
สุดท้ายนี้เราก็หวังว่า รีวิวนี้คงมีประโยชน์กับคุณๆๆทั้งหลายที่กำลังมองหารองพื้นเทพๆๆ ตัวใหม่มาเข้ากรุบ้างไม่มากก็น้อย แล้วพบกันใหม่ในรีวิวหน้า จะเป็นอะไร ต้องติดตามกันนะจ้ะๆๆๆ
เพราะความสวยคือตำนานที่ยิ่งใหญ่และแพงมากจริงๆๆๆๆๆ