แชร์ประสบการณ์ มีเงินไม่ถึงล้าน ก็ไปเรียนป.โท เมืองนอกได้
ก่อนอื่นขอบอกไว้ก่อนเลยนะคะว่า ทางบ้านมีฐานะปานกลาง ไม่ร่ำรวยอะไรมาก แต่มีอย่างหนึ่งที่ตัวเจ้าของกระทู้เองอยากจะได้มานานคือ อยากจะออกท่องโลกไปต่างประเทศเหมือนกับคนอื่นๆ บ้าง
ตอนแรก ก็พยายามติดต่อเลือกหาเอเจนซี่ที่ดีๆ ว่ามีที่ไหนมีคนเข้าไปปรึกษาเยอะๆบ้าง..บางที่พอเราบอกว่า มีงบแค่นี้ ก็ตัดหางเราไปเลือก โทรไปปรึกษาก็ไม่รับ โทรไปถามก็บอกว่าไม่ว่างเดี๋ยวจะโทรกลับ แล้วก็หายไปเลย
เราก็เลยตัดสินใจแล้วว่า คงจะหาข้อมูลเองดีกว่า เราก็หาไปเรื่อยๆนะ .. ตอนแรกเลือกที่จะไป Work and travel เราไม่เลือกงาน ตอนนั้นเราเลือกที่จะทำงานเป็นพวกแม่บ้าน เพราะว่าได้เงินเยอะที่สุด เราถือว่า จะไปทำงาน แล้วก็หาเงินเก็บเที่ยวเองด้วย เราก็สัมภาษณ์อะไรทุกอย่างเสร็จ จนเค้ามาเปลี่ยนกฏว่า สามารถไปได้เฉพาะเดือนนี้ๆ เท่านั้น ในช่วงนั้นเราเปิดเทอมกับตอนที่เรียนป.ตรี ปี 4 พอดี ก็ทำให้อดไป
เลยลองหาทุนที่เราสามารถที่จะสมัครและพอมีลุ้นอยู่ได้บ้าง ซึ่งก็มีอยู่ทุนหนึ่ง ทุน ICDF ซึ่ง ก็ลงทุนไปสัมภาษณ์อะไรทุกอย่าง ถึงวันประกาศผล ก็ไม่ได้อีกอยู่ดี
ตอนนั้นเริ่มที่จะท้อแล้วว่า คงจะหมดหวังแน่เลย แต่ดีที่ว่า ทางครอบครัวสนับสนุนว่า ยังพอมีเวลา ลองหาดูๆ ก็ได้..
เราก็หาไปเรื่อยๆ จนเจอกับ โปรแกรมนึง ค่าเรียนก็ประมาณ 7พันปอนด์ ตอนนั้นโชคดีที่ค่าเงินเหลือแค่ 46-48 บาท ต่อหนึ่งปอนด์ ก็รีบทำการจ่ายค่าเรียน สมัครเรียนไปเรียบร้อย อีกอย่างก็ลองปรึกษารุ่นพี่ๆ ดูที่เคยอยู่ที่อังกฤษ ลอนดอน ว่า การใช้ชีวิตเป็นยังไง บางคนเค้าก็ทำงานส่งเสียตัวเองเรียน หาเงินเช่าบ้านเองจากการทำงานที่สามารถทำได้ 20 ชั่วโมงต่อสัปดาห์
ทางด้าน Ranking ของมหาลัยสำหรับเรา เราไม่ค่อยเน้นเรื่องนี้ เพราะว่าทุกมหาลัยมีดีอยู่ที่ตัวของมันเอง ขึ้นอยู่กับว่าเราสามารถที่จะไขว่คว้าความรู้ได้มากน้อยเท่าไร
เราก็ทำการจ่ายค่าเทอมไปประมาณ 3.5 แสนบาท ตอนนั้นแม่ให้เงินติดตัวมาลอนดอน 1.5 แสนบาท เรามีรุ่นพี่ที่อยู่ที่ลอนดอน เป็นธุระเรื่องหาบ้านที่พักให้ พี่เค้าก็มารับเราจาก สนามบิน Heathrow เงินก้อนแรกที่ได้จากแม่มา ก็พยายามใช้จ่ายเฉพาะที่จำเป็น คิดหน้าคิดหลังตลอด เพราะว่าช่วงนั้นยังไม่มีงานทำ เพราะเพิ่งมาอาทิตย์แรก จากนั้นก็พยายามหางาน ก็ไปได้ร้านอาหารของฝรั่ง แต่ว่าขายอาหารจีน ก็สามารถมีเงินเข้าเป็นของตัวเองได้ เดือนหนึ่งๆ ก็ตกประมาณ 500 ปอนด์ก็ถือว่า เยอะสำหรับตัวเราเอง เพราะว่า เราไม่ค่อยชอบไปเที่ยวช๊อปปิ้งเท่าไร ส่วนมากเราชอบไปเดินพวกตามสวนสาธารณะ แล้วก็กินอาหารชิวๆ ประมาณ subway มากกว่า ที่จะไปกินตามร้านอาหารแพงๆ มื้อละ 30-40 ปอนด์ ซึ่งตอนนี้ จากเงิน หนึ่งแสนห้า เราสามารถดำเนินชีวิต มาอยู่ ณ เมืองลอนดอน เมืองที่ถือว่า ค่าครองชีพแพงติดอันดับเหมือนกัน แต่เราไม่ได้อยู่แบบ อดๆ อยากๆ นะ.. เพราะว่าบางเดือน ที่เป็นช่วงปิดเทอม เราสามารถทำงานเต็มเวลาได้
ที่มาเขียนกระทู้นี้ ไม่ได้ต้องการอยากจะโอ้อวดหรือว่า อยากจะป่าวประกาศให้โลกรู้ว่า ฉันเรียนลอนดอนนะ หรือว่าอะไร แต่มีคนหลังไมค์มาหลายคน ว่าเป็นยังไงบ้าง ทำอะไรบ้าง อีกทั้งเห็นน้องๆ หลายคน บอกว่า ไม่มีทุนในการเรียน แต่อยากเรียนต่อเมืองนอก
“ทำให้นึกถึงตัวเองตอนที่ยังยืนอยู่ตรงจุดๆนั้นได้ว่า ไม่มีใครสามารถช่วยเราได้ นอกจากศึกษาหาความรู้ตัวเองและพยายามเปิดโอกาศให้ดีที่สุด”
ยังไงซะ ตอนนี้ ความฝันเราก็เป็นจริงแล้ว ได้มายังต่างประเทศอีกทั้งยังได้ประสบการณ์ แถมยังได้วุฒิปริญญาโท กลับไปให้ครอบครัวอีก น้องๆ ที่มีฝัน จงอย่าทิ้งความฝันนะคะ สู้ๆ จ๊ะ
แชร์ประสบการณ์ มีเงินไม่ถึงล้าน ก็ไปเรียนป.โท เมืองนอกได้
ก่อนอื่นขอบอกไว้ก่อนเลยนะคะว่า ทางบ้านมีฐานะปานกลาง ไม่ร่ำรวยอะไรมาก แต่มีอย่างหนึ่งที่ตัวเจ้าของกระทู้เองอยากจะได้มานานคือ อยากจะออกท่องโลกไปต่างประเทศเหมือนกับคนอื่นๆ บ้าง
ตอนแรก ก็พยายามติดต่อเลือกหาเอเจนซี่ที่ดีๆ ว่ามีที่ไหนมีคนเข้าไปปรึกษาเยอะๆบ้าง..บางที่พอเราบอกว่า มีงบแค่นี้ ก็ตัดหางเราไปเลือก โทรไปปรึกษาก็ไม่รับ โทรไปถามก็บอกว่าไม่ว่างเดี๋ยวจะโทรกลับ แล้วก็หายไปเลย
เราก็เลยตัดสินใจแล้วว่า คงจะหาข้อมูลเองดีกว่า เราก็หาไปเรื่อยๆนะ .. ตอนแรกเลือกที่จะไป Work and travel เราไม่เลือกงาน ตอนนั้นเราเลือกที่จะทำงานเป็นพวกแม่บ้าน เพราะว่าได้เงินเยอะที่สุด เราถือว่า จะไปทำงาน แล้วก็หาเงินเก็บเที่ยวเองด้วย เราก็สัมภาษณ์อะไรทุกอย่างเสร็จ จนเค้ามาเปลี่ยนกฏว่า สามารถไปได้เฉพาะเดือนนี้ๆ เท่านั้น ในช่วงนั้นเราเปิดเทอมกับตอนที่เรียนป.ตรี ปี 4 พอดี ก็ทำให้อดไป
เลยลองหาทุนที่เราสามารถที่จะสมัครและพอมีลุ้นอยู่ได้บ้าง ซึ่งก็มีอยู่ทุนหนึ่ง ทุน ICDF ซึ่ง ก็ลงทุนไปสัมภาษณ์อะไรทุกอย่าง ถึงวันประกาศผล ก็ไม่ได้อีกอยู่ดี
ตอนนั้นเริ่มที่จะท้อแล้วว่า คงจะหมดหวังแน่เลย แต่ดีที่ว่า ทางครอบครัวสนับสนุนว่า ยังพอมีเวลา ลองหาดูๆ ก็ได้..
เราก็หาไปเรื่อยๆ จนเจอกับ โปรแกรมนึง ค่าเรียนก็ประมาณ 7พันปอนด์ ตอนนั้นโชคดีที่ค่าเงินเหลือแค่ 46-48 บาท ต่อหนึ่งปอนด์ ก็รีบทำการจ่ายค่าเรียน สมัครเรียนไปเรียบร้อย อีกอย่างก็ลองปรึกษารุ่นพี่ๆ ดูที่เคยอยู่ที่อังกฤษ ลอนดอน ว่า การใช้ชีวิตเป็นยังไง บางคนเค้าก็ทำงานส่งเสียตัวเองเรียน หาเงินเช่าบ้านเองจากการทำงานที่สามารถทำได้ 20 ชั่วโมงต่อสัปดาห์
ทางด้าน Ranking ของมหาลัยสำหรับเรา เราไม่ค่อยเน้นเรื่องนี้ เพราะว่าทุกมหาลัยมีดีอยู่ที่ตัวของมันเอง ขึ้นอยู่กับว่าเราสามารถที่จะไขว่คว้าความรู้ได้มากน้อยเท่าไร
เราก็ทำการจ่ายค่าเทอมไปประมาณ 3.5 แสนบาท ตอนนั้นแม่ให้เงินติดตัวมาลอนดอน 1.5 แสนบาท เรามีรุ่นพี่ที่อยู่ที่ลอนดอน เป็นธุระเรื่องหาบ้านที่พักให้ พี่เค้าก็มารับเราจาก สนามบิน Heathrow เงินก้อนแรกที่ได้จากแม่มา ก็พยายามใช้จ่ายเฉพาะที่จำเป็น คิดหน้าคิดหลังตลอด เพราะว่าช่วงนั้นยังไม่มีงานทำ เพราะเพิ่งมาอาทิตย์แรก จากนั้นก็พยายามหางาน ก็ไปได้ร้านอาหารของฝรั่ง แต่ว่าขายอาหารจีน ก็สามารถมีเงินเข้าเป็นของตัวเองได้ เดือนหนึ่งๆ ก็ตกประมาณ 500 ปอนด์ก็ถือว่า เยอะสำหรับตัวเราเอง เพราะว่า เราไม่ค่อยชอบไปเที่ยวช๊อปปิ้งเท่าไร ส่วนมากเราชอบไปเดินพวกตามสวนสาธารณะ แล้วก็กินอาหารชิวๆ ประมาณ subway มากกว่า ที่จะไปกินตามร้านอาหารแพงๆ มื้อละ 30-40 ปอนด์ ซึ่งตอนนี้ จากเงิน หนึ่งแสนห้า เราสามารถดำเนินชีวิต มาอยู่ ณ เมืองลอนดอน เมืองที่ถือว่า ค่าครองชีพแพงติดอันดับเหมือนกัน แต่เราไม่ได้อยู่แบบ อดๆ อยากๆ นะ.. เพราะว่าบางเดือน ที่เป็นช่วงปิดเทอม เราสามารถทำงานเต็มเวลาได้
ที่มาเขียนกระทู้นี้ ไม่ได้ต้องการอยากจะโอ้อวดหรือว่า อยากจะป่าวประกาศให้โลกรู้ว่า ฉันเรียนลอนดอนนะ หรือว่าอะไร แต่มีคนหลังไมค์มาหลายคน ว่าเป็นยังไงบ้าง ทำอะไรบ้าง อีกทั้งเห็นน้องๆ หลายคน บอกว่า ไม่มีทุนในการเรียน แต่อยากเรียนต่อเมืองนอก
“ทำให้นึกถึงตัวเองตอนที่ยังยืนอยู่ตรงจุดๆนั้นได้ว่า ไม่มีใครสามารถช่วยเราได้ นอกจากศึกษาหาความรู้ตัวเองและพยายามเปิดโอกาศให้ดีที่สุด”
ยังไงซะ ตอนนี้ ความฝันเราก็เป็นจริงแล้ว ได้มายังต่างประเทศอีกทั้งยังได้ประสบการณ์ แถมยังได้วุฒิปริญญาโท กลับไปให้ครอบครัวอีก น้องๆ ที่มีฝัน จงอย่าทิ้งความฝันนะคะ สู้ๆ จ๊ะ