เล่าสู่กันฟังสำหรับปัญหาการซื้อads ใน Facebook
มี case studied ของลูกศิษย์รุ่น 2 กับการทำโฆษณากับ Facebook Fanpage มาเล่าสู่กันฟังค่ะ เป็นน้องที่ได้มาเรียน หลักสูตรภาคปฏิบัติ3วัน“สอนทำธุรกิจขายของออนไลน์...”(ขออนุญาตไม่บอกชื่อหลักสูตรเต็มๆนะคะกลัวผิดกฏค่ะ) เมื่อช่วง2เดือนที่ผ่านมาค่ะ หลังจากน้องท่านนี้ผ่านการเรียนทั้งแนวคิดการหาสินค้ามาขาย การวางระบบเวปไซต์ให้เป็นSEO Friendly , การโปรโมทเวปไซต์ และการใช้Socail Mediaต่างๆ น้องท่านนี้จึงได้ตัดสินสร้างธุรกิจร้านขายสินค้าเกี่ยวกับผู้หญิงอย่างหนึ่ง(ขอสงวสิทธิ์ให้ลูกศิษย์นิดนึงนะคะ) ธุรกิจเติบโตเร็วมาก ถึงขนาดตอบลูกค้าไม่ทัน(อันนี้แอบภูมิใจค่ะ ศิษย์เราทำได้) ช่องทางการขายหลากหลายทั้งเวปไซต์,Facebook Fanpageและอีกหลายช่องทาง ทีนี้ช่องทางในการโปรโมทร้านของเค้ายังคงเน้นเป็น Fanpage Facebook โดยเน้นหลักในการทำads แบบซื้อ LIKES โดยไม่ได้ดึง traffic กลับมายัง website เลย
Transaction ของธุรกิจจะเป็น 40%บนเวปไซต์ และ 60%จาก FB ซึ่งเริ่มพบปัญหาของคือ
1. ต้องซื้อ Ads เพื่อ โปรโมท post ของตัวเองตลอดเพราะ organic เข้าไม่ถึง fan
2. ต้องคอย ทำ ads เพื่อซื้อ likes ทั้งนี้ 2 กิจกรรมนี้เป็นเรื่องปกติในการทำ marketing บน FB อยู่แล้วค่ะ แต่ปัญหาอยู่ที่
ช่วงสัปดาห์ที่แล้ว ทางFacebook บล็อคการทำธุรกิจทุกอย่างบนหน้า เพจ ทั้งการส่งข้อความ, การสร้าง ads ใหม่ โดยเบื้องต้นไม่ให้เหตุผลใดๆเลย ใบตองแนะนำให้ส่งเรื่องร้องเรียนไปยัง Facebook แต่การส่งเรื่องร้องเรียนแบบทั่วไป จะถูกทาง Facebook มองข้ามไปอย่างไม่ใยดี เพราะเรื่องร้องเรียนมีเยอะมากๆๆๆๆ ดังนั้นการส่งเรื่องร้องเรียนที่ปกติแล้วทางFacebookตอบเร็วที่สุด คือ การส่งเรื่องร้องเรียนเกี่ยวกับการทำ ads (สร้าง ads ไม่ได้, จ่ายเงินไม่ได้,) ซึ่งหากเป็นคำถามที่ถูกส่งมาประเภทนี้ ทางFacebook จะตอบเร็วมากภายใน 24-72ชม. ค่ะ
Facebook ใช้เวลาเกือบวันครึ่งกว่าจะให้คำตอบว่า “ภาพที่ใช้ในการทำ ads เน้นสัดส่วนสรีระมากเกินไป ออกแนว โป๊เปลือย” ขัดต่อกฎข้อห้ามของ Facebook ทั้งนี้น้องเจ้าของเพจก็ต้องรีบทำการแก้ไขและส่งเรื่องเข้าไปอธิบายอีกรอบในเรื่องของลักษณะธุรกิจ และกว่าที่ทาง Facebook จะprove ได้ก็กินเวลาไปเกือบ 5 วัน (เนื่องจากเรื่อง time zoneด้วยค่ะ) ทำให้น้องเจ้าของธุรกิจกระวนกระวายใจมาก เพราะตอนที่ เพจใช้งานได้ไม่ได้แนะนำให้ลูกค้าไปที่หน้าเวปไซต์ตัวเองเพื่อสั่งซื้อสินค้า ไม่ถ่ายเท traffic ไปบ้าง เมื่อเกิดปัญหาแบบนี้เลยยุ่งๆกันเลยค่ะ
ใบตองจึงแนะนำลูกศิษย์ ให้ลองทบทวนการวางแผนในการทำโครงสร้างเวปไซต์ , การทำ Keyword Plan ตามที่เรียน ลดการพึ่งพาFacebook(ในมุมมองระยะยาว) และให้หลักการในการทำFanpage ไปเบื้องต้น และช่วยแนะนำแก้ปัญหาทีละเปราะ ตามอาการ สถานการณ์จึงดีขึ้นค่ะ
ดังนั้น จะเห็นชัดเจนถึงข้อดีของการมีเวปไซต์ซึ่ง หากเราทำ SEO ดีๆ ลูกค้าส่วนใหญ่ไปทางเวปไซต์ เมื่อ Facebook เกิดปัญหา เรายังไม่เกิดความสูญเสียมาก แต่หากเรามีเพียง Facebook เพียงอย่างเดียว เมื่อเกิดปัญหาดังกล่าวขึ้น หรือ ความเสี่ยงในการเปลี่ยนกฎเกณฑ์ของ Facebook เองย่อมทำให้เกิดปัญหาต่อธุรกิจออนไลน์ของเราอย่างชัดเจนแน่นอนค่ะ
อิอิ รูปล่างยืนยันจ้าว่าเป็นวิทยากรตัวจริง (ให้ทายว่าใครคือใบตอง ^_^)
เล่าสู่กันฟังสำหรับปัญหาการซื้อads ใน Facebook
มี case studied ของลูกศิษย์รุ่น 2 กับการทำโฆษณากับ Facebook Fanpage มาเล่าสู่กันฟังค่ะ เป็นน้องที่ได้มาเรียน หลักสูตรภาคปฏิบัติ3วัน“สอนทำธุรกิจขายของออนไลน์...”(ขออนุญาตไม่บอกชื่อหลักสูตรเต็มๆนะคะกลัวผิดกฏค่ะ) เมื่อช่วง2เดือนที่ผ่านมาค่ะ หลังจากน้องท่านนี้ผ่านการเรียนทั้งแนวคิดการหาสินค้ามาขาย การวางระบบเวปไซต์ให้เป็นSEO Friendly , การโปรโมทเวปไซต์ และการใช้Socail Mediaต่างๆ น้องท่านนี้จึงได้ตัดสินสร้างธุรกิจร้านขายสินค้าเกี่ยวกับผู้หญิงอย่างหนึ่ง(ขอสงวสิทธิ์ให้ลูกศิษย์นิดนึงนะคะ) ธุรกิจเติบโตเร็วมาก ถึงขนาดตอบลูกค้าไม่ทัน(อันนี้แอบภูมิใจค่ะ ศิษย์เราทำได้) ช่องทางการขายหลากหลายทั้งเวปไซต์,Facebook Fanpageและอีกหลายช่องทาง ทีนี้ช่องทางในการโปรโมทร้านของเค้ายังคงเน้นเป็น Fanpage Facebook โดยเน้นหลักในการทำads แบบซื้อ LIKES โดยไม่ได้ดึง traffic กลับมายัง website เลย
Transaction ของธุรกิจจะเป็น 40%บนเวปไซต์ และ 60%จาก FB ซึ่งเริ่มพบปัญหาของคือ
1. ต้องซื้อ Ads เพื่อ โปรโมท post ของตัวเองตลอดเพราะ organic เข้าไม่ถึง fan
2. ต้องคอย ทำ ads เพื่อซื้อ likes ทั้งนี้ 2 กิจกรรมนี้เป็นเรื่องปกติในการทำ marketing บน FB อยู่แล้วค่ะ แต่ปัญหาอยู่ที่
ช่วงสัปดาห์ที่แล้ว ทางFacebook บล็อคการทำธุรกิจทุกอย่างบนหน้า เพจ ทั้งการส่งข้อความ, การสร้าง ads ใหม่ โดยเบื้องต้นไม่ให้เหตุผลใดๆเลย ใบตองแนะนำให้ส่งเรื่องร้องเรียนไปยัง Facebook แต่การส่งเรื่องร้องเรียนแบบทั่วไป จะถูกทาง Facebook มองข้ามไปอย่างไม่ใยดี เพราะเรื่องร้องเรียนมีเยอะมากๆๆๆๆ ดังนั้นการส่งเรื่องร้องเรียนที่ปกติแล้วทางFacebookตอบเร็วที่สุด คือ การส่งเรื่องร้องเรียนเกี่ยวกับการทำ ads (สร้าง ads ไม่ได้, จ่ายเงินไม่ได้,) ซึ่งหากเป็นคำถามที่ถูกส่งมาประเภทนี้ ทางFacebook จะตอบเร็วมากภายใน 24-72ชม. ค่ะ
Facebook ใช้เวลาเกือบวันครึ่งกว่าจะให้คำตอบว่า “ภาพที่ใช้ในการทำ ads เน้นสัดส่วนสรีระมากเกินไป ออกแนว โป๊เปลือย” ขัดต่อกฎข้อห้ามของ Facebook ทั้งนี้น้องเจ้าของเพจก็ต้องรีบทำการแก้ไขและส่งเรื่องเข้าไปอธิบายอีกรอบในเรื่องของลักษณะธุรกิจ และกว่าที่ทาง Facebook จะprove ได้ก็กินเวลาไปเกือบ 5 วัน (เนื่องจากเรื่อง time zoneด้วยค่ะ) ทำให้น้องเจ้าของธุรกิจกระวนกระวายใจมาก เพราะตอนที่ เพจใช้งานได้ไม่ได้แนะนำให้ลูกค้าไปที่หน้าเวปไซต์ตัวเองเพื่อสั่งซื้อสินค้า ไม่ถ่ายเท traffic ไปบ้าง เมื่อเกิดปัญหาแบบนี้เลยยุ่งๆกันเลยค่ะ
ใบตองจึงแนะนำลูกศิษย์ ให้ลองทบทวนการวางแผนในการทำโครงสร้างเวปไซต์ , การทำ Keyword Plan ตามที่เรียน ลดการพึ่งพาFacebook(ในมุมมองระยะยาว) และให้หลักการในการทำFanpage ไปเบื้องต้น และช่วยแนะนำแก้ปัญหาทีละเปราะ ตามอาการ สถานการณ์จึงดีขึ้นค่ะ
ดังนั้น จะเห็นชัดเจนถึงข้อดีของการมีเวปไซต์ซึ่ง หากเราทำ SEO ดีๆ ลูกค้าส่วนใหญ่ไปทางเวปไซต์ เมื่อ Facebook เกิดปัญหา เรายังไม่เกิดความสูญเสียมาก แต่หากเรามีเพียง Facebook เพียงอย่างเดียว เมื่อเกิดปัญหาดังกล่าวขึ้น หรือ ความเสี่ยงในการเปลี่ยนกฎเกณฑ์ของ Facebook เองย่อมทำให้เกิดปัญหาต่อธุรกิจออนไลน์ของเราอย่างชัดเจนแน่นอนค่ะ
อิอิ รูปล่างยืนยันจ้าว่าเป็นวิทยากรตัวจริง (ให้ทายว่าใครคือใบตอง ^_^)