ระหว่างที่ Korra Book 4 กำลังฉาย(หลังเปิดตัวตอนแรกแล้วช้ำใจกับสภาพนางสุดๆ โถแม่อวตาร...ชีวิตช่วงขาลง มีแววจะตายตอนจบมั้ยเนี่ย?) ขออนุญาตนำเสนอ Fan-fic น่าสนใจที่ไปพบมาในบอร์ดต่างประเทศหน่อยครับ
**ผมพยามอ่านกฎการใช้บอร์ดดูคร่าวๆแล้ว ไม่คิดว่ามีกฎห้ามเอาแฟนฟิคมาลง แต่ถ้ามีแล้วผมพลาดไปก็แจ้งได้นะครับ จะได้ลบกระทู้นี้
1 ใน AU ที่ค่อนข้างน่าสนใจของ Korra หลัง Book 3 ฉายก็คือ "จะเกิดอะไรขึ้นถ้าภาคีบัวแดงลักพาตัวเธอได้สำเร็จเมื่อ 12 ปีก่อน?" กำเนิดเป็น Fic-what if อยู่หยิบมือหนึ่ง(เสียดายมีไม่เยอะเท่าไหร่) บางอันก็น่าสนใจ บางอันก็......เอิ่ม......อย่าไปพูดถึงมันเลย
ที่ผมนำมาลองแปลและเรียบเรียงเองนี่คือฟิคที่ส่วนตัวแล้วผมว่าเขียนได้สนุกที่สุดครับ โดยคนเขียนสร้างกิมมิค "คอร่าแห่งภาคีบัวแดง" แล้วให้เธอได้ผจญภัยผ่านเหตุการณ์ใน Book 1 ในแบบของเธอเอง และแน่นอนว่าบัวแดงคอร่านี้มีอะไรหลายๆอย่างต่างไปจากคอร่าต้นฉบับอย่างมหาศาล
ถ้าใครติดใจ สามารถติดตามต้นฉบับ(ภาษาอังกฤษ)ได้ที่ลิงค์นี้นะครับ
https://www.fanfiction.net/s/10687678/1/Red-Lotus-Korra
ตอนนี้คนเขียนลงไว้ 5 บทแล้ว
-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------
บัวแดงคอร่า
ตอนที่ 1. พลเมืองคอร่า
ดิน ไฟ ลม น้ำ
นามข้าคือซาเฮียร์ สมัยเป็นเด็ก...ข้าได้ยินเรื่องราวของอวตารแองก์และเหล่าผองเพื่อนวีรชนผู้ยุติสงคราม 100 ปีลงได้
อวตารแองก์และจ้าวอัคคีซูโกะได้ร่วมกันเปลี่ยนเขตอาณานิคมหนึ่งของแคว้นอัคคีให้กลายเป็นนครสาธารณรัฐ สังคมที่เหล่าผู้ใช้ธาตุและผู้ไร้ธาตุจากทั่วโลกมาอยู่ร่วมกัน...ภายใต้การปกครองอันกดขี่ข่มเหง สถานที่แห่งนั้นมีนามว่า มหานครรีพับลิค
อวตารแองก์ประกอบวีรกรรมมากมายในชีวิตของท่าน แต่น่าเศร้าที่สิ่งเหล่านั้นหาได้งดงามดั่งเปลือกนอก และเฉกเช่นวัฏจักกรของฤดูกาล วัฏจักรแห่งอวตารก็กลับมากำเนิดใหม่อีกครั้ง
และข้าก็ได้รับโอกาสให้แก้ไขความผิดพลาดของโลกใบนี้
-
ในกระท่อมหลังน้อยกลางทุ่งน้ำแข็งร้างที่ไหนสักแห่ง ณ ขั้วโลกใต้ ชายศีรษะล้านหน้าตาเคร่งเครียดกับสหายอีก 3 คนนั่งอยู่ภายใน ครู่หนึ่งผ่านไปชายคนนั้นจึงเอ่ยปาก
"เราควรฆ่านางซะ"
ซาเฮียร์ ไป่ลี หมิงฮวา และ
กาซาน ทั้ง 4 นั่งล้อมวงอยู่รอบร่างของเด็กหญิงวัย 5 ขวบที่นอนหลับคุดคู้อยู่กับลูกหมาหมีขั้วโลก
"...แต่นางยังเป็นเด็ก" หมิงฮวากล่าว จ้องมอง
อวตารตัวน้อยด้วยความรู้สึกเห็นใจ แต่ซาเฮียร์ตอบปฏิเสธโดยไม่ต้องคิดอะไรมาก "นางคือสัญลักษณ์ของทุกสิ่งทุกอย่างที่เราต่อกร ข้าว่าเราควรทำให้นางเข้าสู่ฌานอวตารและสังหารนางซะเดี๋ยวนี้เลย"
"หรือไม่...เราก็ควรเลี้ยงดูฝึกฝนนาง"
คำพูดของกาซานทำให้ทุกคนหันมาสนใจผู้ใช้ธาตุดินเป็นตาเดียว
"ฝึกนาง?" ซาเฮียร์ทวนคำ กาซานพยักหน้าก่อนจะอธิบาย "ใช่ ฝึกฝนนาง ลองคิดดูสิซาเฮียร์ ถ้าเราฆ่านาง...นางก็จะกลายเป็นมรณะสักขี แต่ถ้าเราเลี้ยงดูนางให้เติบโตมาเป็นพวกเราได้ นางก็จะกลายเป็นพันธมิตรที่ทรงพลัง ยังไงนางก็เป็นถึงอวตารเชียวนะ"
"ข้าเห็นด้วย" หญิงสาวที่มีรอบสักรูปดวงตาบนหน้าผากกล่าว ซาเฮียร์หันไปหาเธอด้วยสายตาฉงน
"นี่เจ้าเข้าข้างกาซานรึ? ไป่ลี"
"ก็...คราวนี้เขาพูดมีเหตุผลอยู่นะ" หมิงฮวาเสริม กาซานกล่าวขอบคุณในความสนับสนุน เสียงโหวต 3 ใน 4 จึงกล่าวได้ว่าเป็นเอกฉันท์ กระนั้นไป่ลีก็ยังถามซาเฮียร์ในฐานะที่เขาเป็นหัวหน้ากลุ่ม
"ตกลงว่ายังไงซาเฮียร์? เราไว้ชีวิตนางได้มั้ย?"
ซาเฮียร์จ้องมองใบหน้ายามหลับใหลของอวตารน้อยอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะถอนหายใจและพยักหน้าเบาๆ
"ตกลง เราจะไว้ชีวิตนาง"
วันเวลาผ่านไปหลังการตัดสินใจที่ผลิกผันโชคชะตาในคืนนั้น คนทั่วโลกได้รับรู้ข่าวของอวตารน้อยที่ถูกกลุ่มอาชญากรนาม 'ภาคีบัวแดง' ลักพาตัวไป ทั้งยังข่าวลือที่มีมูลความจริงว่าอาชญากรเหล่านั้นได้สังหารนางในขณะที่อยู่ในสภาวะฌานอวตาร ทำลายสิ้นแล้วซึ่งวัฏจักรเวียนว่ายตายเกิดของผู้ควบคุมธาตุทั้ง 4 แต่โลกก็ยังต้องดำเนินต่อไปแม้ไร้ซึ่งอวตาร...
วันคืนของเด็กสาวนามคอร่าเองก็ผ่านไปในชีวิตใหม่ของเธอ วันเวลาที่ฝึกว่ายน้ำและวิชาควบคุมน้ำที่ทะเลสาบกับหมิงฮวา(ถือเป็นความอับอายวัยเด็กที่ว่ายน้ำแพ้คนแขนด้วน) ฝึกวิชาธาตุดินกับกาซาน ฝึกวิชาต่อสู้มือเปล่าโดยไม่ใช้พลังธาตุแบบตัวต่อตัวกับซาเฮียร์ และฝึกวิชาธาตุไฟกับไป่ลี โดยเฉพาะการเล่นแข่งกันพ่นไฟกับผู้ที่เป็นเสมือนมารดาบังเกิดเกล้าของเธอ
12 ปีผ่านไป
คอร่าสะบัดลูกเตะสร้างเปลวเพลิงยิงใส่หมิงฮวาที่แม้จะยกม่านน้ำมากั้นก็ยังโดนซัดกระเด็นไปนอนกับพื้น กาซานกับไป่ลีพยามโจมตีเด็กสาวด้วยพลังธาตุของตน แต่ก็แทบไร้ผลเมื่อคอร่าสร้างกำแพงไฟล้อมตัวป้องกัน
ซาเฮียร์นั่งชมเหตุการณ์ด้วยสีหน้าสงบนิ่ง มองดูอวตารหลบลูกไฟไป่ลีขณะพุ่งเข้าไปเตะตัดขาหญิงสาวจนล้มแล้วยิงซ้ำด้วยพลังไฟเธอเอง น็อคไป่ลีตามหมิงฮวาไปติดๆ และจบลงด้วยกาซานที่พยามยกหินยิงใส่เธอ แต่ถูกคอร่ายิงสวนกลับด้วยหินที่ใหญ่กว่าจนชายหนุ่มลอยไปกระแทกหลังคาตึกร้างใกล้ๆสนามฝึกซ้อม ร่างของกาซานทิ้งรอยควันไว้เป็นทางขณะไถลลงมา จังหวะเดียวกับที่หมิงฮวาและไป่ลีลุกขึ้นได้
"นางแข็งแกร่งจริงๆ" สาวไร้แขนกล่าว น้ำเสียงราบเรียบของเธอแฝงไว้ด้วยความภาคภูมิใจนิดๆ
"นางยังขาดการยับยั้งชั่งใจเวลาใช้พลัง" ไป่ลีเอ่ยสวน กระนั้นน้ำเสียงดุดันของเธอกลับฟังดูปลาบปลื้มในตัวของเด็กสาวยิ่งกว่าหมิงฮวาเสียอีก
คอร่าถอดแผ่นเกราะอ่อนที่เธอสวมเวลาฝึกซ้อมออก ชุดที่เธอใส่นั้นเป็นเสื้อผ้าแบบเรียบๆ ง่ายๆ ออกแนวสมบุกสมบั่นแบบพวกคนพเนจรหรือนักเดินทาง ดูเข้ากันอย่างประหลาดกับสภาพแวดล้อมที่เป็นหุบเขาลึกห่างไกลจากแหล่งชุมชน
"มันส์สุดๆไปเลย! ใครอยากต่ออีกยกบ้าง!?" เด็กสาวแถมเสียงใส แต่คู่ซ้อมทั้ง 3 พร้อมใจกันส่ายหัว คอร่าเบ้ปากก่อนจะวิ่งไปหาซาเฮียร์ที่ยังนั่งดูอยู่ที่เดิมด้วยสีหน้าที่ไร้ความเปลี่ยนแปลง
"ทำไมทำหน้าบึ้งอย่างนั้นล่ะคะพ่อ? เวลาอย่างนี้มันต้องฉลองกันมากกว่า! ฉันฝึกสำเร็จไปแล้ว 3 ธาตุ เหลืออีกแค่ธาตุเดียวเท่านั้นเอง!" คอร่ากล่าวด้วยท่าทีรื่นเริง ขณะที่คนอื่นๆเดินมารวมตัวกันคล้ายจะรอฟังคำติชมจากซาเฮียร์ ชายหัวล้านถอนหายใจ
"ตั้งแต่เด็ก พลังธาตุทางกายภาพของเจ้านั้นแข็งแกร่งไร้ข้อกังขา แต่เจ้ากลับละเลยพลังด้านจิตวิญญาณเสียสิ้น ผู้ที่เป็นอวตารจำเป็นต้องเชี่ยวชาญทั้ง 2 ด้าน"
"ฉันก็ไม่ได้ละเลยซะหน่อย...แค่หัวฉันมันไม่ไปด้านนี้จริงๆ" คอร่าทำตกตาอยู่ขั่วขณะก่อนจะสีหน้าจะกลับมาสดใสเหมือนเดิม "แต่นั่นก็คือเหตุผลที่ฉันต้องเรียนวิชาธาตุลมเดี๋ยวนี้เลยใช่ไหมล่ะ? เพราะธาตุลมน่ะ...ประมาณว่าเป็นธาตุแห่งจิตวิญญาณอะไรแบบนั้น!"
ไป่ลียิ้มกับท่าทีกระตือรือร้นของเด็กสาวก่อนจะหันไปหาซาเฮียร์ที่ดูเหมือนจะตัดสินใจได้ในที่สุด
"ตกลงว่าไง? ซาเฮียร์" ไป่ลีถาม
ซาเฮียร์ยังคงทำสีหน้าบึ้งตึงคล้ายไม่เต็มใจนักขณะตอบ "ข้าจะให้โอกาสเจ้าสักครั้ง คอร่า คืนนี้เราจะเริ่มแผน
'ปฏิบัติการหลบหนี'"
"เย่!!!! ได้เวลาซะที!!" อวตารสาวตะโกนสุดเสียง ก่อนจะรู้ตัวสมาชิกคนอื่นๆจ้องเธออยู่ โดยเฉพาะกาซานที่แอบหัวเราะเบาๆ คอร่ารีบเปลี่ยนท่าทีเป็นสุภาพจริงจังซึ่งเธอทำได้แม้จะไม่เป็นธรรมชาติเท่าไรนัก "หมายถึง...ขอบคุณที่เชื่อในตัวฉันค่ะ ท่านพ่อ"
เด็กสาวค่อยๆเดินจากไป แต่เพียงไม่กี่ก้าวก็ทนต่อไปไม่ไหวและเปลี่ยนเป็นวิ่งโร่ด้วยความตื่นเต้นออกจากหุบเขา ทั้งไป่ลี หมิงฮวา และกาซานล้วนยิ้มให้เธอแม้อวตารจะลับสายตาไปแล้ว มีเพียงซาเฮียร์ที่ยังทำหน้าเครียดด้วยความเป็นห่วง
คอร่าพุ่งเข้ามาในถ้ำที่ซ่อนอยู่บริเวณเชิงเขา ภายในปรากฏหมาหมีขาวตัวหนึ่งนอนขดอยู่ เจ้าสัตว์ยักษ์ลุกขึ้นยืนกระดิกหางทันทีที่เห็นเจ้านายของมัน
"นากะ! แกน่าจะได้เห็นนะ ในที่สุดพ่อก็อนุญาตให้ฉันเรียนวิชาธาตุลมแล้ว!" เด็กสาวกอดคอเจ้าหมาตัวใหญ่ "พวกเรากำลังจะได้ไปเมืองรีพับลิคกันแล้ว สาวน้อย!!" เธอตะโกนพร้อมเกาหัวให้นากะซึ่งใช้ลิ้นเลียหน้าเธอตอบแทน
-
[Spoil Book 1,3] The Legend of Korra : Red Lotus Korra จะเกิดอะไรขึ้นหากคอร่าเป็น 1 ในภาคีบัวแดง?(แปลฟิคจากบอร์ดนอก)
**ผมพยามอ่านกฎการใช้บอร์ดดูคร่าวๆแล้ว ไม่คิดว่ามีกฎห้ามเอาแฟนฟิคมาลง แต่ถ้ามีแล้วผมพลาดไปก็แจ้งได้นะครับ จะได้ลบกระทู้นี้
1 ใน AU ที่ค่อนข้างน่าสนใจของ Korra หลัง Book 3 ฉายก็คือ "จะเกิดอะไรขึ้นถ้าภาคีบัวแดงลักพาตัวเธอได้สำเร็จเมื่อ 12 ปีก่อน?" กำเนิดเป็น Fic-what if อยู่หยิบมือหนึ่ง(เสียดายมีไม่เยอะเท่าไหร่) บางอันก็น่าสนใจ บางอันก็......เอิ่ม......อย่าไปพูดถึงมันเลย
ที่ผมนำมาลองแปลและเรียบเรียงเองนี่คือฟิคที่ส่วนตัวแล้วผมว่าเขียนได้สนุกที่สุดครับ โดยคนเขียนสร้างกิมมิค "คอร่าแห่งภาคีบัวแดง" แล้วให้เธอได้ผจญภัยผ่านเหตุการณ์ใน Book 1 ในแบบของเธอเอง และแน่นอนว่าบัวแดงคอร่านี้มีอะไรหลายๆอย่างต่างไปจากคอร่าต้นฉบับอย่างมหาศาล
ถ้าใครติดใจ สามารถติดตามต้นฉบับ(ภาษาอังกฤษ)ได้ที่ลิงค์นี้นะครับ
https://www.fanfiction.net/s/10687678/1/Red-Lotus-Korra
ตอนนี้คนเขียนลงไว้ 5 บทแล้ว
บัวแดงคอร่า
ตอนที่ 1. พลเมืองคอร่า
ดิน ไฟ ลม น้ำ
นามข้าคือซาเฮียร์ สมัยเป็นเด็ก...ข้าได้ยินเรื่องราวของอวตารแองก์และเหล่าผองเพื่อนวีรชนผู้ยุติสงคราม 100 ปีลงได้
อวตารแองก์และจ้าวอัคคีซูโกะได้ร่วมกันเปลี่ยนเขตอาณานิคมหนึ่งของแคว้นอัคคีให้กลายเป็นนครสาธารณรัฐ สังคมที่เหล่าผู้ใช้ธาตุและผู้ไร้ธาตุจากทั่วโลกมาอยู่ร่วมกัน...ภายใต้การปกครองอันกดขี่ข่มเหง สถานที่แห่งนั้นมีนามว่า มหานครรีพับลิค
อวตารแองก์ประกอบวีรกรรมมากมายในชีวิตของท่าน แต่น่าเศร้าที่สิ่งเหล่านั้นหาได้งดงามดั่งเปลือกนอก และเฉกเช่นวัฏจักกรของฤดูกาล วัฏจักรแห่งอวตารก็กลับมากำเนิดใหม่อีกครั้ง
และข้าก็ได้รับโอกาสให้แก้ไขความผิดพลาดของโลกใบนี้
ในกระท่อมหลังน้อยกลางทุ่งน้ำแข็งร้างที่ไหนสักแห่ง ณ ขั้วโลกใต้ ชายศีรษะล้านหน้าตาเคร่งเครียดกับสหายอีก 3 คนนั่งอยู่ภายใน ครู่หนึ่งผ่านไปชายคนนั้นจึงเอ่ยปาก
"เราควรฆ่านางซะ"
ซาเฮียร์ ไป่ลี หมิงฮวา และกาซาน ทั้ง 4 นั่งล้อมวงอยู่รอบร่างของเด็กหญิงวัย 5 ขวบที่นอนหลับคุดคู้อยู่กับลูกหมาหมีขั้วโลก
"...แต่นางยังเป็นเด็ก" หมิงฮวากล่าว จ้องมองอวตารตัวน้อยด้วยความรู้สึกเห็นใจ แต่ซาเฮียร์ตอบปฏิเสธโดยไม่ต้องคิดอะไรมาก "นางคือสัญลักษณ์ของทุกสิ่งทุกอย่างที่เราต่อกร ข้าว่าเราควรทำให้นางเข้าสู่ฌานอวตารและสังหารนางซะเดี๋ยวนี้เลย"
"หรือไม่...เราก็ควรเลี้ยงดูฝึกฝนนาง"
คำพูดของกาซานทำให้ทุกคนหันมาสนใจผู้ใช้ธาตุดินเป็นตาเดียว
"ฝึกนาง?" ซาเฮียร์ทวนคำ กาซานพยักหน้าก่อนจะอธิบาย "ใช่ ฝึกฝนนาง ลองคิดดูสิซาเฮียร์ ถ้าเราฆ่านาง...นางก็จะกลายเป็นมรณะสักขี แต่ถ้าเราเลี้ยงดูนางให้เติบโตมาเป็นพวกเราได้ นางก็จะกลายเป็นพันธมิตรที่ทรงพลัง ยังไงนางก็เป็นถึงอวตารเชียวนะ"
"ข้าเห็นด้วย" หญิงสาวที่มีรอบสักรูปดวงตาบนหน้าผากกล่าว ซาเฮียร์หันไปหาเธอด้วยสายตาฉงน
"นี่เจ้าเข้าข้างกาซานรึ? ไป่ลี"
"ก็...คราวนี้เขาพูดมีเหตุผลอยู่นะ" หมิงฮวาเสริม กาซานกล่าวขอบคุณในความสนับสนุน เสียงโหวต 3 ใน 4 จึงกล่าวได้ว่าเป็นเอกฉันท์ กระนั้นไป่ลีก็ยังถามซาเฮียร์ในฐานะที่เขาเป็นหัวหน้ากลุ่ม
"ตกลงว่ายังไงซาเฮียร์? เราไว้ชีวิตนางได้มั้ย?"
ซาเฮียร์จ้องมองใบหน้ายามหลับใหลของอวตารน้อยอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะถอนหายใจและพยักหน้าเบาๆ
"ตกลง เราจะไว้ชีวิตนาง"
วันเวลาผ่านไปหลังการตัดสินใจที่ผลิกผันโชคชะตาในคืนนั้น คนทั่วโลกได้รับรู้ข่าวของอวตารน้อยที่ถูกกลุ่มอาชญากรนาม 'ภาคีบัวแดง' ลักพาตัวไป ทั้งยังข่าวลือที่มีมูลความจริงว่าอาชญากรเหล่านั้นได้สังหารนางในขณะที่อยู่ในสภาวะฌานอวตาร ทำลายสิ้นแล้วซึ่งวัฏจักรเวียนว่ายตายเกิดของผู้ควบคุมธาตุทั้ง 4 แต่โลกก็ยังต้องดำเนินต่อไปแม้ไร้ซึ่งอวตาร...
วันคืนของเด็กสาวนามคอร่าเองก็ผ่านไปในชีวิตใหม่ของเธอ วันเวลาที่ฝึกว่ายน้ำและวิชาควบคุมน้ำที่ทะเลสาบกับหมิงฮวา(ถือเป็นความอับอายวัยเด็กที่ว่ายน้ำแพ้คนแขนด้วน) ฝึกวิชาธาตุดินกับกาซาน ฝึกวิชาต่อสู้มือเปล่าโดยไม่ใช้พลังธาตุแบบตัวต่อตัวกับซาเฮียร์ และฝึกวิชาธาตุไฟกับไป่ลี โดยเฉพาะการเล่นแข่งกันพ่นไฟกับผู้ที่เป็นเสมือนมารดาบังเกิดเกล้าของเธอ
12 ปีผ่านไป
คอร่าสะบัดลูกเตะสร้างเปลวเพลิงยิงใส่หมิงฮวาที่แม้จะยกม่านน้ำมากั้นก็ยังโดนซัดกระเด็นไปนอนกับพื้น กาซานกับไป่ลีพยามโจมตีเด็กสาวด้วยพลังธาตุของตน แต่ก็แทบไร้ผลเมื่อคอร่าสร้างกำแพงไฟล้อมตัวป้องกัน
ซาเฮียร์นั่งชมเหตุการณ์ด้วยสีหน้าสงบนิ่ง มองดูอวตารหลบลูกไฟไป่ลีขณะพุ่งเข้าไปเตะตัดขาหญิงสาวจนล้มแล้วยิงซ้ำด้วยพลังไฟเธอเอง น็อคไป่ลีตามหมิงฮวาไปติดๆ และจบลงด้วยกาซานที่พยามยกหินยิงใส่เธอ แต่ถูกคอร่ายิงสวนกลับด้วยหินที่ใหญ่กว่าจนชายหนุ่มลอยไปกระแทกหลังคาตึกร้างใกล้ๆสนามฝึกซ้อม ร่างของกาซานทิ้งรอยควันไว้เป็นทางขณะไถลลงมา จังหวะเดียวกับที่หมิงฮวาและไป่ลีลุกขึ้นได้
"นางแข็งแกร่งจริงๆ" สาวไร้แขนกล่าว น้ำเสียงราบเรียบของเธอแฝงไว้ด้วยความภาคภูมิใจนิดๆ
"นางยังขาดการยับยั้งชั่งใจเวลาใช้พลัง" ไป่ลีเอ่ยสวน กระนั้นน้ำเสียงดุดันของเธอกลับฟังดูปลาบปลื้มในตัวของเด็กสาวยิ่งกว่าหมิงฮวาเสียอีก
คอร่าถอดแผ่นเกราะอ่อนที่เธอสวมเวลาฝึกซ้อมออก ชุดที่เธอใส่นั้นเป็นเสื้อผ้าแบบเรียบๆ ง่ายๆ ออกแนวสมบุกสมบั่นแบบพวกคนพเนจรหรือนักเดินทาง ดูเข้ากันอย่างประหลาดกับสภาพแวดล้อมที่เป็นหุบเขาลึกห่างไกลจากแหล่งชุมชน
"มันส์สุดๆไปเลย! ใครอยากต่ออีกยกบ้าง!?" เด็กสาวแถมเสียงใส แต่คู่ซ้อมทั้ง 3 พร้อมใจกันส่ายหัว คอร่าเบ้ปากก่อนจะวิ่งไปหาซาเฮียร์ที่ยังนั่งดูอยู่ที่เดิมด้วยสีหน้าที่ไร้ความเปลี่ยนแปลง
"ทำไมทำหน้าบึ้งอย่างนั้นล่ะคะพ่อ? เวลาอย่างนี้มันต้องฉลองกันมากกว่า! ฉันฝึกสำเร็จไปแล้ว 3 ธาตุ เหลืออีกแค่ธาตุเดียวเท่านั้นเอง!" คอร่ากล่าวด้วยท่าทีรื่นเริง ขณะที่คนอื่นๆเดินมารวมตัวกันคล้ายจะรอฟังคำติชมจากซาเฮียร์ ชายหัวล้านถอนหายใจ
"ตั้งแต่เด็ก พลังธาตุทางกายภาพของเจ้านั้นแข็งแกร่งไร้ข้อกังขา แต่เจ้ากลับละเลยพลังด้านจิตวิญญาณเสียสิ้น ผู้ที่เป็นอวตารจำเป็นต้องเชี่ยวชาญทั้ง 2 ด้าน"
"ฉันก็ไม่ได้ละเลยซะหน่อย...แค่หัวฉันมันไม่ไปด้านนี้จริงๆ" คอร่าทำตกตาอยู่ขั่วขณะก่อนจะสีหน้าจะกลับมาสดใสเหมือนเดิม "แต่นั่นก็คือเหตุผลที่ฉันต้องเรียนวิชาธาตุลมเดี๋ยวนี้เลยใช่ไหมล่ะ? เพราะธาตุลมน่ะ...ประมาณว่าเป็นธาตุแห่งจิตวิญญาณอะไรแบบนั้น!"
ไป่ลียิ้มกับท่าทีกระตือรือร้นของเด็กสาวก่อนจะหันไปหาซาเฮียร์ที่ดูเหมือนจะตัดสินใจได้ในที่สุด
"ตกลงว่าไง? ซาเฮียร์" ไป่ลีถาม
ซาเฮียร์ยังคงทำสีหน้าบึ้งตึงคล้ายไม่เต็มใจนักขณะตอบ "ข้าจะให้โอกาสเจ้าสักครั้ง คอร่า คืนนี้เราจะเริ่มแผน 'ปฏิบัติการหลบหนี'"
"เย่!!!! ได้เวลาซะที!!" อวตารสาวตะโกนสุดเสียง ก่อนจะรู้ตัวสมาชิกคนอื่นๆจ้องเธออยู่ โดยเฉพาะกาซานที่แอบหัวเราะเบาๆ คอร่ารีบเปลี่ยนท่าทีเป็นสุภาพจริงจังซึ่งเธอทำได้แม้จะไม่เป็นธรรมชาติเท่าไรนัก "หมายถึง...ขอบคุณที่เชื่อในตัวฉันค่ะ ท่านพ่อ"
เด็กสาวค่อยๆเดินจากไป แต่เพียงไม่กี่ก้าวก็ทนต่อไปไม่ไหวและเปลี่ยนเป็นวิ่งโร่ด้วยความตื่นเต้นออกจากหุบเขา ทั้งไป่ลี หมิงฮวา และกาซานล้วนยิ้มให้เธอแม้อวตารจะลับสายตาไปแล้ว มีเพียงซาเฮียร์ที่ยังทำหน้าเครียดด้วยความเป็นห่วง
คอร่าพุ่งเข้ามาในถ้ำที่ซ่อนอยู่บริเวณเชิงเขา ภายในปรากฏหมาหมีขาวตัวหนึ่งนอนขดอยู่ เจ้าสัตว์ยักษ์ลุกขึ้นยืนกระดิกหางทันทีที่เห็นเจ้านายของมัน
"นากะ! แกน่าจะได้เห็นนะ ในที่สุดพ่อก็อนุญาตให้ฉันเรียนวิชาธาตุลมแล้ว!" เด็กสาวกอดคอเจ้าหมาตัวใหญ่ "พวกเรากำลังจะได้ไปเมืองรีพับลิคกันแล้ว สาวน้อย!!" เธอตะโกนพร้อมเกาหัวให้นากะซึ่งใช้ลิ้นเลียหน้าเธอตอบแทน