มติชนรายวัน 9 ตุลาคม 2557
คีนกับเฟอร์กี้
เรื่องความห้าวไม่เกรงกลัวใครของ รอย คีน อดีตกัปตันทีม แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด นั้น แฟนๆ คุ้นเคยกันมาตั้งแต่สมัยยังโลดแล่นในสนามแล้ว
วันนี้ถึงจะแขวนสตั๊ดไปแล้วและผันตัวไปทำงานกุนซือ โดยเป็นผู้ช่วยโค้ช แอสตัน วิลล่า กับทีมชาติไอร์แลนด์ รวมถึงงานคอมเมนเตเตอร์แล้ว คีนก็ยังคงปรากฏชื่อผ่านสื่ออยู่บ่อยครั้งเพราะคอมเมนต์แรงๆ ของเขา
ล่าสุด อดีตแข้งไอริชวัย 43 ปี สะเทือนวงการลูกหนังครั้งใหญ่อีกครั้งกับหนังสือชีวประวัติเล่มใหม่ล่าสุด ซึ่งข้อมูลหลายส่วนเน้นเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างเขากับคนรอบข้างที่ล้วนแล้วแต่เป็นบิ๊กเนมของวงการ โดยสื่อเมืองผู้ดีได้สรุป "ข้อความจากปาก(กา)" ที่เด่นๆ ในหนังสือเล่มนี้เอาไว้ ดังนี้
คีนพูดถึงเซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน
-"เขาไม่ใช่คนอบอุ่นใจดี ทำอะไรมักจะมีสาเหตุเสมอ เพราะงั้นเวลาเขามาทำดีด้วย ผมต้องนึกในใจไว้ก่อนเลยว่า ′ต้องมีเบื้องหลังแน่ๆ′ แต่นั่นก็เป็นจุดแข็งของเขานะ เพราะยูไนเต็ดเป็นสโมสรใหญ่ ความเย็นชาของเขานี่แหละที่ทำให้ทีมประสบความสำเร็จ"
คีนในจังหวะสกัดฮาแลนด์จนอีกฝ่ายเจ็บหนัก
คีนพูดถึงการขอโทษเฟอร์กี้หลังย้ายจากสโมสร
-"กลับมาคิดอีกที ผมไม่น่าขอโทษเขาเลยให้ตาย ทำไปแล้วก็มาคิดในใจว่า ′ไอ้เ-ี้ยเอ๊ย จะขอโทษทำไมวะ′ คงเพราะผมอยากทำเรื่องที่ถูกที่ควรมั้ง"
คีนพูดถึงการย้ายร่วมทีมแมนฯยูของคริสเตียโน่ โรนัลโด้
-"วันนั้นเราไปเตะแมตช์พิเศษฉลองเปิดสนามใหม่ของสปอร์ติ้ง ลิสบอน ผมเห็นแล้วว่าโรนัลโด้เจ๋งขนาดไหน วันนั้นเขาต้องดวลกับจอห์น โอเชีย ทำเอาชีสซี่ (ชื่อเล่นของโอเชีย) หัวหมุนต้องหาหมอหลังจบเกมเลย หลังจากนั้นแป๊บเดียว แมนฯยูก็เจรจาซื้อโรนัลโด้ทันที กลายเป็นเรื่องโจ๊กมาจนทุกวันนี้ว่า เป็นเพราะชีสซี่เล่นได้ห่วยแตกนี่แหละ เราถึงได้เซ็นสัญญาครั้งนี้"
คีนพูดถึงปีเตอร์ ชไมเคิล
(บน) คีนและคลาส ออฟ"92 (ล่าง) คีนกระทบกระทั่งกับชไมเคิล
-"ผมเคยมีเรื่องกับปีเตอร์ตอนเราไปทัวร์เอเชียก่อนเปิดฤดูกาล น่าจะที่ฮ่องกงมั้ง เราต่างคนต่างก็เมากันนิดหน่อย ตอนแรกผมก็จำไม่ได้หรอก แต่รุ่งขึ้นเราโดนโค้ชสวด ส่วนเพื่อนๆ ก็บอกว่าเรามีเรื่องกันในโรงแรม ผมถึงค่อยๆ นึกขึ้นได้ว่า ตอนนั้นปีเตอร์เข้ามาจับตัวผม ผมเลยเอาหัวโขกเขาซะ เราทะเลาะกันมานานแล้วครับ"
คีนพูดถึงการเข้าสกัดอัลฟ์-อินเก้ ฮาแลนด์
-"ชั่วชีวิตนี้ผมมีเรื่องที่เสียใจที่ทำลงไปหลายอย่าง แต่เรื่องของเขา (ฮาแลนด์) ไม่ใช่หนึ่งในนั้นนะ"
คีนพูดถึงปัญหาขัดแย้งกับคาร์ลอส เกยรอซ เมื่อปี 2005
-"ผมบอกเขาว่า ′นายไม่ต้องมาพูดเรื่องภักดีสโมสรกับฉัน คาร์ลอส อย่าเ-ือกตั้งคำถามเรื่องความซื่อสัตย์ของฉัน จำไม่ได้เรอะว่าทั้งยูเวนตุสและบาเยิร์น มิวนิก เคยอยากได้ฉันไปร่วมทีมขนาดไหน′"
คีนพูดถึงการคุมทีมซันเดอร์แลนด์ไปเตะที่โอลด์แทรฟฟอร์ดครั้งแรก
-"เฟอร์กูสันไม่ได้ชวนผมดื่มไวน์ (แบบที่เฟอร์กี้ชอบทำกับกุนซือคนอื่นๆ) ผมว่ามันไม่ใช่แล้วนะ หลังจากนั้น 2-3 วัน เขาถึงโทร.มาขอโทษ บอกว่ารอผมแล้วแต่รอไม่ไหว ต้องรีบออกไปก่อน ผมบอกเขาว่า เขาควรจะดื่มกับผม แบบเดียวกับที่ทำกับผู้จัดการทีมคนอื่นๆ แบบนี้มันไม่ให้ความเคารพกันชัดๆ"
คีนพูดถึงพอล สโคลส์ และคลาส ออฟ ′92
-"เขา (สโคลส์) เป็นนักเตะชั้นเลิศจริง แต่ผมไม่เชื่อลุคที่คนปั้นแต่งหรือมองว่าเขาเป็นหรอกนะ อย่างนิสัยสุภาพถ่อมตัวอะไรทำนองนั้น เขาไม่ใช่คนแบบนั้นซะทีเดียวหรอก เรื่อง คลาส ออฟ ′92 (เด็กปั้นยุคทองของเฟอร์กี้) ก็ด้วย พวกนี้น่ะเป็นนักเตะที่ดี แต่เรื่องบทบาทในทีมนี่คนเอาไปขยายกันเว่อร์มากๆ กลายเป็นแบรนด์ไปแล้ว ทำยังกับพวกนี้เหนือกว่าเพื่อนร่วมทีมคนอื่นโคตรๆ ทั้งที่ทุกคนก็มีความมุ่งมั่นเหมือนๆ กันนั่นแหละ"
คำต่อคำ ′รอย คีน′ ชำแหละ ′ผีแดง′ จากเซอร์เฟอร์กี้ ถึงคลาส ออฟ ′92!?
คีนกับเฟอร์กี้
เรื่องความห้าวไม่เกรงกลัวใครของ รอย คีน อดีตกัปตันทีม แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด นั้น แฟนๆ คุ้นเคยกันมาตั้งแต่สมัยยังโลดแล่นในสนามแล้ว
วันนี้ถึงจะแขวนสตั๊ดไปแล้วและผันตัวไปทำงานกุนซือ โดยเป็นผู้ช่วยโค้ช แอสตัน วิลล่า กับทีมชาติไอร์แลนด์ รวมถึงงานคอมเมนเตเตอร์แล้ว คีนก็ยังคงปรากฏชื่อผ่านสื่ออยู่บ่อยครั้งเพราะคอมเมนต์แรงๆ ของเขา
ล่าสุด อดีตแข้งไอริชวัย 43 ปี สะเทือนวงการลูกหนังครั้งใหญ่อีกครั้งกับหนังสือชีวประวัติเล่มใหม่ล่าสุด ซึ่งข้อมูลหลายส่วนเน้นเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างเขากับคนรอบข้างที่ล้วนแล้วแต่เป็นบิ๊กเนมของวงการ โดยสื่อเมืองผู้ดีได้สรุป "ข้อความจากปาก(กา)" ที่เด่นๆ ในหนังสือเล่มนี้เอาไว้ ดังนี้
คีนพูดถึงเซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน
-"เขาไม่ใช่คนอบอุ่นใจดี ทำอะไรมักจะมีสาเหตุเสมอ เพราะงั้นเวลาเขามาทำดีด้วย ผมต้องนึกในใจไว้ก่อนเลยว่า ′ต้องมีเบื้องหลังแน่ๆ′ แต่นั่นก็เป็นจุดแข็งของเขานะ เพราะยูไนเต็ดเป็นสโมสรใหญ่ ความเย็นชาของเขานี่แหละที่ทำให้ทีมประสบความสำเร็จ"
คีนในจังหวะสกัดฮาแลนด์จนอีกฝ่ายเจ็บหนัก
คีนพูดถึงการขอโทษเฟอร์กี้หลังย้ายจากสโมสร
-"กลับมาคิดอีกที ผมไม่น่าขอโทษเขาเลยให้ตาย ทำไปแล้วก็มาคิดในใจว่า ′ไอ้เ-ี้ยเอ๊ย จะขอโทษทำไมวะ′ คงเพราะผมอยากทำเรื่องที่ถูกที่ควรมั้ง"
คีนพูดถึงการย้ายร่วมทีมแมนฯยูของคริสเตียโน่ โรนัลโด้
-"วันนั้นเราไปเตะแมตช์พิเศษฉลองเปิดสนามใหม่ของสปอร์ติ้ง ลิสบอน ผมเห็นแล้วว่าโรนัลโด้เจ๋งขนาดไหน วันนั้นเขาต้องดวลกับจอห์น โอเชีย ทำเอาชีสซี่ (ชื่อเล่นของโอเชีย) หัวหมุนต้องหาหมอหลังจบเกมเลย หลังจากนั้นแป๊บเดียว แมนฯยูก็เจรจาซื้อโรนัลโด้ทันที กลายเป็นเรื่องโจ๊กมาจนทุกวันนี้ว่า เป็นเพราะชีสซี่เล่นได้ห่วยแตกนี่แหละ เราถึงได้เซ็นสัญญาครั้งนี้"
คีนพูดถึงปีเตอร์ ชไมเคิล
(บน) คีนและคลาส ออฟ"92 (ล่าง) คีนกระทบกระทั่งกับชไมเคิล
-"ผมเคยมีเรื่องกับปีเตอร์ตอนเราไปทัวร์เอเชียก่อนเปิดฤดูกาล น่าจะที่ฮ่องกงมั้ง เราต่างคนต่างก็เมากันนิดหน่อย ตอนแรกผมก็จำไม่ได้หรอก แต่รุ่งขึ้นเราโดนโค้ชสวด ส่วนเพื่อนๆ ก็บอกว่าเรามีเรื่องกันในโรงแรม ผมถึงค่อยๆ นึกขึ้นได้ว่า ตอนนั้นปีเตอร์เข้ามาจับตัวผม ผมเลยเอาหัวโขกเขาซะ เราทะเลาะกันมานานแล้วครับ"
คีนพูดถึงการเข้าสกัดอัลฟ์-อินเก้ ฮาแลนด์
-"ชั่วชีวิตนี้ผมมีเรื่องที่เสียใจที่ทำลงไปหลายอย่าง แต่เรื่องของเขา (ฮาแลนด์) ไม่ใช่หนึ่งในนั้นนะ"
คีนพูดถึงปัญหาขัดแย้งกับคาร์ลอส เกยรอซ เมื่อปี 2005
-"ผมบอกเขาว่า ′นายไม่ต้องมาพูดเรื่องภักดีสโมสรกับฉัน คาร์ลอส อย่าเ-ือกตั้งคำถามเรื่องความซื่อสัตย์ของฉัน จำไม่ได้เรอะว่าทั้งยูเวนตุสและบาเยิร์น มิวนิก เคยอยากได้ฉันไปร่วมทีมขนาดไหน′"
คีนพูดถึงการคุมทีมซันเดอร์แลนด์ไปเตะที่โอลด์แทรฟฟอร์ดครั้งแรก
-"เฟอร์กูสันไม่ได้ชวนผมดื่มไวน์ (แบบที่เฟอร์กี้ชอบทำกับกุนซือคนอื่นๆ) ผมว่ามันไม่ใช่แล้วนะ หลังจากนั้น 2-3 วัน เขาถึงโทร.มาขอโทษ บอกว่ารอผมแล้วแต่รอไม่ไหว ต้องรีบออกไปก่อน ผมบอกเขาว่า เขาควรจะดื่มกับผม แบบเดียวกับที่ทำกับผู้จัดการทีมคนอื่นๆ แบบนี้มันไม่ให้ความเคารพกันชัดๆ"
คีนพูดถึงพอล สโคลส์ และคลาส ออฟ ′92
-"เขา (สโคลส์) เป็นนักเตะชั้นเลิศจริง แต่ผมไม่เชื่อลุคที่คนปั้นแต่งหรือมองว่าเขาเป็นหรอกนะ อย่างนิสัยสุภาพถ่อมตัวอะไรทำนองนั้น เขาไม่ใช่คนแบบนั้นซะทีเดียวหรอก เรื่อง คลาส ออฟ ′92 (เด็กปั้นยุคทองของเฟอร์กี้) ก็ด้วย พวกนี้น่ะเป็นนักเตะที่ดี แต่เรื่องบทบาทในทีมนี่คนเอาไปขยายกันเว่อร์มากๆ กลายเป็นแบรนด์ไปแล้ว ทำยังกับพวกนี้เหนือกว่าเพื่อนร่วมทีมคนอื่นโคตรๆ ทั้งที่ทุกคนก็มีความมุ่งมั่นเหมือนๆ กันนั่นแหละ"