ว่ากันตรงๆ ไม่โลกสวย พรบ.ยาฉบับใหม่มันก็คือ "การแบ่งเค้กระหว่างวิชาชีพ" นั่นเอง
ประชาชนคนเดินดินธรรมดานี่ไม่ได้ประโยชน์อะไรเพิ่มขึ้นมาสักกะนิด แถมมีความเสี่ยงจะ"ซวย"มากขึ้นสะอีก
ถ้า "ยา" ไม่ได้เป็นสิ่งที่ทางสาธารณสุขที่ทำกำไรได้มากที่สุด
ก็คงไม่มีใครอยากจะมาแย่งดูแล และปัญหาก็คงไม่ยุ่งเหยิงปานนี้
โดยส่วนตัวคิดว่า "วิชาชีพใคร" ก็ "วิชาชีพมัน" สิ
แต่ละวิชาชีพเรียนมาอย่างน้อยก็ 4-6 ปี ก็มีความชำนาญแตกต่างกันออกไป
- แพทย์ จะให้ไปชำนาญงานการพยาบาลดูแลผู้ป่วยเท่า พยาบาล ก็เป็นไปไม่ได้
- ทันตแพทย์ จะไปชำนาญการตรวจรักษาสัตว์เท่า สัตวแพทย์ ก็เป็นไปไม่ได้
- นักกายภาพ จะไปชำนาญการตรวจรักษาคนเท่า แพทย์ ก็ยิ่งเป็นไปไม่ได้
แล้วทำไมตามพรบ.ยาฉบับใหม่นี้ ถึงคิดว่าทุกวิชาชีพ จะสามารถทำการวิเคราะห์ ผลิตและจ่ายยาให้คนไข้ได้ดีเทียบเท่า "เภสัชกร" งง?
ถ้าจะมองเรื่อง one stop service ก็ขอให้ไปจัดการเรื่องธุรกรรมอื่นๆเถอะ
เรื่องนี้มันเกี่ยวข้องกับความเป็นความตายผู้ป่วย
ขนาดแยกงานกันทำ ยังเจอ medical error อยู่บ่อยๆ ถ้ารวมทุกอย่างเบ็ดเสร็จคนเดียวก็เจริญล่ะ
"ยา" ยิ่งคนมีหน้าที่หยิบจ่ายได้ในวงจำกัดเท่าไร มันก็ยิ่งทำให้เกิดการใช้อย่างสมเหตุสมผลมากขึ้นเท่านั้น
ไม่ใช่ใช้กันอย่างเละเทะอย่างทุกวันนี้
ซึ่งพรบ.ยาใหม่ที่ออกมา ก็ไม่ได้มาตามแก้ปัญหา หรือจะดระเบียบใหม่ให้มีประโยชน์ต่อผู้ป่วยขึ้นเลย
มีแต่จะทำให้แย่ลงกว่าเดิม เหมือนทำเรื่องที่ผิดอยู่ให้ถูกกฏหมายสะงั้น
แทนที่ร่างใหม่จะดีขึ้น ยกระดับการใช้ยาให้กับผู้ป่วย กลับยิ่งดิ่งลงเหวหนักเข้าไปอีก
ถ้าพรบ.ยา ฉบับใหม่นี้ผ่าน ก็โชคดีนะคนไข้ในประเทศไทยทั้งหลาย
สิ่งที่ดิฉันรู้สึกกับพรบ.ยาฉบับใหม่
ประชาชนคนเดินดินธรรมดานี่ไม่ได้ประโยชน์อะไรเพิ่มขึ้นมาสักกะนิด แถมมีความเสี่ยงจะ"ซวย"มากขึ้นสะอีก
ถ้า "ยา" ไม่ได้เป็นสิ่งที่ทางสาธารณสุขที่ทำกำไรได้มากที่สุด
ก็คงไม่มีใครอยากจะมาแย่งดูแล และปัญหาก็คงไม่ยุ่งเหยิงปานนี้
โดยส่วนตัวคิดว่า "วิชาชีพใคร" ก็ "วิชาชีพมัน" สิ
แต่ละวิชาชีพเรียนมาอย่างน้อยก็ 4-6 ปี ก็มีความชำนาญแตกต่างกันออกไป
- แพทย์ จะให้ไปชำนาญงานการพยาบาลดูแลผู้ป่วยเท่า พยาบาล ก็เป็นไปไม่ได้
- ทันตแพทย์ จะไปชำนาญการตรวจรักษาสัตว์เท่า สัตวแพทย์ ก็เป็นไปไม่ได้
- นักกายภาพ จะไปชำนาญการตรวจรักษาคนเท่า แพทย์ ก็ยิ่งเป็นไปไม่ได้
แล้วทำไมตามพรบ.ยาฉบับใหม่นี้ ถึงคิดว่าทุกวิชาชีพ จะสามารถทำการวิเคราะห์ ผลิตและจ่ายยาให้คนไข้ได้ดีเทียบเท่า "เภสัชกร" งง?
ถ้าจะมองเรื่อง one stop service ก็ขอให้ไปจัดการเรื่องธุรกรรมอื่นๆเถอะ
เรื่องนี้มันเกี่ยวข้องกับความเป็นความตายผู้ป่วย
ขนาดแยกงานกันทำ ยังเจอ medical error อยู่บ่อยๆ ถ้ารวมทุกอย่างเบ็ดเสร็จคนเดียวก็เจริญล่ะ
"ยา" ยิ่งคนมีหน้าที่หยิบจ่ายได้ในวงจำกัดเท่าไร มันก็ยิ่งทำให้เกิดการใช้อย่างสมเหตุสมผลมากขึ้นเท่านั้น
ไม่ใช่ใช้กันอย่างเละเทะอย่างทุกวันนี้
ซึ่งพรบ.ยาใหม่ที่ออกมา ก็ไม่ได้มาตามแก้ปัญหา หรือจะดระเบียบใหม่ให้มีประโยชน์ต่อผู้ป่วยขึ้นเลย
มีแต่จะทำให้แย่ลงกว่าเดิม เหมือนทำเรื่องที่ผิดอยู่ให้ถูกกฏหมายสะงั้น
แทนที่ร่างใหม่จะดีขึ้น ยกระดับการใช้ยาให้กับผู้ป่วย กลับยิ่งดิ่งลงเหวหนักเข้าไปอีก
ถ้าพรบ.ยา ฉบับใหม่นี้ผ่าน ก็โชคดีนะคนไข้ในประเทศไทยทั้งหลาย