ขอท้าวความก่อนนะคะ
ตัวดิชั้นเป็นพนักงานบริษัท อายุอานาม 23 ปีหมาดๆ ก็เพิ่งจะเรียนจบ ทำงานได้ 6-7 เดือน
และด้วยความที่บ้านกับที่ทำงานอยู่คนละจังหวัดเลยต้องอาศัยอยู่หอพัก ค่าหอพักต่อเดือนก็เป็นเงิน 4,000-4,500/เดือน
และอยู่คนเดียว กับเงินเดือนที่ได้ แค่เดือนละ 15,000 บาท
วันหนึ่งดิชั้นมานั่งคิด ว่าเสียดายค่าหอพัก เราเสียค่าหอพักทุกเดือนๆเนี้ย เราไม่เห็นจะได้อะไรเลย ความคิดต่อมาเลยเกิด
คิดอยากจะมีรถ ถ้าเอาเงินค่าหอมาจ่ายค่าผ่อนรถแทนมันน่าจะดีกว่านี้ มันได้รถเป็นของตัวเองนะเห้ย แบบน่าภูมิใจกว่าอ่ะ
เลยไปปรึกษาแฟน แฟนเราเขาก็ช่วยแนะนำต่อว่า แต่ถ้าได้รถมา มันไม่ใช่แค่ค่าผ่อนรถนะ ยังมีค่าน้ำมัน
ค่าที่จอดรถอีก ค่าซ่อมบำรุงรักษา จิปาถะอีกเยอะ ไอเราก้อคิด เออเนอะ ลืมนึกไปได้ไง
แต่เราก็ลองคิดอีกรอบว่า เรายอมเสียนะ ถ้ามันจะได้มีสมบัติเป็นของตัวเอง มันก็คุ้มที่จะเสี่ยง
เราคิดว่ายังไงเราก็ต้องหาเงินมารับผิดชอบส่วนนี้ให้ได้
ส่วนเงินดาวน์แฟนกับเราก็คุยกันไว้ก่อนว่าสะดวกดาวน์ที่ 5-10% (นี่ละค่ะ ความผิดพลาดของชั้นกับคุณแฟน เลยทำให้เกิดเรื่อง)
จนเมื่อประมาณวันที่ 28 สิงหาคมที่ผ่านมา คุณแฟนได้พาไปศูนย์รถ ซูซูกิ แถวๆบางบัวทอง
ตอนนั้นซูซูกิออกรุ่น Celerio ใหม่มาพอดี และเป็นราคาที่ไม่แพง เรารับได้ เลยถามรายละเอียดของรถ
และเห็นในใบโบรชัวร์ของศูนย์มีบอกไว้ว่าเริ่มต้นดาวน์ที่ 5% มันตรงกับความตั้งใจของเราตอนแรก
เราเลยบอกกับเซลล์ว่าเราสะดวกดาวน์ที่ 5% นะ ตอนแรกเซลล์ก็ยื้อๆ บอกว่าจะให้ดีน่าจะเป็น 10% ดีกว่า นะ 5% มันยากไป
เรากับแฟนก็ยืนยันว่า ตอนนี้สะดวกที่ 5% จริงๆ ยังไงถ้าไฟแนนซ์จะขอเพิ่มเป็น 10% จริง หากเรากับแฟนพร้อมที่ 10% เราจะยินดีเพิ่ม โอเคแมะ
เซลล์ก็ยินยอม พร้อมกับให้วางเงินจอง 5,000 บาท เรากับแฟนก็ให้ไป ไม่มีปัญหาพร้อมกับรับใบจองและกลับบ้านกัน
***ยังไม่จบนะคะ เดี๋ยวมาต่อ***
เมื่อเราจะโดนยึดเงินจองรถ เหตุผลเพราะเราไม่ผ่านไฟแนนซ์ สงครามประสาทจึงเกิดขึ้น
ตัวดิชั้นเป็นพนักงานบริษัท อายุอานาม 23 ปีหมาดๆ ก็เพิ่งจะเรียนจบ ทำงานได้ 6-7 เดือน
และด้วยความที่บ้านกับที่ทำงานอยู่คนละจังหวัดเลยต้องอาศัยอยู่หอพัก ค่าหอพักต่อเดือนก็เป็นเงิน 4,000-4,500/เดือน
และอยู่คนเดียว กับเงินเดือนที่ได้ แค่เดือนละ 15,000 บาท
วันหนึ่งดิชั้นมานั่งคิด ว่าเสียดายค่าหอพัก เราเสียค่าหอพักทุกเดือนๆเนี้ย เราไม่เห็นจะได้อะไรเลย ความคิดต่อมาเลยเกิด
คิดอยากจะมีรถ ถ้าเอาเงินค่าหอมาจ่ายค่าผ่อนรถแทนมันน่าจะดีกว่านี้ มันได้รถเป็นของตัวเองนะเห้ย แบบน่าภูมิใจกว่าอ่ะ
เลยไปปรึกษาแฟน แฟนเราเขาก็ช่วยแนะนำต่อว่า แต่ถ้าได้รถมา มันไม่ใช่แค่ค่าผ่อนรถนะ ยังมีค่าน้ำมัน
ค่าที่จอดรถอีก ค่าซ่อมบำรุงรักษา จิปาถะอีกเยอะ ไอเราก้อคิด เออเนอะ ลืมนึกไปได้ไง
แต่เราก็ลองคิดอีกรอบว่า เรายอมเสียนะ ถ้ามันจะได้มีสมบัติเป็นของตัวเอง มันก็คุ้มที่จะเสี่ยง
เราคิดว่ายังไงเราก็ต้องหาเงินมารับผิดชอบส่วนนี้ให้ได้
ส่วนเงินดาวน์แฟนกับเราก็คุยกันไว้ก่อนว่าสะดวกดาวน์ที่ 5-10% (นี่ละค่ะ ความผิดพลาดของชั้นกับคุณแฟน เลยทำให้เกิดเรื่อง)
จนเมื่อประมาณวันที่ 28 สิงหาคมที่ผ่านมา คุณแฟนได้พาไปศูนย์รถ ซูซูกิ แถวๆบางบัวทอง
ตอนนั้นซูซูกิออกรุ่น Celerio ใหม่มาพอดี และเป็นราคาที่ไม่แพง เรารับได้ เลยถามรายละเอียดของรถ
และเห็นในใบโบรชัวร์ของศูนย์มีบอกไว้ว่าเริ่มต้นดาวน์ที่ 5% มันตรงกับความตั้งใจของเราตอนแรก
เราเลยบอกกับเซลล์ว่าเราสะดวกดาวน์ที่ 5% นะ ตอนแรกเซลล์ก็ยื้อๆ บอกว่าจะให้ดีน่าจะเป็น 10% ดีกว่า นะ 5% มันยากไป
เรากับแฟนก็ยืนยันว่า ตอนนี้สะดวกที่ 5% จริงๆ ยังไงถ้าไฟแนนซ์จะขอเพิ่มเป็น 10% จริง หากเรากับแฟนพร้อมที่ 10% เราจะยินดีเพิ่ม โอเคแมะ
เซลล์ก็ยินยอม พร้อมกับให้วางเงินจอง 5,000 บาท เรากับแฟนก็ให้ไป ไม่มีปัญหาพร้อมกับรับใบจองและกลับบ้านกัน
***ยังไม่จบนะคะ เดี๋ยวมาต่อ***