สวัสดีค่ะกระทู้นี้เขียนขึ้นจากประสบการณ์ตัวเองอยากแชร์เรื่องราวสัมภาษณ์งานโดยใช้ภาษาอังกฤษล้วนของคนที่ไม่ได้เก่งภาษาเท่าไหร่แต่มีความอยาก อยากเท่านั้น อยากหลายอย่างเลยทั้งอยากพิสูจน์ตัวเอง อยากท้าทาย อยากกล้า อยากพยายาม อยากก้าวหน้า (กิเลสอยากมาเยอะเชียว) และสุดท้ายคิดว่าถ้ามัวแต่กลัวและไม่ไปสัมภาษณ์ทั้งที่มีคนให้โอกาสแล้วเราคงต้องสงสัยไปตลอดชีวิตว่าคำตอบจะเป็นยังไง ดังนั้นสุดท้ายคือ อยากไปหาคำตอบให้ตัวเอง
ค่ะขอแนะนำตัวเองเบื้องต้น จขกท. เพิ่งเรียนจบมาดๆประสบการณ์ใสกิ๊ง (คือไม่มี) จากศิลปากร คณะเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร สาขาสารสนเทศธุรกิจ จบมาก็ร่อนส่งใบสมัครตามเว็บไปหลายที่เลย และบริษัทนี้เป็นบริษัทต่างชาติบริการเกี่ยวกับให้คำปรึกษาและช่วยบริหารจัดการธุรกิจระยะแรกให้ชาวต่างชาติที่ต้องการมาทำธุรกิจในประเทศไทย ซึ่ง จขกท. สมัครงานไปในต่ำแหน่ง Business Analyst (ช่างกล้า) แต่เขาเขียนไว้ยินดีรับนักศึกษาจบใหม่เลยลองดู
เริ่มแรกพี่เขาโทรมาก่อนบอกให้ส่ง CV ภาษาอังกฤษเพิ่มเพราะที่บริษัทฝรั่งอยู่เยอะ แต่ตอนนั้นไม่รู้จักเลยส่ง Resume ไปแทนและค่อยได้ส่ง CV ให้อีกทีซึ่งก็เริ่มตะหงิดละว่าทำไมเอาแต่ภาษาอังกฤษ (ตอนนั้นยังไม่ได้อ่านข้อมูลบริษัทเลย) พี่เขาเลยถามสะดวกมาสัมภาษณ์ไหมเลยลองถามว่าสัมภาษณ์ภาษาอะไร คำตอบคือภาษาอังกฤษหมดครับ!เพราะบริษัทเราทำงานร่วมกับต่างชาติ ณ.เวลานั้นเลยขอเวลาทำใจไว้อาลัยให้ต่ำแหน่ง BAs ที่ใฝ่ฝัน แต่ตอบไปว่าขอโทรกลับอีกทีนะคะขอคิดก่อนเพราะภาษาไม่ค่อยมั่นใจ (ที่จริงลวดลายไปงั้นปฎิเสธไปเลยกลัวเสียหน้า อิอิ) พี่เขาเลยใจดีให้โอกาสแต่ต้องตอบภายในวันนี้นะ เลยมาปรึกษากับน้า น้ายุยงว่าไปเถอะประโยคเด็ดคือ “ถ้าเป็นน้าแม้อ่านหนังสือไม่ออกก็จะไป” บร่ะเธอไปเอาความมั่นใจแบบนั้นมาจากใด จขกท. เลยบ้าตามเพราะชอบท้าทายตัวเองอยู่แล้ว เรื่องง่ายไม่เรื่องยากต้องทำ สามชั่วโมงเดธไลน์ให้คำตอบจึงตัดสินใจสลับไปมาฮ่าๆ คนเรามันต้องมีอารมณ์ป๊อดเป็นครั้งคราว แต่ในที่สุดก็คิดว่าถ้าเราไม่ลองดูไม่คว้าโอกาสนี้ไว้โอกาสที่จะได้พิสูจน์ความกล้าและบ้าในตัวเองคงไม่มีบ่อยนัก ตอนนั้นไม่คาดหวังว่าไปสัมภาษณ์แล้วจะประสบผลสำเร็จนะแค่ตกลงเพื่อลองไปสนทนาภาษาอังกฤษในรอบ 2 ปีดูว่าจะตื่นเต้นแค่ไหน
---พักเบรก----
สัมภาษณ์งานบริษัทต่างประเทศกับภาษาอังกฤษง่อยๆ
ค่ะขอแนะนำตัวเองเบื้องต้น จขกท. เพิ่งเรียนจบมาดๆประสบการณ์ใสกิ๊ง (คือไม่มี) จากศิลปากร คณะเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร สาขาสารสนเทศธุรกิจ จบมาก็ร่อนส่งใบสมัครตามเว็บไปหลายที่เลย และบริษัทนี้เป็นบริษัทต่างชาติบริการเกี่ยวกับให้คำปรึกษาและช่วยบริหารจัดการธุรกิจระยะแรกให้ชาวต่างชาติที่ต้องการมาทำธุรกิจในประเทศไทย ซึ่ง จขกท. สมัครงานไปในต่ำแหน่ง Business Analyst (ช่างกล้า) แต่เขาเขียนไว้ยินดีรับนักศึกษาจบใหม่เลยลองดู
เริ่มแรกพี่เขาโทรมาก่อนบอกให้ส่ง CV ภาษาอังกฤษเพิ่มเพราะที่บริษัทฝรั่งอยู่เยอะ แต่ตอนนั้นไม่รู้จักเลยส่ง Resume ไปแทนและค่อยได้ส่ง CV ให้อีกทีซึ่งก็เริ่มตะหงิดละว่าทำไมเอาแต่ภาษาอังกฤษ (ตอนนั้นยังไม่ได้อ่านข้อมูลบริษัทเลย) พี่เขาเลยถามสะดวกมาสัมภาษณ์ไหมเลยลองถามว่าสัมภาษณ์ภาษาอะไร คำตอบคือภาษาอังกฤษหมดครับ!เพราะบริษัทเราทำงานร่วมกับต่างชาติ ณ.เวลานั้นเลยขอเวลาทำใจไว้อาลัยให้ต่ำแหน่ง BAs ที่ใฝ่ฝัน แต่ตอบไปว่าขอโทรกลับอีกทีนะคะขอคิดก่อนเพราะภาษาไม่ค่อยมั่นใจ (ที่จริงลวดลายไปงั้นปฎิเสธไปเลยกลัวเสียหน้า อิอิ) พี่เขาเลยใจดีให้โอกาสแต่ต้องตอบภายในวันนี้นะ เลยมาปรึกษากับน้า น้ายุยงว่าไปเถอะประโยคเด็ดคือ “ถ้าเป็นน้าแม้อ่านหนังสือไม่ออกก็จะไป” บร่ะเธอไปเอาความมั่นใจแบบนั้นมาจากใด จขกท. เลยบ้าตามเพราะชอบท้าทายตัวเองอยู่แล้ว เรื่องง่ายไม่เรื่องยากต้องทำ สามชั่วโมงเดธไลน์ให้คำตอบจึงตัดสินใจสลับไปมาฮ่าๆ คนเรามันต้องมีอารมณ์ป๊อดเป็นครั้งคราว แต่ในที่สุดก็คิดว่าถ้าเราไม่ลองดูไม่คว้าโอกาสนี้ไว้โอกาสที่จะได้พิสูจน์ความกล้าและบ้าในตัวเองคงไม่มีบ่อยนัก ตอนนั้นไม่คาดหวังว่าไปสัมภาษณ์แล้วจะประสบผลสำเร็จนะแค่ตกลงเพื่อลองไปสนทนาภาษาอังกฤษในรอบ 2 ปีดูว่าจะตื่นเต้นแค่ไหน
---พักเบรก----