"ยี่ปั๊วหวย" นี่เขาใหญ่มากหรอครับ? ถึงได้ไม่มีใคร หรือรัฐบาลไหนกล้าแตะเลย

จากข่าวนี้นะครับ

-----------

ปฏิรูป "สลากกินแบ่งรัฐบาล" หรือจะ "เสียของ" ซ้ำรอยเดิม?


“ลอตเตอรี่” หรือสลากกินแบ่งรัฐบาล ที่ออกทุกๆ วันที่ 1 และ 16 ของเดือน แม้ไม่ใช่สินค้าปัจจัย 4 แต่ก็ถือว่าเป็นหนึ่งในวิถีชีวิตคนไทยจำนวนมาก เห็นได้จากปัญหา “หวยแพง” หรือสลากที่ขายเกินราคา เป็นเรื่องหนึ่งที่ถูกหยิบยกขึ้นมาพูดถึงเสมอทุกยุคสมัยเมื่อมีรัฐบาลใหม่เข้ามาบริหารประเทศ เริ่มแรกก็มีการให้นโยบายจัดระเบียบด้วยท่าทีจริงจังขึงขัง แต่หลังจากนั้นทุกอย่างก็จะเงียบหายไป โดยไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง

3 ต.ค. 2557 ผ่านไป 3 เดือน หลังจากการจัดระเบียบของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่บริเวณสี่แยกคอกวัว-ถนนราชดำเนิน จุดค้าสลากที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของไทย ทว่าครั้งนี้กลับรู้สึกถึง “บรรยากาศอึมครึม” ผิดไปจากการลงพื้นที่เมื่อไม่กี่เดือนก่อนหน้า (สกู๊ปหน้า 5 ฉบับวันที่ 1 ก.ค. 2557 และ 16 ก.ค. 2557) ที่เมื่อไปถามผู้ค้าตามแผง มีแต่ผู้จะเข้ามาให้ข้อมูลและแสดงความคิดเห็นกันไม่ขาดสาย แต่ในวันดังกล่าวกลับตรงกันข้าม เพราะผู้ค้าประเภทตั้งแผง แสดงท่าที “ปิดปากเงียบ” บอกไม่ว่างบ้าง หรือเห็นผู้สื่อข่าวแล้วรีบเดินหนีบ้าง

ชัดเจนว่า..พวกเขาไม่ต้องการให้สัมภาษณ์ใดๆ กับสื่อมวลชน!!!

แต่สำหรับบรรดาผู้ค้ารายย่อยที่มารับลอตเตอรี่จากที่นี่ไปเร่ขาย ปฏิกิริยาเป็นตรงข้าม ทันทีที่เห็นผู้สื่อข่าว พวกเขายังคงเข้ามารุมล้อมระบายความอึดอัดใจ และเสนอแนะวิธีแก้ปัญหาสลากกินแบ่งรัฐบาลเช่นเดิม อย่าง บุญทัน สมนึก หนุ่มใหญ่วัย 47 ปี ชาว จ.สระแก้ว ที่ยึดอาชีพขายลอตเตอรี่อยู่ในย่านสะพานควาย เล่าว่า แม้ภาครัฐจะบอกว่ามีการจัดระเบียบแล้ว แต่ในความเป็นจริง ราคาที่บรรดาผู้ค้ารายย่อยไปรับมาอีกทอดหนึ่ง ยังอยู่ที่ “เล่มละ 9,000-9,500 บาท” หรือใบละ 90-95 บาทเช่นเดิม โดย 1 เล่มจะมีสลาก 100 ใบ

“ไม่ต่างครับ ก็ยังแพงเหมือนเดิม ที่ทหารเขากล่าวว่าคนไหนที่มีโควตา ที่มีให้จำหน่ายเป็นเล่ม 80 บาท จำหน่าย 8,000 บาท พวกผมก็ขาย 90 บาท แต่ที่นี้มันไม่ใช่พอมารับจริงๆ มัน 94-95 บาท แล้วผมไปขอโควตาที่สำนักงานกองสลาก ที่เขาเปิดวันที่ 28 สิงหาคม ที่ผ่านมา ผมขอจนป่านนี้ก็ไม่ได้ ที่นี้ผมต้องซื้อที่ตลาดคอกวัว บางทีผมรับมา 9,400-9,500 จะให้ไปขายอย่างไร?” บุญทัน กล่าว

เมื่อถามต่อไปว่า ทุกวันนี้มีรายได้จากการขายลอตเตอรี่ประมาณเท่าไร พ่อค้าหวยรายย่อยย่านสะพานควาย รายนี้ ระบุว่า ที่ผ่านมาต้องขายใบละ 100 บาท เพราะรับมาใบละ 95 บาท ดังนั้นจะได้กำไรใบละ 5 บาท ถ้าขายได้หมดเล่มหรือ 100 ใบ ก็ได้ 500 บาท เฉลี่ยแล้วต่องวดจะขายได้ประมาณ 10 เล่ม หรือ 5,000 บาท 1 เดือนมี 2 งวด รวมแล้วอาจได้สูงสุด
เดือนละ 10,000 บาท

แต่ต้องไม่ลืมว่า..ไม่ใช่ทุกงวดจะขายได้หมด และบางครั้งก็ถูกตำรวจจับกุม จนต้องเสียเงินจำนวนหนึ่งเป็นค่าปรับอีกด้วย!!!

“เรามาซื้อตรงนี้มันก็ 9,000 กว่า 9,400 เราก็ต้องไปขายใบละร้อย ที่นี้ 9,400-9,500 ผมก็ได้คนละ 5 บาทเอง เดินบ้าง ถีบจักรยานกันบ้าง ถามว่าขายหมดไหม? ก็หมดนะ ประมาณ 10 เล่มก็หมด กำไรต่องวดก็คือว่าเราเล่มละ 500 ก็ 10 เล่ม ก็อยู่ประมาณเกือบๆ 5,000 ตามจริงมันก็ได้กำไรอยู่แล้ว 5 บาท มารับนี้ 95 มาขายใบละ 100 ก็ได้ 5 บาทแต่ที่นี้เวลาตำรวจรวมจับบ้างอะไรบ้างก็เสียสิทธิ์นั้นไป เราขายใบละ 100 ตำรวจก็จับ” บุญทัน ระบุ

เช่นเดียวกับ ญาณทิพย์ สมมาก หญิงวัย 53 ปี ชาว จ.สมุทรสาคร รายนี้ขายลอตเตอรี่อยู่ในเขต อ.เมืองสมุทรสาคร กล่าวว่า ที่ผ่านมาได้ร้องเรียนไปทุกหน่วยงาน ทั้งสายด่วน 1111 ของ คสช., สายด่วนของสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล ไม่เว้นแม้กระทั่งให้ข้อมูลกับสื่อมวลชนหลายสำนัก รวมทั้งเร็วๆ นี้ จะรวบรวมผู้ค้ารายย่อยที่ได้รับความเดือดร้อนเช่นเดียวกัน ไปร้องทุกข์กับรายการข่าวชื่อดังอีกด้วย

ป้าญาณทิพย์ ให้ข้อมูลกับเราว่า บรรดา “ยี่ปั๊ว” หรือผู้มีโควตาทั้งหลาย ยังคงตั้งราคาสลากไว้ที่ใบละ 80 บาทเช่นเดิม ทั้งที่ต้นทุนจากหน้ากองสลาก เฉลี่ยใบละ 72 บาทเท่านั้น แน่นอนว่าเมื่อผ่านมือกันมาเป็นทอดๆ กว่าจะมาถึงผู้ค้ารายย่อย ราคาก็พุ่งไปที่ใบละ 90-95 บาท และผู้บริโภคก็ต้องซื้อที่ใบละ 100-120 บาท อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

แต่การต้องจำใจขายเกินราคา ยังไม่น่า “คับแค้นใจ” เท่ากับพฤติกรรมของเจ้าหน้าที่รัฐ ป้าญาณทิพย์ เล่าต่อไปว่า ล่าสุดเมื่องวด 1 ต.ค. 2557 ที่ผ่านมา มีตำรวจมาบอกว่าให้นำป้าย “ที่นี่ขายใบละ 90 บาท” มาติดที่หน้าแผง แทน
ป้ายราคา 100-110 บาท ทั้งที่ราคาจริงที่รับมาขายอยู่ที่ใบละ 97 บาท ซึ่งเมื่อป้าญาณทิพย์ พยายามชี้แจงว่า ที่ติดป้ายดังกล่าวเพราะต้องการบอก “ราคาจริง-ต้นทุนจริง” กับลูกค้าอย่าง
ตรงไปตรงมา

กลับได้รับคำตอบว่า..ให้ติดราคา 90 บาทไว้ แล้วไปต่อรองกับลูกค้าเอาเอง!!!

“งวดที่ผ่านมาฉันขายที่มหาชัย งวดที่ 1 ตุลาคม มีตำรวจมาถามว่าทำไมไม่ขึ้นป้าย 90 บาท ก็ฉันซื้อมา 97 แล้วจะให้ฉันขายเท่าไหร่? แต่เขาก็บอกว่าก็ขึ้นมาไว้สิว่า 90 บาท แล้วก็พูดกับคนซื้อเอาเอง อ้าวอย่างนี้ก็ให้ฉันหลอกลวงสิ? พูดอย่างนี้
ได้ไง? คุณเป็นตำรวจได้ยังไง? พูดแบบนี้เลยทะเลาะกันด้วย จับเลยฉันให้จับ ฉันบอกให้จับ ฉันยินดีให้จับ ฉันชื้อมา 97 บาท แล้วจะให้ฉันขายเท่าไหร่? ถามหน่อย ฉันก็ต้องขาย 110 บาทใช่ไหม?”
ญาณทิพย์ ระบุ

แม่ค้าลอตเตอรี่ รายนี้ มองว่า ไม่ว่ายุคสมัยใด ภาครัฐ “ไม่เคยจริงใจ” ในการแก้ไขปัญหานี้เลย ตรงกันข้าม เมื่อมี
ผู้หยิบยกประเด็นนี้ขึ้นมาพูดถึง ก็มักจะเลือกทำงานแบบ “ผลักภาระให้พ้นตัว” ให้ประชาชนหาเช้ากินค่ำ 2 ฝั่งทะเลาะกันเอง ระหว่างผู้บริโภคที่ย่อมมีสิทธ์ิในการซื้อสินค้าได้ตามป้ายราคาที่ระบุไว้ กับผู้ค้ารายย่อยที่รับลอตเตอรี่มาในต้นทุนสูง ที่ตาม
หลักการค้าขายแล้ว เขาก็ควรจะมีกำไรในการขายบ้างเช่นกัน

แต่ไม่เคยมีรัฐบาลใด ที่กล้าแตะต้องบรรดายี่ปั๊ว หรือบรรดาผู้ถือโควตารายใหญ่อย่างจริงจัง แม้สักครั้งเดียว!!!

“ขนาดงวดที่แล้วป้ามาทางสนามบินน้ำ เขาก็โทรศัพท์มาทางนี้เลยว่า เดี๋ยวทหารเขาจะมาตรวจนะ เอาป้ายราคาออกให้เอาป้ายขึ้นแล้วเอาป้าย 90 บาทลง เขาพูดแบบนี้เลยนะ ได้ยินกับหูเลยเพราะกำลังซื้อลอตเตอรี่อยู่ พอได้ยินก็โทร.ไปเลย โทร.ไปที่สำนักงานกองสลากฯ ว่านี่เป็นแบบนี้ เขาก็บอกว่าที่ไหนหรือ? ก็สนามบินน้ำ ตอนนี้ทหารตำรวจเขาก็ตรวจอยู่ ทางยี่ปั๊วใหญ่เขาก็โทร.มาทางนี้ ให้เอาป้ายขึ้นแล้วเอาป้าย 90 บาทขึ้นแล้วปิดราคาหวยที่ออก

ทำไมไม่กล้าทำยี่ปั๊วใหญ่ ล่อซื้อได้นี่ แต่งชุดธรรมดาไปซื้อ เล่มเท่าไหร่ชุดเท่าไหร่ ว่าเกินราคา 90 บาทไหม? นี่คุณจะ
ให้พวกฉันต่อต้านใช้ไหม? จะให้ต้องแหกกฎอัยการศึกใช่ไหม? จะให้รวมตัวไปถึงหน้ากองสลากฯเลยไหม? สนามบินน้ำกับสำนักงานกองสลากฯอยู่ใกล้กัน คุณยังจัดการไม่ได้ ขนาดติดที่ทำการยังทำไม่ได้ แล้วที่อื่นจะทำได้อย่างไร แค่นี้ยังทำไม่ได้ แล้วจะประกาศทำไมว่าจะช่วยเหลือประชาชน?”


แม่ค้าลอตเตอรี่รายนี้ ฝากคำถามทิ้งท้าย ซึ่งก็ไม่รู้ว่าจะเกี่ยวข้องกับการที่บรรดาผู้ค้าสลากประเภทตั้งแผงย่านสี่แยกคอกวัว ปฏิเสธไม่ยอมให้ข้อมูลใดๆ กับสื่อมวลชนหรือไม่? เพราะในขณะที่ผู้สื่อข่าวที่กำลังสัมภาษณ์คุณป้ารายนี้ ก็ได้ยินเสียงพูดคุยกันในหมู่ผู้ค้ารายย่อยที่ยืนฟังอยู่ด้วยรอบๆ ว่ามี “ใครบางคน” บอกให้ผู้ค้าที่ตั้งแผงอยู่ในพื้นที่ดังกล่าว “ปิดปากให้เงียบ”

เรื่องของสลากกินแบ่งรัฐบาลขายเกินราคาไม่ใช่เรื่องใหม่ ที่ผ่านมามีทั้งความคิดเห็นของบรรดาผู้ค้ารายย่อย ตลอดจนการศึกษาของภาควิชาการ ที่ระบุว่า ต้องควบคุมการตั้งราคาของยี่ปั๊วรายใหญ่ หรือไม่ก็ยกเลิกระบบโควตาเสีย เช่น รศ.ดร.นวลน้อย ตรีรัตน์ อาจารย์คณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ที่ระบุว่า จากการสำรวจราคาขายส่งสลาก พบสถิติมีเพียง 3 ครั้งเท่านั้น ที่ราคาขายส่งสลากต่ำกว่า 8,000 บาทต่อชุด คือเดือน พ.ย.2554 จำนวน 2 ครั้ง , เดือน เม.ย.2555 1 ครั้ง ส่วนที่แพงที่สุด คือเดือน มี.ค.2555 สลากราคาขายส่งพุ่งขึ้นไปอยู่ที่ชุดละ 9,600 บาท

ซึ่งสาเหตุมาจากในทางปฏิบัติ มักจะมีผู้ค้ารายใหญ่ที่ได้โควตามาก สามารถคุมราคาตลาดได้ ทำให้มีการหักค่าหัวคิวมาเรื่อยๆ กว่าสลากจะมาถึงผู้ค้ารายย่อย ราคาต้นทุนจึงมากกว่า 80 บาทแล้ว ดังนั้นต้องทำให้ผู้ค้ารายย่อยได้รับสลากโดยตรง เช่น ให้ผู้ค้ารายย่อยลงทะเบียนไว้กับไปรษณีย์ พอถึงเวลาให้มารับสลากตามโควตา เป็นต้น

เช่นเดียวกับ รศ.ดร.สังศิต พิริยะรังสรรค์ คณบดีวิทยาลัยนวัตกรรมสังคม มหาวิทยาลัยรังสิต ที่ศึกษาระบบสลากกินแบ่งรัฐบาลของไทยมายาวนาน เคยเสนอแนะว่า ต้องมีการรื้อโควตากันใหม่หมด โดยมุ่งเน้นผู้ค้ารายย่อยให้ได้รับไปเต็มที่
และให้สิทธิ์ได้รับก่อนบรรดายี่ปั๊วใหญ่ทั้งหลาย

ทว่าแม้จะมีความคืบหน้าอยู่บ้าง เช่น มีการให้ผู้ค้ารายย่อยไปลงทะเบียนรับลอตเตอรี่จากกองสลากฯได้คนละไม่เกิน 10 เล่ม (เล่มละ 100 ฉบับ) ในราคาฉบับละ 74.40 บาท แต่ห้ามขายเกินราคาฉบับละ 95 บาท แต่ในความเป็นจริง หากใครที่คลุกคลีอยู่กับวงการสลาก วันนี้คงได้ยินเสียงเล่าลือกันมาบ้างแล้วว่า ผู้ค้าที่ไปลงทะเบียนหลายราย ทำตัวเป็น “นอมินี” ไปรับสลากมาแล้วก็นำไปขายให้ยี่ปั๊วรายใหญ่ สรุปแล้วคือกลับสู่วงจรเดิม ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง

ท่าทางการปฏิรูปสลากครั้งนี้ อาจส่อแวว “เสียของ” เหมือนทุกครั้งที่ผ่านมา!!!

ที่มา : http://www.naewna.com/scoop/124841

-------------------

ใครที่ดูหนังฮอลลีวู้ด หรือเคยติดตามข่าวสารในสหรัฐอเมริกามาบ้าง น่าจะคุ้นเคยกับ "สมาคมลับ" ที่บงการประเทศนี้อยู่

ไม่ว่า ปธน. จะมาจากรีพับลิกันหรือเดโมแครต ก็ต้องยอมอยู่ใต้สมาคมลับพวกนี้ทั้งสิ้น ใครกล้าหือ อาจมีอันเป็นไป อย่างเบาคือตกเก้าอี้หลุดจากวงการเมือง อย่างหนักก็ถูกลอบสังหารกันเลย

พวก CFR , Bilderberg , Illuminati อะไรประมาณนี้แหละครับ พวกนี้ว่ากันว่าบงการทั้งโลกอย่างลับๆ อยู่

ถ้าเอาแบบเห็นชัดหน่อย คือพวกสมาคมอาวุธปืนของอเมริกัน ( NRA ) คนพวกนี้จะงัดข้อกับ ปธน. คนใดก็ตาม ที่ต้องการจัดระเบียบการครอบครองปืนในสหรัฐฯ ดังนั้นประเทศนี้จึงไม่เคยปฏิรูปเรื่องกฏหมายอาวุธปืนได้เลย

--------------

สงสัยว่า "ยี่ปั๊วหวย" บ้านเรา เขาใหญ่ขนาดองค์กรพวกนี้เลยหรอครับ?

เห็นข้อสรุปที่ศึกษาวิจัยกัน สรุปกันมาเป็นสิบๆ ปีแล้วว่า สลากจะแพงเกินจริงหรือไม่? อยู่ที่ยี่ปั๊ว คุมยี่ปั๊วได้ทุกอย่างจบทันที

แต่ไม่เห็นรัฐบาลไหนจะทำได้เลย ทั้งเลือกตั้งและรัฐประหาร

องค์กรนี้เขาใหญ่มากหรอครับ?

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่