ขอหน่อยเถอะค่ะ
ดิฉันจบเภสัชมาทำงานก็อยู่ในแวดวงสาธารณสุขเนี่ยล่ะ แต่ไม่ได้เปิดร้านเองหรือเป็นเภสัชกร full-time ที่ร้านขายยา
แต่ก็ทำงานเป็นเภสัชกร part time จ่ายยาที่ร้านขายยามาตั้งแต่จบใหม่ๆ ก็ร่วม5-6ปีแล้ว
ดิฉันไม่เข้าใจว่าทำไมยาปฏิชีวนะ (antibiotic) ในประเทศไทยมันถึงกินกันแพร่หลาย ง่ายดายปานนี้?
เคสล่าสุดที่เจอ ลูกค้ารายนึงอายุประมาณ 30 กว่า ดูมีความรู้ มีการศึกษา
จำชื่อยามาแล้ว มาบอกเลยว่าจะเอา"ยาแก้อักเสบ" ชื่อ xxx (กลุ่มQuninolone) เพราะเคยได้จากรพ.นึงมาแล้ว
ดิฉันก็ซักอาการเบื้องต้น ((อาการเค้าก็ออกตั้งแต่ตอนถามเยอะๆแล้ว ตอบเหมือนตัดรำคาญ))
โดยสรุปอาการเค้ามาด้วยไข้ต่ำๆ คอก็ไม่เจ็บ เสมหะไม่มี คัดจมูกนิดหน่อย น้ำมูกสีขาว เพิ่งเป็นเมาเมื่อวาน ดิฉันก็สันนิษฐานอาการว่าน่าจะเป็นการติดเชื้อทางทางเดินหายใจที่มาจากเชื้อไวรัส (เพราะเห็นช่วงนี้RSVระบาดอยู่มากแต่เคสนี้คงไม่รุนแรงเท่า) เราก็อธิบายไป บอกว่าไม่จำเป็นต้องได้รับยาตัวนี้ อาการมันไม่ได้รุนแรงเท่าเคสก่อนของคุณที่ไปโรงพยาบาลแล้วได้ยา xxx คือกินแล้วคุณก็ไม่หาย เป็นการติดเชื้อคนละประเภทกัน
พร้อมกับแนะนำการดูแลรักษาตัวเบื้องต้น เช่นมีไข้ก็ทานยาลดไข้ มีน้ำมูกไหลก็ให้ยาแก้แพ้แบบง่วงให้ทานก่อนนอนไปจะได้พักผ่อน แล้วก็บอกว่าอาการนี้สามารถหายได้เองภายใน 7 วัน ไม่จำเป็นต้องทานยาฆ่าเชื้อ แต่ถ้าอีก2-3 วันไข้ยังสูง เสมหะข้นเหนียวสีเขียว แนะนำให้กลับมาใหม่หรือไปโรงพยาบาล
สิ่งที่เค้าตอบกลับมาคือ คุณจะอะไรกันหนักหนา ผมไม่ได้มาฟังคุณเทศน์ แค่มาบอกว่าจะเอายาตัวนี้ ไม่อยากขายหรือไง เค้ามีเงินจะซื้อทำไมจะซื้อไม่ได้ ถ้าร้านคุณไม่ขายผมไปร้านอื่นก็ได้ !!! แล้วก็เดินสะบัดออกไป
อารมณ์นั้นคือ ปรี๊ดดดดด มาก ถ้าเป็นร้านตัวเองคงอาละวาดไปมากกว่านี้
....คือคุณลูกค้าคะ เงินน่ะ คนทำมาค้าขายไม่ใช่ไม่อยากได้ ถ้ามันเป็นสินค้าทั่วไปดิฉันคงหยิบส่งๆให้คุณไปแล้ว
แต่นี่ยานะคะคุณ แล้วแถมเป็นยาปฏิชีวนะอีก ประทเศชาติไหนหากินได้ง่ายเท่าประเทศไทยนี่ไม่มีอีกแล้ว
แล้วที่ซักประวัติร่ายยาว ถามอาการ คุณมากมาย ใครได้ประโยชน์? ก็คุณทั้งนั้น ยาที่คุณขอเราไม่จ่ายไปให้ เราได้อะไร เราไม่ได้อะไรเลย แถมโดนด่ากลับมาด้วย
เคยคุยเรื่องนี้กับเพื่อนๆพี่ๆที่เป็นหมอเรื่องการใช้ยาปฏิชีวนะ เพราะเราจบเภสัชจากสถาบันที่บ่มเพาะว่ายากลุ่มนี้ไม่ควรจ่ายง่ายๆ
คนไทยกิน amoxycillin กันเหมือนยาพารา ทั้งๆที่มันไม่เหมือนกันเลย ดังนั้นเราจบมาเราก็พยายามจะเปลี่ยนแปลงสังคม ช่วยให้การใช้ยาของคนไทยดีขึ้น
เราก็อยากให้ที่โรงพยาบาลจ่ายยา antibiotic ให้น้อยลงหน่อย
แต่พอฟังพี่ๆเพื่อนๆหมอก็เข้าใจมุมมองเค้าอีกด้าน ส่วนมากก็เข้าใจและรู้ว่าบางอาการมันก็ไม่จำเป็นต้องได้ หรือถ้าจะได้ก็ไม่ต้องแรงมาก แต่ปัญหาคือ ถ้าstart ตัวอ่อนๆไป1-2วันอาการคนไข้ยังไม่ดีขึ้น ก็กลับมาว่าหมอ ขอเปลี่ยนหมอ ขอเปลี่ยนยา บางรายก็มีร้องเรียนว่าจ่ายยาไม่ดีบ้างเค้าถึงไม่หาย หลายๆคน คือคนไข้อยากได้ยาทีกินปุ้บหายปั๊บเลย
คือ... ดิฉันเคยไม่สบายที่ต่างประเทศตอนไปเรียน เป็นหนักมาก ไม่เคยเป็นหนักขนาดนี้ตอนอยู่ที่ไทย ไข้ล่อไป 39 วันแรก
ไปโรงพยาบาลต้องregister รอตรวจได้คิว5วันถัดไป ไปขอเป็นเคสฉุกเฉินเค้าก็บอกไม่ฉุกเฉิน นี่เบาๆกลับไปกินพาราดื่มน้ำเยอะๆ พักผ่อนมากๆก็หายเอง
สุดท้ายอีก3วันดิฉันก็หายเป็นปกติ ที่ลงทะเบียนไว้ก็ไม่ต้องไปละ หายละ
คือดิฉันอยากให้ผู้บริโภค เข้าใจพวกบุคลากรทางการแพทย์ด้วย ที่เค้าซักประวัติคุณเยอะๆน่ะก็อย่าไปรำคาญเค้า ยิ่งร้านยานะหากร้านไหนซักเยอะๆ มั่นใจได้เลยเค้าป็นเภสัชกรแท้ ((เพราะถ้าหมอตี๋ทั่วไปคงเน้นทำกำไรจจ่ายยาให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้)) เค้าแนะนำยาอะไรให้คุณก็เชื่อเค้าหน่อยเถอะ เค้าเรียนกันมาตั้ง 5-6 ปี รู้ว่าอาการอย่างไหนควรได้อะไร และที่สำคัญใจเย็นๆหน่อย เข้าใจว่าป่วยมันทรมาน แต่การดำเนินไปของโรคบางโรคถึงไม่กินยามันก็สามารถหายได้เอง ยาไม่ใช่ของวิเศษ มันสามารถให้คุณละให้โทษได้ในเวลาเดียวกันถ้าคุณใช้อย่างไม่เหมาะสม
และสุดท้าย ขอย้ำ "ยาปฏิชีวนะ" ไม่ใช่ "ยาแก้อักเสบ"
ว่าด้วยเรื่องยาปฏิชีวนะ
ดิฉันจบเภสัชมาทำงานก็อยู่ในแวดวงสาธารณสุขเนี่ยล่ะ แต่ไม่ได้เปิดร้านเองหรือเป็นเภสัชกร full-time ที่ร้านขายยา
แต่ก็ทำงานเป็นเภสัชกร part time จ่ายยาที่ร้านขายยามาตั้งแต่จบใหม่ๆ ก็ร่วม5-6ปีแล้ว
ดิฉันไม่เข้าใจว่าทำไมยาปฏิชีวนะ (antibiotic) ในประเทศไทยมันถึงกินกันแพร่หลาย ง่ายดายปานนี้?
เคสล่าสุดที่เจอ ลูกค้ารายนึงอายุประมาณ 30 กว่า ดูมีความรู้ มีการศึกษา
จำชื่อยามาแล้ว มาบอกเลยว่าจะเอา"ยาแก้อักเสบ" ชื่อ xxx (กลุ่มQuninolone) เพราะเคยได้จากรพ.นึงมาแล้ว
ดิฉันก็ซักอาการเบื้องต้น ((อาการเค้าก็ออกตั้งแต่ตอนถามเยอะๆแล้ว ตอบเหมือนตัดรำคาญ))
โดยสรุปอาการเค้ามาด้วยไข้ต่ำๆ คอก็ไม่เจ็บ เสมหะไม่มี คัดจมูกนิดหน่อย น้ำมูกสีขาว เพิ่งเป็นเมาเมื่อวาน ดิฉันก็สันนิษฐานอาการว่าน่าจะเป็นการติดเชื้อทางทางเดินหายใจที่มาจากเชื้อไวรัส (เพราะเห็นช่วงนี้RSVระบาดอยู่มากแต่เคสนี้คงไม่รุนแรงเท่า) เราก็อธิบายไป บอกว่าไม่จำเป็นต้องได้รับยาตัวนี้ อาการมันไม่ได้รุนแรงเท่าเคสก่อนของคุณที่ไปโรงพยาบาลแล้วได้ยา xxx คือกินแล้วคุณก็ไม่หาย เป็นการติดเชื้อคนละประเภทกัน
พร้อมกับแนะนำการดูแลรักษาตัวเบื้องต้น เช่นมีไข้ก็ทานยาลดไข้ มีน้ำมูกไหลก็ให้ยาแก้แพ้แบบง่วงให้ทานก่อนนอนไปจะได้พักผ่อน แล้วก็บอกว่าอาการนี้สามารถหายได้เองภายใน 7 วัน ไม่จำเป็นต้องทานยาฆ่าเชื้อ แต่ถ้าอีก2-3 วันไข้ยังสูง เสมหะข้นเหนียวสีเขียว แนะนำให้กลับมาใหม่หรือไปโรงพยาบาล
สิ่งที่เค้าตอบกลับมาคือ คุณจะอะไรกันหนักหนา ผมไม่ได้มาฟังคุณเทศน์ แค่มาบอกว่าจะเอายาตัวนี้ ไม่อยากขายหรือไง เค้ามีเงินจะซื้อทำไมจะซื้อไม่ได้ ถ้าร้านคุณไม่ขายผมไปร้านอื่นก็ได้ !!! แล้วก็เดินสะบัดออกไป
อารมณ์นั้นคือ ปรี๊ดดดดด มาก ถ้าเป็นร้านตัวเองคงอาละวาดไปมากกว่านี้
....คือคุณลูกค้าคะ เงินน่ะ คนทำมาค้าขายไม่ใช่ไม่อยากได้ ถ้ามันเป็นสินค้าทั่วไปดิฉันคงหยิบส่งๆให้คุณไปแล้ว
แต่นี่ยานะคะคุณ แล้วแถมเป็นยาปฏิชีวนะอีก ประทเศชาติไหนหากินได้ง่ายเท่าประเทศไทยนี่ไม่มีอีกแล้ว
แล้วที่ซักประวัติร่ายยาว ถามอาการ คุณมากมาย ใครได้ประโยชน์? ก็คุณทั้งนั้น ยาที่คุณขอเราไม่จ่ายไปให้ เราได้อะไร เราไม่ได้อะไรเลย แถมโดนด่ากลับมาด้วย
เคยคุยเรื่องนี้กับเพื่อนๆพี่ๆที่เป็นหมอเรื่องการใช้ยาปฏิชีวนะ เพราะเราจบเภสัชจากสถาบันที่บ่มเพาะว่ายากลุ่มนี้ไม่ควรจ่ายง่ายๆ
คนไทยกิน amoxycillin กันเหมือนยาพารา ทั้งๆที่มันไม่เหมือนกันเลย ดังนั้นเราจบมาเราก็พยายามจะเปลี่ยนแปลงสังคม ช่วยให้การใช้ยาของคนไทยดีขึ้น
เราก็อยากให้ที่โรงพยาบาลจ่ายยา antibiotic ให้น้อยลงหน่อย
แต่พอฟังพี่ๆเพื่อนๆหมอก็เข้าใจมุมมองเค้าอีกด้าน ส่วนมากก็เข้าใจและรู้ว่าบางอาการมันก็ไม่จำเป็นต้องได้ หรือถ้าจะได้ก็ไม่ต้องแรงมาก แต่ปัญหาคือ ถ้าstart ตัวอ่อนๆไป1-2วันอาการคนไข้ยังไม่ดีขึ้น ก็กลับมาว่าหมอ ขอเปลี่ยนหมอ ขอเปลี่ยนยา บางรายก็มีร้องเรียนว่าจ่ายยาไม่ดีบ้างเค้าถึงไม่หาย หลายๆคน คือคนไข้อยากได้ยาทีกินปุ้บหายปั๊บเลย
คือ... ดิฉันเคยไม่สบายที่ต่างประเทศตอนไปเรียน เป็นหนักมาก ไม่เคยเป็นหนักขนาดนี้ตอนอยู่ที่ไทย ไข้ล่อไป 39 วันแรก
ไปโรงพยาบาลต้องregister รอตรวจได้คิว5วันถัดไป ไปขอเป็นเคสฉุกเฉินเค้าก็บอกไม่ฉุกเฉิน นี่เบาๆกลับไปกินพาราดื่มน้ำเยอะๆ พักผ่อนมากๆก็หายเอง
สุดท้ายอีก3วันดิฉันก็หายเป็นปกติ ที่ลงทะเบียนไว้ก็ไม่ต้องไปละ หายละ
คือดิฉันอยากให้ผู้บริโภค เข้าใจพวกบุคลากรทางการแพทย์ด้วย ที่เค้าซักประวัติคุณเยอะๆน่ะก็อย่าไปรำคาญเค้า ยิ่งร้านยานะหากร้านไหนซักเยอะๆ มั่นใจได้เลยเค้าป็นเภสัชกรแท้ ((เพราะถ้าหมอตี๋ทั่วไปคงเน้นทำกำไรจจ่ายยาให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้)) เค้าแนะนำยาอะไรให้คุณก็เชื่อเค้าหน่อยเถอะ เค้าเรียนกันมาตั้ง 5-6 ปี รู้ว่าอาการอย่างไหนควรได้อะไร และที่สำคัญใจเย็นๆหน่อย เข้าใจว่าป่วยมันทรมาน แต่การดำเนินไปของโรคบางโรคถึงไม่กินยามันก็สามารถหายได้เอง ยาไม่ใช่ของวิเศษ มันสามารถให้คุณละให้โทษได้ในเวลาเดียวกันถ้าคุณใช้อย่างไม่เหมาะสม
และสุดท้าย ขอย้ำ "ยาปฏิชีวนะ" ไม่ใช่ "ยาแก้อักเสบ"