คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 58
ขอบคุณทุกความคิดเห็นอย่างจริงใจครับ
ผมนับถือศาสนาพุทธ
รู้สึกอิ่มใจ สุขใจ เมื่อได้ทำบุญ ทำทาน
รู้สึกอิ่มใจ สุขใจ เมื่อได้บริจาค สวดมนต์ไหว้พระ
แต่ที่ถาม เพียงเพราะอยากรู้
ไม่ใช่คนศึกษาธรรม ปฏิบัติธรรม
แค่เป็นคนนึงที่พยายามคิดดี ทำดีเท่านั้น
เพียงแค่อยากรู้ แบบความคิดเห็นที่ 10 และ 49
เหมือนกับเราสงสัยว่าทำไมลมออกจากแอร์ทำไมจึงเย็น
เลยแกะเครื่องออกมาดู แล้ว
อ๋อ มันเป็นแบบนี้นี่เอง
คือรู้แล้วมันคลายข้อสงสัย ไม่ค้างคาใจ
ปล. ไม่ทราบว่าจะเจ้าใจผมมั้ยครับ
ผมนับถือศาสนาพุทธ
รู้สึกอิ่มใจ สุขใจ เมื่อได้ทำบุญ ทำทาน
รู้สึกอิ่มใจ สุขใจ เมื่อได้บริจาค สวดมนต์ไหว้พระ
แต่ที่ถาม เพียงเพราะอยากรู้
ไม่ใช่คนศึกษาธรรม ปฏิบัติธรรม
แค่เป็นคนนึงที่พยายามคิดดี ทำดีเท่านั้น
เพียงแค่อยากรู้ แบบความคิดเห็นที่ 10 และ 49
เหมือนกับเราสงสัยว่าทำไมลมออกจากแอร์ทำไมจึงเย็น
เลยแกะเครื่องออกมาดู แล้ว
อ๋อ มันเป็นแบบนี้นี่เอง
คือรู้แล้วมันคลายข้อสงสัย ไม่ค้างคาใจ
ปล. ไม่ทราบว่าจะเจ้าใจผมมั้ยครับ
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 10
.
พระพุทธเจ้า หากเราพูดในทางโลกก็คือ ท่านเป็นบุคคลที่มีตัวตนอยู่จริงในประวัติศาสตร์ค่ะ
มีหลักฐานทางประวัติศาสตร์มากมายเลย
ขออนุญาตขอแนะนำหนังสือเล่มนี้ให้เลยนะ
ใครอยากทราบความเป็นมา ประวัติศาสตร์ศาสนาพุทธ ช่วงเวลาต่างๆ
หนังสือ "กาลานุกรม" คือสิ่งที่ท่านต้องการ
นี้ตัวอย่างเนื้อหาด้านในบางหน้าค่ะ
ดาวโหลดอ่านได้ที่เว็บไซต์วัดญาณเวศกวันเลยค่ะ
เล่มนี้ดีมากๆค่ะ และน่าอ่านมากๆๆๆๆๆ
ดาวโหลดอ่าน "กาลานุกรม พระพุทธศาสนาในอารยธรรมโลก" ได้เลยค่ะ
http://www.watnyanaves.net/uploads/File/books/pdf/chronology_of_buddhism_in_world_civilisation.pdf
อ่านเล่มนี้ เราจะได้รับทราบข้อมูลเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ศาสนา ที่สำคัญคือความเป็นมาของศาสนาพุทธ
เพิ่มเติมให้ค่ะ
ก็คือที่เว็บไซต์วัดญาณเวศกวัน ยังบรรจุข้อธรรม และ ความรู้ที่ทรงคุณค่ามากมายเหลือเกินค่ะ
ทั้งความรู้ทางศาสนาการปฏิบัติธรรม ความรู้ทางประวัติศาสตร์ ภาษาศาสตร์ จิตวิทยา และวิชาการแขนงต่างๆ
เป็นความรู้ที่ทรงคุณค่าจากท่านพระพรหมคุณาภรณ์ (ป.อ.ปยุตโต)
มีคลิปเสียง mp3 ให้เราดาวโหลดฟังได้เลย และมีแบบ pdf ให้ดาวโหลดอ่านได้ด้วยค่ะ
เว็บไซต์ วัดญาณเวศกวัน
http://www.watnyanaves.net/th/home
ดีมากๆๆๆค่ะ
.
พระพุทธเจ้า หากเราพูดในทางโลกก็คือ ท่านเป็นบุคคลที่มีตัวตนอยู่จริงในประวัติศาสตร์ค่ะ
มีหลักฐานทางประวัติศาสตร์มากมายเลย
ขออนุญาตขอแนะนำหนังสือเล่มนี้ให้เลยนะ
ใครอยากทราบความเป็นมา ประวัติศาสตร์ศาสนาพุทธ ช่วงเวลาต่างๆ
หนังสือ "กาลานุกรม" คือสิ่งที่ท่านต้องการ
นี้ตัวอย่างเนื้อหาด้านในบางหน้าค่ะ
ดาวโหลดอ่านได้ที่เว็บไซต์วัดญาณเวศกวันเลยค่ะ
เล่มนี้ดีมากๆค่ะ และน่าอ่านมากๆๆๆๆๆ
ดาวโหลดอ่าน "กาลานุกรม พระพุทธศาสนาในอารยธรรมโลก" ได้เลยค่ะ
http://www.watnyanaves.net/uploads/File/books/pdf/chronology_of_buddhism_in_world_civilisation.pdf
อ่านเล่มนี้ เราจะได้รับทราบข้อมูลเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ศาสนา ที่สำคัญคือความเป็นมาของศาสนาพุทธ
เพิ่มเติมให้ค่ะ
ก็คือที่เว็บไซต์วัดญาณเวศกวัน ยังบรรจุข้อธรรม และ ความรู้ที่ทรงคุณค่ามากมายเหลือเกินค่ะ
ทั้งความรู้ทางศาสนาการปฏิบัติธรรม ความรู้ทางประวัติศาสตร์ ภาษาศาสตร์ จิตวิทยา และวิชาการแขนงต่างๆ
เป็นความรู้ที่ทรงคุณค่าจากท่านพระพรหมคุณาภรณ์ (ป.อ.ปยุตโต)
มีคลิปเสียง mp3 ให้เราดาวโหลดฟังได้เลย และมีแบบ pdf ให้ดาวโหลดอ่านได้ด้วยค่ะ
เว็บไซต์ วัดญาณเวศกวัน
http://www.watnyanaves.net/th/home
ดีมากๆๆๆค่ะ
.
ความคิดเห็นที่ 28
ผมคิดว่าประวัติศาสตร์กับความเชื่อควรจะแยกออกจากกัน
ความเชื่อในศาสนาก็เรื่องหนึ่ง ประวัติศาสตร์ก็อีกเรื่องหนึ่ง
อย่างโลกตะวันตก นักวิทยาศาสตร์หลายท่านก็นับถือคริสต์ศาสนา แต่ก็ทำหน้าที่นักวิทยาศาสตร์ที่ดีอยู่ได้ แม้ผลงานวิจัยจะขัดกับหลักความเชื่อ เขาก็ยังทำงานวิจัย พร้อมๆ กับรักษาความเชื่อของเขาต่อไปได้
ผมคิดว่าคนไทยเรายังไม่รู้จักแยกแยะ
เขาถามเรื่องศาสนา ก็ให้คำตอบในเชิงศาสนาและปรัชญาไป
เขาถามในส่วนของประวัติศาสตร์ ก็ให้คำตอบในเชิงประวัติศาสตร์ไป
ผมเองก็รักและเคารพในพุทธศาสนา และก็มีเรื่องราวหลายเรื่องในพุทธประวัติที่ผมสงสัย
แต่ความสงสัยเหล่านั้นไม่ได้ทำให้ผมหย่อนในศรัทธาที่มีต่อพุทธศาสนา
เพราะประวัติศาสตร์มันก็เรื่องหนึ่ง ความเชื่อ ความศรัทธา มันก็เรื่องหนึ่ง
ต้องรู้จักแยกแยะและเลือกรับ
ข้อสงสัยของผมเกี่ยวกับเรื่องพุทธประวัติ เช่น
พระพุทธเจ้าหนีออกบวชตอนกลางคืนโดยมีเหตุผลเพราะเห็นเทวฑูตทั้ง 4
ผมคิดว่าเป็นเรื่องผิดวิสัยไปหน่อย
เพราะว่าหากหนีไปแล้วพระบิดาไม่พอใจ ระยะการเดินทางแค่คืนเดียว ด้วยอำนาจของกษัตริย์ก็ไม่ใช่เรื่องยากที่จะให้บริวารไปนำตัวกลับมาขังไว้ในวังจนกว่าจะล้มเลิกความคิด แต่นี่ปล่อยไปตั้งหลายปีถึงจะให้คนไปเชิญกลับวัง
ในส่วนนี้ผมไปอ่านเจอการวิเคราะห์ของท่าน เสฐียรพงษ์ วรรณปก ปราชญ์ราชบัณฑิตทางพุทธศาสนาของไทย
ท่านเสนอแนวคิดว่า พระพุทธเจ้าอาจออกบวชเพราะเหตุการณ์ทางการเมือง
ท่านก็ได้แสดงทรรศนะเชิงประวัติศาสตร์เอาไว้พอสังเขป ซึ่งผมจำไม่ได้
แต่ความคิดนี้สอดคล้องกับสิ่งที่ปรากฏอยู่ในพระไตรปิฎกตามที่ผมสงสัย
เพราะถ้าเป็นเช่นนี้ แน่นอนว่าพระบิดาคงไม่ออกตามหาจนกว่าปัญหานี้จะจบลง
และสมัยบวช ผมได้เรียนเพื่อสอบนักธรรมตรีด้วย ก็พบว่าเนื้อหาส่วนการออกบวชของพระพุทธเจ้านั้นมีอีกแบบหนึ่งที่ไม่ได้บรรจุในบทเรียน
ซึ่งแบบที่ว่านั้น เจ้าชายสิทธัตถะ ไม่ได้ทรงหนีไปยามค่ำคืน แต่ทรงปลงพระเกศาต่อหน้าพระญาติที่กำลังร่ำให้
ซึ่งพุทธประวัติในส่วนนี้สอดคล้องกับข้อสันนิษฐานว่า เจ้าชายสิทธัตถะทรงออกบวชด้วยเหตุแห่งการเมือง
.
.
.
เล่าให้ฟังพอสังเขปครับ ส่วนเรื่องหลักฐานการมีตัวตนของพระพุทธเจ้านั้น คุณลองสืบค้นดูครับ ผมเชื่อว่ามีอยู่เยอะแยะมากมายจนเลิกสงสัยข้อนี้ได้
ผมเองก็เคยสงสัย แต่สมัยบวชเขาเอาสารคดีเกี่ยวกับเรื่องนี้มาให้ดูก็หายสงสัยครับ เพราะหลักฐานเยอะมาก เยอะกว่าหลักฐานการมีอยู่ของบรรพบุรุษของผมหลายเท่า
ลองดูตามสารคดีที่ท่านอื่นๆ ข้างบนลงเอาไว้ให้ดูครับ แล้วคุณจะทราบ
ความเชื่อในศาสนาก็เรื่องหนึ่ง ประวัติศาสตร์ก็อีกเรื่องหนึ่ง
อย่างโลกตะวันตก นักวิทยาศาสตร์หลายท่านก็นับถือคริสต์ศาสนา แต่ก็ทำหน้าที่นักวิทยาศาสตร์ที่ดีอยู่ได้ แม้ผลงานวิจัยจะขัดกับหลักความเชื่อ เขาก็ยังทำงานวิจัย พร้อมๆ กับรักษาความเชื่อของเขาต่อไปได้
ผมคิดว่าคนไทยเรายังไม่รู้จักแยกแยะ
เขาถามเรื่องศาสนา ก็ให้คำตอบในเชิงศาสนาและปรัชญาไป
เขาถามในส่วนของประวัติศาสตร์ ก็ให้คำตอบในเชิงประวัติศาสตร์ไป
ผมเองก็รักและเคารพในพุทธศาสนา และก็มีเรื่องราวหลายเรื่องในพุทธประวัติที่ผมสงสัย
แต่ความสงสัยเหล่านั้นไม่ได้ทำให้ผมหย่อนในศรัทธาที่มีต่อพุทธศาสนา
เพราะประวัติศาสตร์มันก็เรื่องหนึ่ง ความเชื่อ ความศรัทธา มันก็เรื่องหนึ่ง
ต้องรู้จักแยกแยะและเลือกรับ
ข้อสงสัยของผมเกี่ยวกับเรื่องพุทธประวัติ เช่น
พระพุทธเจ้าหนีออกบวชตอนกลางคืนโดยมีเหตุผลเพราะเห็นเทวฑูตทั้ง 4
ผมคิดว่าเป็นเรื่องผิดวิสัยไปหน่อย
เพราะว่าหากหนีไปแล้วพระบิดาไม่พอใจ ระยะการเดินทางแค่คืนเดียว ด้วยอำนาจของกษัตริย์ก็ไม่ใช่เรื่องยากที่จะให้บริวารไปนำตัวกลับมาขังไว้ในวังจนกว่าจะล้มเลิกความคิด แต่นี่ปล่อยไปตั้งหลายปีถึงจะให้คนไปเชิญกลับวัง
ในส่วนนี้ผมไปอ่านเจอการวิเคราะห์ของท่าน เสฐียรพงษ์ วรรณปก ปราชญ์ราชบัณฑิตทางพุทธศาสนาของไทย
ท่านเสนอแนวคิดว่า พระพุทธเจ้าอาจออกบวชเพราะเหตุการณ์ทางการเมือง
ท่านก็ได้แสดงทรรศนะเชิงประวัติศาสตร์เอาไว้พอสังเขป ซึ่งผมจำไม่ได้
แต่ความคิดนี้สอดคล้องกับสิ่งที่ปรากฏอยู่ในพระไตรปิฎกตามที่ผมสงสัย
เพราะถ้าเป็นเช่นนี้ แน่นอนว่าพระบิดาคงไม่ออกตามหาจนกว่าปัญหานี้จะจบลง
และสมัยบวช ผมได้เรียนเพื่อสอบนักธรรมตรีด้วย ก็พบว่าเนื้อหาส่วนการออกบวชของพระพุทธเจ้านั้นมีอีกแบบหนึ่งที่ไม่ได้บรรจุในบทเรียน
ซึ่งแบบที่ว่านั้น เจ้าชายสิทธัตถะ ไม่ได้ทรงหนีไปยามค่ำคืน แต่ทรงปลงพระเกศาต่อหน้าพระญาติที่กำลังร่ำให้
ซึ่งพุทธประวัติในส่วนนี้สอดคล้องกับข้อสันนิษฐานว่า เจ้าชายสิทธัตถะทรงออกบวชด้วยเหตุแห่งการเมือง
.
.
.
เล่าให้ฟังพอสังเขปครับ ส่วนเรื่องหลักฐานการมีตัวตนของพระพุทธเจ้านั้น คุณลองสืบค้นดูครับ ผมเชื่อว่ามีอยู่เยอะแยะมากมายจนเลิกสงสัยข้อนี้ได้
ผมเองก็เคยสงสัย แต่สมัยบวชเขาเอาสารคดีเกี่ยวกับเรื่องนี้มาให้ดูก็หายสงสัยครับ เพราะหลักฐานเยอะมาก เยอะกว่าหลักฐานการมีอยู่ของบรรพบุรุษของผมหลายเท่า
ลองดูตามสารคดีที่ท่านอื่นๆ ข้างบนลงเอาไว้ให้ดูครับ แล้วคุณจะทราบ
ความคิดเห็นที่ 12
จขกท. พูดถูกนะ เกิดมาก็รู้ว่านับถือศาสนาพุทธ
ผู้คนจำนวนมาก ไม่รู้ว่า "อะไรเป็นเครื่องแสดงว่าเป็นชาวพุทธ"
เกิดมาพ่อแม่ก็แจ้งเกิดเป็นชาวพุทธ โดยเด็กไม่เคยเลือกนับถือพุทธเอง
การรู้จักสงสัย เป็นเรื่องดี .....เป็นก้าวแรกของภูมิปัญญา
ฝรั่งมันพูด "Doubt is the beginning of Wisdom"
มันสงสัยพระเจ้ามีจริงไหม มันก็ถามตอบกันด้วยเหตุผล
ไม่ใช่ อยากรู้เพื่อจะมั่นใจพระเจ้า แล้วค่อยนับถือ
นั่นมันคนละเรื่อง อย่าเอามาพันกัน
ผู้คนจำนวนมาก ไม่รู้ว่า "อะไรเป็นเครื่องแสดงว่าเป็นชาวพุทธ"
เกิดมาพ่อแม่ก็แจ้งเกิดเป็นชาวพุทธ โดยเด็กไม่เคยเลือกนับถือพุทธเอง
การรู้จักสงสัย เป็นเรื่องดี .....เป็นก้าวแรกของภูมิปัญญา
ฝรั่งมันพูด "Doubt is the beginning of Wisdom"
มันสงสัยพระเจ้ามีจริงไหม มันก็ถามตอบกันด้วยเหตุผล
ไม่ใช่ อยากรู้เพื่อจะมั่นใจพระเจ้า แล้วค่อยนับถือ
นั่นมันคนละเรื่อง อย่าเอามาพันกัน
ความคิดเห็นที่ 119
กระทู้น่าจะใกล้วายแล้ว ขอแสดงความเห็นหน่อยละกันครับ
ผมเห็นว่า การเข้าตอบของชาวพุทธผู้หวังดีส่วนใหญ่ในกระทู้นี้ ทำให้เกิดผลตรงข้ามกับเจตนาที่เข้ามาตอบครับ .. คือ อาจมีผลด้านลบ เนื่องจาก วิธีการยกเหตุผล, ตรรกะ, วิธีสรุปผล รวมถึงความรู้ในเชิงวิชาการ-การยืนยันหลักฐานทางประวัติศาสตร์ ..ที่ผมเห็นว่าด้อยอยู่มาก
ส่วนใหญ่จะตอบแบบเล่นวาทกรรม(หรือศรีธนญชัย) หรือมีการลำดับตรรกะเหตุผลแปลกๆ เช่น
- ให้ลองศึกษาธรรมะ แล้วจะรู้เอง
- มีพระธรรม แปลว่ามีเจ้าชายสิทธัตถะ
- ให้ไปหาหลักฐานมา ว่าไม่มี (อันนี้ฮา)
- อ้างอิงด้วยเนื้อหาในพระไตรปิฎก (วกวน ; พระไตรปิฎกบอกว่ามีเจ้าชายสิทธัตถะ - จขกท.สอบถามถึงหลักฐาน - ให้ย้อนไปดูในพระไตรปิฎก)
- อ้างว่ามีหลักฐาน แต่ไม่นำแสดง
ฯลฯ
ทั้งหมดนั้น ไม่เป็นการสนทนาหรือตอบคำถามในประเด็นของ จขกท.ซักเท่าไหร่ ซึ่งผมแอบกังวลอยู่ ว่าถ้าการสนทนาให้อยู่ในประเด็นหรือตรงประเด็น ยังทำกันไม่ค่อยได้ ..แล้วการดำรงอยู่ของพุทธในสังคมไทย มันจะเป็นไปในลักษณะไหน ..จะยังสามารถดำรงอยู่ในแบบ ศาสนาแห่งเหตุผล ที่เปิดกว้าง พิสูจน์ได้ ใช้ปัญญาเป็นหลัก ฯลฯ ได้อยู่หรือไม่
ผมเห็นว่า การเข้าตอบของชาวพุทธผู้หวังดีส่วนใหญ่ในกระทู้นี้ ทำให้เกิดผลตรงข้ามกับเจตนาที่เข้ามาตอบครับ .. คือ อาจมีผลด้านลบ เนื่องจาก วิธีการยกเหตุผล, ตรรกะ, วิธีสรุปผล รวมถึงความรู้ในเชิงวิชาการ-การยืนยันหลักฐานทางประวัติศาสตร์ ..ที่ผมเห็นว่าด้อยอยู่มาก
ส่วนใหญ่จะตอบแบบเล่นวาทกรรม(หรือศรีธนญชัย) หรือมีการลำดับตรรกะเหตุผลแปลกๆ เช่น
- ให้ลองศึกษาธรรมะ แล้วจะรู้เอง
- มีพระธรรม แปลว่ามีเจ้าชายสิทธัตถะ
- ให้ไปหาหลักฐานมา ว่าไม่มี (อันนี้ฮา)
- อ้างอิงด้วยเนื้อหาในพระไตรปิฎก (วกวน ; พระไตรปิฎกบอกว่ามีเจ้าชายสิทธัตถะ - จขกท.สอบถามถึงหลักฐาน - ให้ย้อนไปดูในพระไตรปิฎก)
- อ้างว่ามีหลักฐาน แต่ไม่นำแสดง
ฯลฯ
ทั้งหมดนั้น ไม่เป็นการสนทนาหรือตอบคำถามในประเด็นของ จขกท.ซักเท่าไหร่ ซึ่งผมแอบกังวลอยู่ ว่าถ้าการสนทนาให้อยู่ในประเด็นหรือตรงประเด็น ยังทำกันไม่ค่อยได้ ..แล้วการดำรงอยู่ของพุทธในสังคมไทย มันจะเป็นไปในลักษณะไหน ..จะยังสามารถดำรงอยู่ในแบบ ศาสนาแห่งเหตุผล ที่เปิดกว้าง พิสูจน์ได้ ใช้ปัญญาเป็นหลัก ฯลฯ ได้อยู่หรือไม่
แสดงความคิดเห็น
อยากทราบหลักฐานการมีอยู่จริงของพระพุทธเจ้าครับ
สวดมนต์ไหว้พระตักบาตร เวียนเทียนบลาๆ
แต่อยากทราบหลักฐานการมีอยู่จริง
เช่น พระบรมสารีริกธาตุ อุรังคธาตุ เป็นของพระพุทธเจ้าจริงมั้ย
เช่น พระธรรม คำสอน มีจริงมั้ย หรือเป็นเรื่องเล่าต่อๆกันมา
เช่นสถานที่ประสูติตรัสรู้ปรินิพพาน ที่บอกว่าอยู่ตรงนั้น ตรงนี้ หลักฐานคือ?
ฯลฯ
มีหลักฐานอะไรบ้างครับ