จากการดูวิดีโอหลายๆเรื่องเกี่ยวกับประวัติและการค้นพบของไอน์สไตน์ เช่นเรื่องนี้
http://www.youtube.com/watch?list=PLNtcr2FLR4deaeHZu40P8LlKbrHLUsa9s&v=xefcJ3XX0ks
ผมพบว่าในยุคเดียวกันมีคนเรียนเก่งและมีความรู้ทางฟิสิคส์และคณิตศาสตร์มากกว่าไอน์สไตน์มากมาย
ทั้งในทางจำนวนและคุณภาพ
ในขณะที่เขาคิดค้นทฤษฎีสัมพัทธภาพพิเศษ(ซึ่งง่ายกว่าทฤษฎีสัมพัทธภาพทั่วไป) เขาใช้คณิตศาสตร์ระดับ ม.ต้น
คือกฎของพีธากอรัส A^2 = B^2 + C^2 แค่นั้นเอง
ต่อมาในการคิดทฤษฎีสัมพัทธภาพทั่วไป เขาก็เริ่มต้นจากรูปวาดง่ายๆรูปนี้
ความจริงแล้วก่อนหน้าไอน์สไตน์ มีนักฟิสิคส์ชื่อ Lorentz ค้นพบสมการในทฤษฎีสัมพัทธภาพพิเศษ(ข้างล่าง)แล้ว
โดยใช้เพื่อแก้ปัญหาความไม่สอดคล้องของทฤษฎีแม่เหล็กไฟฟ้ากับผลการทดลอง
สมการชุดนี้เรียกว่า Lorentz's Transformation
แต่ Lorentz และคนอื่นๆไม่คิดว่าความไม่สอดคล้องนี้เกิดจากธรรมชาติของกาลอวกาศ
ซึ่งแตกต่างจากไอน์สไตน์ ซึ่งมีพลังจินตนาการที่ดีกว่า จึงกล้าคิดว่าทั้งเวลาและอวกาศล้วน
ไม่คงที่ และมีความเป็นหนึ่งเดียวกันด้วย
ในตอนที่ไอสไตน์กำลังคิดทฤษฎีสัมพัทธภาพทั่วไป เขาไม่สามารถสรุปทฤษฎีของเขาออกมา
ในรูปสมการคณิตศาสตร์ได้ แม้ว่าจะใช้เวลาไปแล้วหลายปี จนเขาได้รับความช่วยเหลือจาก
เพื่อนนักคณิตศาสตร์หลายคน จึงได้สรุปเป็นสมการสุดยอดนี้ออกมาได้
ทั้งนี้ทั้งนั้น เขาคิดออกมาได้เร็วกว่านักคณิตศาสตร์คนหนึ่งได้อย่างเฉียดฉิว ซึ่งเกือบ
จะทำให้เขาไม่สามารถอ้างตัวเป็นเจ้าของทฤษฎีนี้ได้อย่างสมบูรณ์
(ไอน์สไตน์สัญญาตอนหย่ากับภรรยาคนแรกว่า เขาจะเสนอทฤษฎีเข้าชิงรางวัลโนเบล และนำ
เงินรางวัลมาให้เธอใช้เลี้ยงชีพ)
อย่างไรก็ตามไอน์สไตน์ไม่ได้รับรางวัลโนเบลจากการค้นพบอันยิ่งใหญ่นี้ เพราะกรรมการต่างไม่เข้าใจ
และไม่เชื่อทฤษฎีของเขา แต่เขากลับได้รางวัลโนเบลจากทฤษฎี Photoelectric ซึ่งง่ายกว่ามากๆ
และเขาเสนอทฤษฎีนี้เป็นทฤษฎีแรกๆในชีวิตของเขา
ก็ขอสรุปว่าจินตนาการสำคัญกว่าความรู้อย่างที่ไอน์สไตน์บอกจริงๆครับ
เพราะความรู้จริงๆแล้วก็เกิดจากจินตนาการของคนก่อนหน้าเรานั่นเอง
อิอิ......
ผมเพิ่งรู้ว่าจริงๆแล้วไอน์สไตน์ไม่ได้เก่งเท่าไหร่
http://www.youtube.com/watch?list=PLNtcr2FLR4deaeHZu40P8LlKbrHLUsa9s&v=xefcJ3XX0ks
ผมพบว่าในยุคเดียวกันมีคนเรียนเก่งและมีความรู้ทางฟิสิคส์และคณิตศาสตร์มากกว่าไอน์สไตน์มากมาย
ทั้งในทางจำนวนและคุณภาพ
ในขณะที่เขาคิดค้นทฤษฎีสัมพัทธภาพพิเศษ(ซึ่งง่ายกว่าทฤษฎีสัมพัทธภาพทั่วไป) เขาใช้คณิตศาสตร์ระดับ ม.ต้น
คือกฎของพีธากอรัส A^2 = B^2 + C^2 แค่นั้นเอง
ต่อมาในการคิดทฤษฎีสัมพัทธภาพทั่วไป เขาก็เริ่มต้นจากรูปวาดง่ายๆรูปนี้
ความจริงแล้วก่อนหน้าไอน์สไตน์ มีนักฟิสิคส์ชื่อ Lorentz ค้นพบสมการในทฤษฎีสัมพัทธภาพพิเศษ(ข้างล่าง)แล้ว
โดยใช้เพื่อแก้ปัญหาความไม่สอดคล้องของทฤษฎีแม่เหล็กไฟฟ้ากับผลการทดลอง
สมการชุดนี้เรียกว่า Lorentz's Transformation
แต่ Lorentz และคนอื่นๆไม่คิดว่าความไม่สอดคล้องนี้เกิดจากธรรมชาติของกาลอวกาศ
ซึ่งแตกต่างจากไอน์สไตน์ ซึ่งมีพลังจินตนาการที่ดีกว่า จึงกล้าคิดว่าทั้งเวลาและอวกาศล้วน
ไม่คงที่ และมีความเป็นหนึ่งเดียวกันด้วย
ในตอนที่ไอสไตน์กำลังคิดทฤษฎีสัมพัทธภาพทั่วไป เขาไม่สามารถสรุปทฤษฎีของเขาออกมา
ในรูปสมการคณิตศาสตร์ได้ แม้ว่าจะใช้เวลาไปแล้วหลายปี จนเขาได้รับความช่วยเหลือจาก
เพื่อนนักคณิตศาสตร์หลายคน จึงได้สรุปเป็นสมการสุดยอดนี้ออกมาได้
ทั้งนี้ทั้งนั้น เขาคิดออกมาได้เร็วกว่านักคณิตศาสตร์คนหนึ่งได้อย่างเฉียดฉิว ซึ่งเกือบ
จะทำให้เขาไม่สามารถอ้างตัวเป็นเจ้าของทฤษฎีนี้ได้อย่างสมบูรณ์
(ไอน์สไตน์สัญญาตอนหย่ากับภรรยาคนแรกว่า เขาจะเสนอทฤษฎีเข้าชิงรางวัลโนเบล และนำ
เงินรางวัลมาให้เธอใช้เลี้ยงชีพ)
อย่างไรก็ตามไอน์สไตน์ไม่ได้รับรางวัลโนเบลจากการค้นพบอันยิ่งใหญ่นี้ เพราะกรรมการต่างไม่เข้าใจ
และไม่เชื่อทฤษฎีของเขา แต่เขากลับได้รางวัลโนเบลจากทฤษฎี Photoelectric ซึ่งง่ายกว่ามากๆ
และเขาเสนอทฤษฎีนี้เป็นทฤษฎีแรกๆในชีวิตของเขา
ก็ขอสรุปว่าจินตนาการสำคัญกว่าความรู้อย่างที่ไอน์สไตน์บอกจริงๆครับ
เพราะความรู้จริงๆแล้วก็เกิดจากจินตนาการของคนก่อนหน้าเรานั่นเอง
อิอิ......