จากมติชนออนไลน์
ช่วงเช้า 1 ตุลาคม ที่ผ่านมา ที่เมืองบาเซิล ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ชาวเมืองฮือฮา ตื่นเต้นเมื่อหนังสือพิมพ์ท้องถิ่น ลงข่าว ดอกไม้ที่ใหญ่ที่สุดในโลกที่มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Amorphophallas titanum (Titanwurz,in German) สูงได้ถึง 3 เมตร บานอยู่ที่สวนพฤกษศาสตร์ มหาวิทยาลัยบาเซิล (Botanisher Garten der UniversitaetBasel)
เหตุที่ชาวเมืองต้องรีบไปดูเพราะว่าเจ้าดอกที่ว่านี้ จะบานได้ไม่เกิน 36-48 ชม. หลังจากเกสรตัวผู้ (ส่วนที่เป็นแท่งสีเหลือง) ได้ผสมกับเกสรตัวเมีย (ส่วนที่ทาง Botanical garden Basel ได้เจาะช่องสี่เหลี่ยมด้านข้างให้เห็นส่วนฐานที่เป็นสีส้มแดง) เกสรตัวผู้ก็จะเหี่ยว แล้วกลีบดอกก็จะโรยตาม แล้วเหี่ยวไปภายใน 2 สัปดาห์
ชาวเมืองเล่าว่า นับเป็นความสำเร็จของทางสวนพฤกษศาสตร์ ดอกไม้ชนิดนี้ เพิ่งบาน ในรอบ 4 ปีที่ผ่านมา หลังจากนำต้นมาปลูกจาก Kerinci Seblat National Park เกาะสุมาตรา ประเทศอินโดนีเซีย และทำให้ดอกบานครั้งแรกในสภาวะเรือนกระจกได้เมื่อปี 2011
และเจ้าดอกไม้ชนิดนี้ ในช่วงที่บาน 24 ชม. แรกมันจะส่งกลิ่นเหม็นในรัศมีที่ไกลเกินกว่า 500 เมตร กลิ่นเหมือนว่านอุตพิตยังไงยังงั้น แต่หลังจากนั้นกลิ่นก็จะเริ่มจางไปเรื่อยๆ ซึ่งบางครั้งก็เรียกดอกไม้นี้ว่าดอกซากศพ
พอเห็นเจ้าดอกไม้ยักษ์นี่ บางคนคิดไปถึง "บัวผุด" แต่นักสังเกตการณ์ท่านหนึ่งแจ้งว่า รูปทรงไม่เหมือนบัวผุด ซึ่งบัวผุดในบ้านเราที่พบทางใต้เป็นพืชพวก พาราไซต์หรือเป็นพืชที่ต้องอาศัยพืชชนิดอื่นในการเติบโต แต่เจ้าดอกไม้นี้ Titanwurz เขามีต้นและใบที่เหมือนกับต้นบุกป่าบ้านเราดีๆนี่เอง
ทั้งนี้ ดอกไม้ยักษ์จากสุมาตรานี้ มีการนำไปปลูกในสวนพฤกษศาสตร์หลายแห่งของโลกไม่ว่าจะเป็นที่อังกฤษ, ออสเตรเลีย และสหรัฐอเมริกาอย่างน้อย 3 แห่ง
ขอขอบคุณข้อมูลและภาพ จาก ดร.วิพิศ นาสารีย์ เซนน์ จากเมืองบาเซิล ประเทศสวิตเซอร์แลนด์
บานในรอบ4ปี! ชาวสวิส สุดฮือฮา "ดอกไม้ยักษ์กลิ่นศพ" สะพรั่ง ในเมืองบาเซิล
ช่วงเช้า 1 ตุลาคม ที่ผ่านมา ที่เมืองบาเซิล ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ชาวเมืองฮือฮา ตื่นเต้นเมื่อหนังสือพิมพ์ท้องถิ่น ลงข่าว ดอกไม้ที่ใหญ่ที่สุดในโลกที่มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Amorphophallas titanum (Titanwurz,in German) สูงได้ถึง 3 เมตร บานอยู่ที่สวนพฤกษศาสตร์ มหาวิทยาลัยบาเซิล (Botanisher Garten der UniversitaetBasel)
เหตุที่ชาวเมืองต้องรีบไปดูเพราะว่าเจ้าดอกที่ว่านี้ จะบานได้ไม่เกิน 36-48 ชม. หลังจากเกสรตัวผู้ (ส่วนที่เป็นแท่งสีเหลือง) ได้ผสมกับเกสรตัวเมีย (ส่วนที่ทาง Botanical garden Basel ได้เจาะช่องสี่เหลี่ยมด้านข้างให้เห็นส่วนฐานที่เป็นสีส้มแดง) เกสรตัวผู้ก็จะเหี่ยว แล้วกลีบดอกก็จะโรยตาม แล้วเหี่ยวไปภายใน 2 สัปดาห์
ชาวเมืองเล่าว่า นับเป็นความสำเร็จของทางสวนพฤกษศาสตร์ ดอกไม้ชนิดนี้ เพิ่งบาน ในรอบ 4 ปีที่ผ่านมา หลังจากนำต้นมาปลูกจาก Kerinci Seblat National Park เกาะสุมาตรา ประเทศอินโดนีเซีย และทำให้ดอกบานครั้งแรกในสภาวะเรือนกระจกได้เมื่อปี 2011
และเจ้าดอกไม้ชนิดนี้ ในช่วงที่บาน 24 ชม. แรกมันจะส่งกลิ่นเหม็นในรัศมีที่ไกลเกินกว่า 500 เมตร กลิ่นเหมือนว่านอุตพิตยังไงยังงั้น แต่หลังจากนั้นกลิ่นก็จะเริ่มจางไปเรื่อยๆ ซึ่งบางครั้งก็เรียกดอกไม้นี้ว่าดอกซากศพ
พอเห็นเจ้าดอกไม้ยักษ์นี่ บางคนคิดไปถึง "บัวผุด" แต่นักสังเกตการณ์ท่านหนึ่งแจ้งว่า รูปทรงไม่เหมือนบัวผุด ซึ่งบัวผุดในบ้านเราที่พบทางใต้เป็นพืชพวก พาราไซต์หรือเป็นพืชที่ต้องอาศัยพืชชนิดอื่นในการเติบโต แต่เจ้าดอกไม้นี้ Titanwurz เขามีต้นและใบที่เหมือนกับต้นบุกป่าบ้านเราดีๆนี่เอง
ทั้งนี้ ดอกไม้ยักษ์จากสุมาตรานี้ มีการนำไปปลูกในสวนพฤกษศาสตร์หลายแห่งของโลกไม่ว่าจะเป็นที่อังกฤษ, ออสเตรเลีย และสหรัฐอเมริกาอย่างน้อย 3 แห่ง
ขอขอบคุณข้อมูลและภาพ จาก ดร.วิพิศ นาสารีย์ เซนน์ จากเมืองบาเซิล ประเทศสวิตเซอร์แลนด์