The Homesman (7.5/10) ผู้หญิงดีๆที่ไม่มีผัว... (สปอยล์บางเบา)

The Homesman (7.5/10) ผู้หญิงดีๆที่ไม่มีผัว...



เรื่องเกิดในยุค ศตววรษที่ 19 รัฐ Nebraska สหรัฐ Mary Bee Cuddy สาวโสดวัย 31 ปี อาศัยอยู่ตัวคนเดียวไม่มีผัว ซึ่งยุคนั้น 31 ยังไม่มีผัวถือว่าขึ้นคาน นางมีอาชีพทำไร่ทำนา ขยันขันแข็งวาดฝันอยากมีครอบครัว อยากมีอนาคตที่ดี มีลูก ขยายกิจการทำไร่ทำนาไป ขนาดเพื่อนบ้านมาเที่ยวเล่นด้วย ยังชวนเขาเป็นผัวเลย แต่ไม่ได้ดูน่าเกลียดนะครับ ผู้หญิงในยุคนั้นถ้าขายไม่ออกนี่ถือเป็นเรื่องอับอายนะ ปรากฎด้วยความจืดชืดไร้เสน่ห์ของนางก็เลยไม่มีใครเอา

วันหนึ่งนางอาสาพาหญิงวิกลจริตไปส่งรัฐบ้านเกิดที่ไอโอวา โดยทีแรกก็กะไปคนเดียวแหละ ผู้ชายก็เกี่ยงกัน นางเลยอาสา ทีนี้เกิดมาเจอลุงแก่ๆ ไม่มีบ้านอยู่ ไม่มีงานทำ จน นางก็เลยกะช่วยเหลือ โดยให้งานเป็นการพานางไปรัฐไอโอวา ค่าตอบแทนสูงถึง 300 เหรียญซึ่งจะช่วยให้ลุง George Briggs มีชีวิตที่ดีขึ้นได้

หนังอารมณ์ The Piano(1993) ผสม True Grit ผสม 12 Years a Slave มันพูดถึงสถานะของคนในยุคนั้น สิ่งที่เขาเชื่อกันว่าอยู่สูงคือ การเป็นผู้ชาย ความรวย คนผิวขาว สถานะทางสังคม อาชีพการงาน สิ่งที่ไม่มีวันได้เกิดคือ การเป็นผู้หญิง ความจน คนดำ เหล่านี้มักจะตกเป็นเบี้ยล่างเสมอ คิดแล้วจุก กว่าเราจะมาถึงวันที่คนเราเท่าเทียมกัน เราผ่านยุคที่ผู้คนเข้าแบ่งชนชั้นกันมาแล้วทุกรูปแบบ เหยียดเพศ เหยียดผิว เหยียดฐานะ ทุกวันนี้มันอาจจะดีขึ้น แต่ใช่ว่าจะหมดไป ยังมีมาให้เห็นอยู่เนืองๆ

และการที่ Mary Bee Cuddy ต้องพาหญิงจิตวิกลจริตกลับบ้าน ก็เป็นเพราะพวกเธอหมดประโยชน์ต่อบุรุษเพศที่เรียกตัวเองว่าสามีแล้ว สมัยก่อนผู้หญิงมีหน้าที่คือเป็นเมียอย่างเดียว การเป็นผัวเมียกัน เพียงแค่คุณสามารถสืบพันธุ์ได้ ผู้ชายก็เอามาทำเมียแล้ว (อย่างในเรื่อง The Piano ยุคนั้นเขาสั่งเมียข้ามประเทศเหมือนช้อปปิ้งออนไลน์สมัยนี้เลยจ้า ผู้หญิง = สิ่งของ) หนังกระเทาะเปลือกผู้หญิงทั้ง 4 ได้ดี ชีวิตคนก็เหมือนหัวหอม ยิ่งลอกเปลือกเราก็ยิ่งมีน้ำตา การที่ใครสักคนจะแปรเปลี่ยนจากคนจิตใจปกติเป็นคนบ้า หรือเป็นโรคจิตเภทมักจะมีสาเหตุจากหายนะทางจิตใจจนเกิดแผลที่ไม่อาจหายขาดได้ สุดท้ายก็กลายเป็นบ้า แล้วคิดดูว่าในเรื่องนางเอกต้องพาผู้หญิงบ้า 3 คนใส่เกวียนรถม้าข้ามประเทศจากตะวันตกไปตะวันออกในฤดูหนาว แค่คิดก็บ้าแล้ว

โทนของหนังคือดราม่า แต่มีมุขตลกร้ายๆ ตลกสังเวช แฝงมาเป็นระยะ คนดูได้หัวเราะปล่อยความเครียดอยู่บ้าง อันที่ตลกนี่ฮาค้างเลยนะ แต่มันไม่สุดเพราะจริงๆมันเป็นตลกบนความเศร้าของตัวละคร คือคนดูขำ แต่ตัวละครในเรื่องไม่ได้ตั้งใจให้ขำว่างั้นเถอะ ซึ่งถือเป็นเสน่ห์ของหนังเรื่องนี้เลย

Hilary Swank เล่นเรื่องนี้ให้อารมณ์นางงามเวเนซุเอลาเวลาไปประกวดมิสยูนิเวิร์ส รู้ว่าเริ่ด รู้ว่าเป๊ะ แต่กลั๊วกลัว กลัวนางได้มง เหมือนที่กลัวฮิลารี่ได้ออสการ์ คือนางรักษามาตรฐานได้ดี และทุ่มเทให้การแสดงจริงๆ แต่ก็นะ เข้าชิงสองครั้ง ได้รางวัลสองครั้งแล้ว ก็อยากให้คนอื่นได้บ้าง กลัวจริงๆถ้านางหลุดเข้าทอป กลัวนางจะมง แต่ต้องบอกว่าการแสดงของป้าแหวงไม่มีที่ติใดๆ เด็ดหญ้ากินคือกินจริงกลืนจริง ฉากโป๊เห็นนมก็มี ร้องไห้บ้านถล่มก็มี คือมันสเปกออสการ์ชัดๆ

คุณตาTommy Lee Jones เป็นนักแสดงที่ดี แต่ยังเป็นผู้กำกับที่ยังไม่โดนเท่าไหร่ ดูแกแล้วให้อารมณ์เหมือนดูพี่พิง ลำพระเพลิง เล่นหนังที่ตัวเองกำกับ พยายามสร้างให้ตัวเองเป็น Loser ที่กลายมาเป็น Hero ในตอนท้ายที่สุด ยิ่งฉากแขวนคอ ยิ่งนึกถึงพี่พิงในเรื่อง คนหิ้วหัว เลยเหมือนมั่กๆ

โดยส่วนใหญ่ทั้งเรื่องจะโฟกัสที่สองนักแสดง ป้าแหวง กับ ตาลี มากกว่า เล่าเรื่องดำเนินไปเรื่อยๆ ซึ่งคนดูคงคาดเดาได้ไม่ยากว่าการเดินทางพาหญิงวิกลจรติสามคนข้ามประเทศไปส่งบ้านนี้จะสำเร็จหรือไม่ แต่หนังก็มี"หักมุม"ที่ทำอึ้งและหดหู่ไปพอสมควร คือแบบตอนดู รู้สึก มันเล่นยังงี้เลยเหรอ(วะ)

องค์รวมที่ทำให้คะแนนสูงมาจากการแสดงล้วนๆเลยครับ อย่างไรเสียจัดว่าเป็นหนังคุณภาพแนวดราม่าที่ไม่คิดว่า บริษัทหนังในไทยจะนำเข้ามาฉาย ต้องขอบคุณโมโนฟิล์มที่เอาเข้ามาให้เราชมก่อนอเมริกาด้วยซ้ำ หนังน้ำดีที่ควรค่าแก่การฉายในโรงภาพยนต์ และควรไปดูมากครับ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่