น้องแมวชื่อ "แจ่มใส" อายุตีราว ๆ ก็ 1 ขวบพอดี (ไม่ได้บันทึกใด ๆ ไว้) ขอย้อนอดีตของน้องแจ่มหน่อยนะคะ
ในคอกเดียวกันน้องอ่อนแอที่สุดค่ะ ตัวเล็ก เพราะตอนแม่แมว (นางชื่อกุ้ง) คาบลูกน้อยกลับมาบ้าน (ชอบคาบมาไว้บนฝ้าน่ะค่ะ) แล้วเผลอปล่อยลูกให้ตกลงมาด้วยความสูงก็บ้านชั้นเดียวค่ะ ตอนนั้นน่าจะอยู่ช่วงเดือนแรกล่ะ คุณแม่ก็คิดไปว่าน้องไม่น่าจะรอด เพราะอดีตเคยเกิดกรณีเดียวกันแต่เขาตายค่ะ ประจวบจะครบ 2 เดือน ได้เวลาเปิดตัวค่ะ แม่กุ้งก็พาลูกน้อยมาโชว์ให้ดู คือเป็นสีสวาด (ขนสีเทา นัยน์ตาสีเหลือง) ตอนแรกคุณพ่อตั้งชื่อว่า "ขี้เถ้า" ให้ เพราะตัวเล็กและสีขนรวมถึงสภาพร่างกายที่ดูไม่แข็งแรง
เราย้ายกลับบ้านหลังเรียนจบใหม่ ๆ (ยังไม่ได้งานทำค่ะ) ก็จบสังเกตน้องได้ว่า มีกลิ่นที่แรงมากคล้ายสาปฉี่อ่ะค่ะ ทุกครั้งที่น้องร้องกลิ่นก็ตามมาด้วย จนฤดูฝนที่ผ่านมา น้องมีอาการมีน้ำมูก แต่กินอาหารที่ให้ได้ตามปกติเลย ดันเกิดเหตุไม่คาดคิดว่า แม่แมวอีกตัว (ตาล) ดันติดมาเฉย เราลองสังเกตอาการด้วยตัวเอง ค้นหาจากกูเกิ้ลคร่าว ๆ ก็เห็นว่าน่าจะเป็น "ไข้หวัดแมว" ล่ะ โอเค... แบ่งเงินพาน้องไปฉีดยา น้ำตาลเขาฉีด 2 เข็ม ได้ยินคุณหมอบอกว่าเป็นยาแก้ไอ-จาม และยาฆ่าเชื้อ (สีน้ำยาเป็นขาวขุ่นกับสีใส) 2-3 วันต่อมาได้ฤกษ์พาต้นเชื้อไปคือน้องแจ่ม แต่คุณหมอดันไม่อยู่ ได้ภรรยาคุณหมอมาฉีดแทน ก็โดนไป 2 เข็มเหมือนกัน แต่สีน้ำยามันเปลี่ยนไปน่ะค่ะ (สีใส กับสีเหลืองใส) เราก็พลาดที่ลืมถามว่าฉีดยาชื่ออะไรไปบ้าง ตอนนั้นห่วงน้องมาก เพราะเขาจามมีน้ำมูกน่ะค่ะ ตอนกลางคืนก็หายใจกันไม่ค่อยได้
วันแรกหลังจากฉีดยา ทั้ง 2 ชีวิตมีอาการใกล้เคียงกันคือซึม ๆ ไม่ยอมกินข้าวเท่าไหร่ แต่วันต่อมาน้ำตาลเขากินได้ปกติ และไม่มีน้ำมูกแล้ว ส่วนหนูแจ่มอาการต่างออกไปที่ เขาไม่ยอมทานอะไรเลยค่ะ นอนซึมอยู่ตัวเดียว ไม่เข้ามาอ้อน ไม่เล่นกับใคร 3-4 วันต่อมา เขาเริ่มกระเตื้องขึ้นนิด ยอมกินอาหารอ่อน ๆ อย่างเครื่องในปลาทู เนื้อปลาทู ครบสัปดาห์ถึงทานอาหารเม็ด (เมนูหลักที่บ้านจะมีข้าวคลุกปลาทูกับอาหารเม็ด แล้วแต่สภาพเงินในกระเป๋าค่ะ) ได้ ไอ้เราอุตส่าห์หลงดีใจว่า เออ... กินข้าวได้ล่ะ คงไม่มีอาการน้ำมูกพวกนี้อีก แต่เปล่าเลยค่ะ น้องเขายังคงอาการเดิมแบบเป๊ะ! ไว้
ต้องการสอบถามเบื้องต้นว่า น้องเขาน่าจะเข้าข่ายป่วยเป็นโรคอะไรได้บ้าง หากมีกำลังรักษาไว้จะได้พาเขาไปน่ะค่ะ เพราะครอบครัวไม่มีรายได้ที่แน่นอน เราเองก็ยังไม่ได้งานทำเลย ถ้าพาไปไหวด้วยกำลังทรัพย์ก็อยากพาไปให้อาการเขาดีขึ้นค่ะ เห็นแล้วทรมานแทน
ปล. คลินิกที่เราพาไปเป็นสัตวบาลค่ะ เนื่องจากอยู่ชนบทจริง ๆ
สรุปแล้วแมวเราป่วยเป็นอะไรคะ?
ในคอกเดียวกันน้องอ่อนแอที่สุดค่ะ ตัวเล็ก เพราะตอนแม่แมว (นางชื่อกุ้ง) คาบลูกน้อยกลับมาบ้าน (ชอบคาบมาไว้บนฝ้าน่ะค่ะ) แล้วเผลอปล่อยลูกให้ตกลงมาด้วยความสูงก็บ้านชั้นเดียวค่ะ ตอนนั้นน่าจะอยู่ช่วงเดือนแรกล่ะ คุณแม่ก็คิดไปว่าน้องไม่น่าจะรอด เพราะอดีตเคยเกิดกรณีเดียวกันแต่เขาตายค่ะ ประจวบจะครบ 2 เดือน ได้เวลาเปิดตัวค่ะ แม่กุ้งก็พาลูกน้อยมาโชว์ให้ดู คือเป็นสีสวาด (ขนสีเทา นัยน์ตาสีเหลือง) ตอนแรกคุณพ่อตั้งชื่อว่า "ขี้เถ้า" ให้ เพราะตัวเล็กและสีขนรวมถึงสภาพร่างกายที่ดูไม่แข็งแรง
เราย้ายกลับบ้านหลังเรียนจบใหม่ ๆ (ยังไม่ได้งานทำค่ะ) ก็จบสังเกตน้องได้ว่า มีกลิ่นที่แรงมากคล้ายสาปฉี่อ่ะค่ะ ทุกครั้งที่น้องร้องกลิ่นก็ตามมาด้วย จนฤดูฝนที่ผ่านมา น้องมีอาการมีน้ำมูก แต่กินอาหารที่ให้ได้ตามปกติเลย ดันเกิดเหตุไม่คาดคิดว่า แม่แมวอีกตัว (ตาล) ดันติดมาเฉย เราลองสังเกตอาการด้วยตัวเอง ค้นหาจากกูเกิ้ลคร่าว ๆ ก็เห็นว่าน่าจะเป็น "ไข้หวัดแมว" ล่ะ โอเค... แบ่งเงินพาน้องไปฉีดยา น้ำตาลเขาฉีด 2 เข็ม ได้ยินคุณหมอบอกว่าเป็นยาแก้ไอ-จาม และยาฆ่าเชื้อ (สีน้ำยาเป็นขาวขุ่นกับสีใส) 2-3 วันต่อมาได้ฤกษ์พาต้นเชื้อไปคือน้องแจ่ม แต่คุณหมอดันไม่อยู่ ได้ภรรยาคุณหมอมาฉีดแทน ก็โดนไป 2 เข็มเหมือนกัน แต่สีน้ำยามันเปลี่ยนไปน่ะค่ะ (สีใส กับสีเหลืองใส) เราก็พลาดที่ลืมถามว่าฉีดยาชื่ออะไรไปบ้าง ตอนนั้นห่วงน้องมาก เพราะเขาจามมีน้ำมูกน่ะค่ะ ตอนกลางคืนก็หายใจกันไม่ค่อยได้
วันแรกหลังจากฉีดยา ทั้ง 2 ชีวิตมีอาการใกล้เคียงกันคือซึม ๆ ไม่ยอมกินข้าวเท่าไหร่ แต่วันต่อมาน้ำตาลเขากินได้ปกติ และไม่มีน้ำมูกแล้ว ส่วนหนูแจ่มอาการต่างออกไปที่ เขาไม่ยอมทานอะไรเลยค่ะ นอนซึมอยู่ตัวเดียว ไม่เข้ามาอ้อน ไม่เล่นกับใคร 3-4 วันต่อมา เขาเริ่มกระเตื้องขึ้นนิด ยอมกินอาหารอ่อน ๆ อย่างเครื่องในปลาทู เนื้อปลาทู ครบสัปดาห์ถึงทานอาหารเม็ด (เมนูหลักที่บ้านจะมีข้าวคลุกปลาทูกับอาหารเม็ด แล้วแต่สภาพเงินในกระเป๋าค่ะ) ได้ ไอ้เราอุตส่าห์หลงดีใจว่า เออ... กินข้าวได้ล่ะ คงไม่มีอาการน้ำมูกพวกนี้อีก แต่เปล่าเลยค่ะ น้องเขายังคงอาการเดิมแบบเป๊ะ! ไว้
ต้องการสอบถามเบื้องต้นว่า น้องเขาน่าจะเข้าข่ายป่วยเป็นโรคอะไรได้บ้าง หากมีกำลังรักษาไว้จะได้พาเขาไปน่ะค่ะ เพราะครอบครัวไม่มีรายได้ที่แน่นอน เราเองก็ยังไม่ได้งานทำเลย ถ้าพาไปไหวด้วยกำลังทรัพย์ก็อยากพาไปให้อาการเขาดีขึ้นค่ะ เห็นแล้วทรมานแทน
ปล. คลินิกที่เราพาไปเป็นสัตวบาลค่ะ เนื่องจากอยู่ชนบทจริง ๆ