นัดแรกคือการการแข่งขัน คัดเลือกฟุตบอลเอเชี่ยนคัพส์รอบคัดเลือกเมื่อ 21 มิถุนายน ปี 2535 ก่อนหน้านั้นหลายปี เกาหลีใต้ชุดใหญ่ไม่แพ้ทีมชาติไทยมานาน หลังจากฟุตบอลปรีโอลิมปิครอบคัดเลือกรอบแรกเมื่อปี 2526 ที่สมัยนั้นใช้ทีมชาติชุดใหญ่เล่น และไทยชนะไป 2-1 โดยปิยะพงษ์เป็นคนยิงประตูชัยที่สนามศุภชลาศัย
วันที่ไทยแข่งกับเกาหลีใต้ตอนเอเชี่ยนคัพส์รอบคัดเลือกนั้น วันนั้นฝนตกหนักมากและเสมอกันอยู่ 1-1 โดยไทยยิงประตูนำไปก่อนจากอรรถพล บุษปาคมในนาทีที่ 3 ก่อนที่เกาหลึใต้จะตีเสมอได้จากการยิงของโรชางเร ตอนนั้นเกือบจะหมดเวลาอยู่แล้ว ในนาทีที่ 84 ไทยได้บอลทางใกล้มุมธงด้านซ้ายฝั่งอัฒจรรย์มีหลังคาด้านทิศเหนือ ปิยะพงษ์กระชากบอลไปเกือบถึงเส้นหลัง โดยมีแบ็คขวาเกาหลีใต้เข้ามาสไลด์บอล เดอะตุ๊กพลิกบอลหนีโดยการเลี้ยงกลับหลังและกระโดดหลบการสไลด์ของแบ็คขวาเกาหลีใต้ แล้วโชว์ลูกไขว้โดยใช้ขาซ้ายไขว้บอลลอยโด่งจากริมเส้นด้านซ้ายเข้าไปกลางกรอบเขตโทษ บอลพุ่งไปตกกลางกรอบเขตโทษตรงหน้าของประเสริฐอย่างแม่นยำ และประเสริฐ ช้างมูลซัดเต็มข้อทันทีบอลพ่งเสียบมุมซ้ายมือของเกาหลีใต้อย่างสวยงาม ท่ามกลางเสียงโห่ร้องของแฟนบอลในสนามนับหมื่นคน หลังจากนั้นไทยก็ยันเกมบุกของเกาหลีใต้ได้จนหมดเวลาทำให้ไทยสร้างประวัติศาสตร์เขี่ยเกาหลีใต้ชุดใหญ่ตกรอบเอเชี่ยนคัพส์รอบคัดเลือกอย่างเหลือเชื่อ
นัดที่ 2 คือเอเชี่ยนเกมส์ครั้งที่ 13 ที่กรุงเทพเมื่อ ปี 2541 ในปีนั้นเกาหลีใต้เพิ่งผ่านเข้าไปเล่นฟุตบอลโลกได้เตรียมทีมโดยใช้นักเตะชุดบอลโลกอย่างคิมเบียงจี ผู้รักษาประตู ฮองเมียงโบ และ ยูซังชุล 2 กองหลังชุดบอลโลกที่ฝรั่งเศสเป็นตัวหลัก ผสมกับนักเตะชุดปรีโอลิมปิคเกาหลีใต้มาแข่งขัน ส่วนไทยเรานำทีมโดยซิโก้ ตะวัน ดุสิต ธวัขชัย นที ชัยยงค์ วรวุฒิ เสนาะ สุรชัย จิระศิริโชติ เป็นต้น กาแข่งขันวันนั้นเราตกเป็นรองอย่างมากเนื่องจากวรวุฒิ ศรีมะฆะและ สุรชัย จิระศิริโชติโดนใบแดงไล่ออกทำให้ไทยเหลือผู้เล่นแค่ 9 คนแต่ไทยเราก็ทำประตูนำไปได้ก่อนจากการวอลเล่ย์อย่างสวยงามของเกียรติศักดิ์ เสนาเมือง แต่ในที่สุดเกาหลีใต้ก็ตีเสมอได้เมื่อยิงฟรีคิกทะลุกำแพงเข้าไป จนกระทั่งเข้าสู่ช่วงต่อเวลาโกลเด้นโกลด์ ไทยได้ฟรีคิกทางมุมธงด้านซ้ายของสนาม ดุสิตเขี่ยบอลให้ธวัชชัยยิงทันทีบอลลอยขายูซังชุลกองหลังเกาหลีชุดบอลโลกที่กระโดดขึ้นสูงเพราะคิดว่าลูกจะลอดโด่ง บอลพุ่งดิ่งไปยังประตูเกาหลีใต้ แต่ถึงปากประตูบอลกลับลอยโด่งหนีมือคิมเบียงจีผู้รักษาประตูเกาหลีใต้ชุดบอลโลกที่ฝรั่งเศสในปีนั้นเข้าประตูอย่างสวยงาม ทำให้ไทยพลิกเอาชนะเกาหลีใต้ไป 2-1 ผ่านเข้ารอบชนะเลิศไปพบกับคูเวต
ย้อนรอย 2 นัดหลังที่ทีมชาติไทยเอาชนะเกาหลีใต้ได้
วันที่ไทยแข่งกับเกาหลีใต้ตอนเอเชี่ยนคัพส์รอบคัดเลือกนั้น วันนั้นฝนตกหนักมากและเสมอกันอยู่ 1-1 โดยไทยยิงประตูนำไปก่อนจากอรรถพล บุษปาคมในนาทีที่ 3 ก่อนที่เกาหลึใต้จะตีเสมอได้จากการยิงของโรชางเร ตอนนั้นเกือบจะหมดเวลาอยู่แล้ว ในนาทีที่ 84 ไทยได้บอลทางใกล้มุมธงด้านซ้ายฝั่งอัฒจรรย์มีหลังคาด้านทิศเหนือ ปิยะพงษ์กระชากบอลไปเกือบถึงเส้นหลัง โดยมีแบ็คขวาเกาหลีใต้เข้ามาสไลด์บอล เดอะตุ๊กพลิกบอลหนีโดยการเลี้ยงกลับหลังและกระโดดหลบการสไลด์ของแบ็คขวาเกาหลีใต้ แล้วโชว์ลูกไขว้โดยใช้ขาซ้ายไขว้บอลลอยโด่งจากริมเส้นด้านซ้ายเข้าไปกลางกรอบเขตโทษ บอลพุ่งไปตกกลางกรอบเขตโทษตรงหน้าของประเสริฐอย่างแม่นยำ และประเสริฐ ช้างมูลซัดเต็มข้อทันทีบอลพ่งเสียบมุมซ้ายมือของเกาหลีใต้อย่างสวยงาม ท่ามกลางเสียงโห่ร้องของแฟนบอลในสนามนับหมื่นคน หลังจากนั้นไทยก็ยันเกมบุกของเกาหลีใต้ได้จนหมดเวลาทำให้ไทยสร้างประวัติศาสตร์เขี่ยเกาหลีใต้ชุดใหญ่ตกรอบเอเชี่ยนคัพส์รอบคัดเลือกอย่างเหลือเชื่อ
นัดที่ 2 คือเอเชี่ยนเกมส์ครั้งที่ 13 ที่กรุงเทพเมื่อ ปี 2541 ในปีนั้นเกาหลีใต้เพิ่งผ่านเข้าไปเล่นฟุตบอลโลกได้เตรียมทีมโดยใช้นักเตะชุดบอลโลกอย่างคิมเบียงจี ผู้รักษาประตู ฮองเมียงโบ และ ยูซังชุล 2 กองหลังชุดบอลโลกที่ฝรั่งเศสเป็นตัวหลัก ผสมกับนักเตะชุดปรีโอลิมปิคเกาหลีใต้มาแข่งขัน ส่วนไทยเรานำทีมโดยซิโก้ ตะวัน ดุสิต ธวัขชัย นที ชัยยงค์ วรวุฒิ เสนาะ สุรชัย จิระศิริโชติ เป็นต้น กาแข่งขันวันนั้นเราตกเป็นรองอย่างมากเนื่องจากวรวุฒิ ศรีมะฆะและ สุรชัย จิระศิริโชติโดนใบแดงไล่ออกทำให้ไทยเหลือผู้เล่นแค่ 9 คนแต่ไทยเราก็ทำประตูนำไปได้ก่อนจากการวอลเล่ย์อย่างสวยงามของเกียรติศักดิ์ เสนาเมือง แต่ในที่สุดเกาหลีใต้ก็ตีเสมอได้เมื่อยิงฟรีคิกทะลุกำแพงเข้าไป จนกระทั่งเข้าสู่ช่วงต่อเวลาโกลเด้นโกลด์ ไทยได้ฟรีคิกทางมุมธงด้านซ้ายของสนาม ดุสิตเขี่ยบอลให้ธวัชชัยยิงทันทีบอลลอยขายูซังชุลกองหลังเกาหลีชุดบอลโลกที่กระโดดขึ้นสูงเพราะคิดว่าลูกจะลอดโด่ง บอลพุ่งดิ่งไปยังประตูเกาหลีใต้ แต่ถึงปากประตูบอลกลับลอยโด่งหนีมือคิมเบียงจีผู้รักษาประตูเกาหลีใต้ชุดบอลโลกที่ฝรั่งเศสในปีนั้นเข้าประตูอย่างสวยงาม ทำให้ไทยพลิกเอาชนะเกาหลีใต้ไป 2-1 ผ่านเข้ารอบชนะเลิศไปพบกับคูเวต