หลังจากจบภารกิจการจัดกิจกรรม "โครงการแบ่งปันหัวใจดีฉันน้องพี่ครั้งที่๑" เหมือนมีอะไรมาตอกย้ำความรู้สึกและเพิ่มแรงบันดาลใจให้พวกเราจัดกิจกรรมในครั้งต่อไปและต่อๆไป เพราะิ่งที่เราได้หยิบยื่นให้กับน้องๆผู้พิการนั้น เป็นชนวนจุดประกายแววตาของเด็กๆ ให้ส่องสว่างมายังกลางหัวใจของเรา ทำให้เราเห็นถึง"คุณค่าของการเป็นผู้ให้อย่างแท้จริง
กิจกรรมในครั้งแรกถูกเผยแพร่ผ่านหน้าเพจบนเฟสบุคของชมรม ทำให้มีเพื่อนๆเห็นถึงกิจกรรมที่เราทำและมีผู้ให้ความสนใจอยากช่วยเหลือมากขึ้น ข้าพเจ้าได้เริ่มรู้จักกับเพื่อนผู้มีหวใจอาสา และมีอุดมการณ์เดียวกัน เราพูดคุยกันถึงกิจกรรมที่จะจัดขึ้นเป็นครั้งต่อไป โดยกำหนดการจัดกิจกรรมทุกวันเสาร์ สัปดาห์ที่3 ของทุกเดือน เพื่อให้เกิดความต่อเนื่องและเปิดโอกาสให้คนได้ร่วมกันทำสิ่งดีๆมากขึ้น
"พี่เปิ้ล" เป็นหนึ่งในกัลยาณมิตรที่คอยสนับสนุนและให้การช่วยเหลือ ในครั้งที่สองนี้ พี่เปิ้ลได้แนะนำให้พวกเรารู้จักสถานสงเคราะห์ที่พี่เปิ้ลเคยไปเลี้ยงอาหารกลางวันมาก่อน เราจึงเดินทางไปสำรวจสถานที่กันในสัปดาห์ต่อมา
"สมาคมรวมปัญญาคนพิการ" ตั้งอยู่ ต.ไทรน้อย อ.ไทรน้อย จ.นนทบุรี ไม่ห่างจากตัวเมืองมาก แต่ยังไม่เป็นที่รู้จักและเข้าถึงของคนทั่วไป
มีผู้พิการทางสมองรวมๆกว่า 20 ชีวิต ทั้งเด็กและผู้ใหญ่ เราได้รับการต้อนรับด้วยรอยยิ้มที่สดใส และความสนิทสนมราวกับว่ารู้จักกันมานาน
เมื่อสอบถามความต้องการ ปัจจัยหลักคืออาหารการกิน และของใช้ทั่วไป
เราตั้งต้นกิจกรรมด้วยการประกาศขอรับบริจาคลงบนหน้าเพจในเฟสบุค ทั้งเพื่อนพ้องน้องพี่ที่สนิทสนม ไปจนถึงบุคคลอื่นๆที่ได้ทราบข่าวการรับสมัครจิตอาสาเพื่อช่วยเหลือผู้พิการทางสมองที่สมาคมรวมปัญญาคนพิการ ใน"โครงการแบ่งปันหัวใจดีฉันน้องพี่ครั้งที่๒" ซึ่งจะจัดขึ้นในวันที่ 17 สิงหาคม 2556
ในครั้งนี้ มีเพื่อนๆผู้มีจิตอาสาสนใจบริจาคข้าวสาร และของใช้จำเป็นเป็นจำนวนมาก
ทำให้เรารวบรวมข้าวสารที่จะนำไปบริจาคได้ 100 กว่ากิโล แพมเพิส น้ำยาทำความสะอาด ของใช้จำเป็น และเงิน 11,320 บาท
นอกจากนี้ ยังมีกลุ่มนักศึกษาปริญญาโทจากสถาบันราชภัฏจันเกษม สมัครมาเป็นจิตอาสาในครั้งนี้ด้วย
และแล้วกำหนดวันจัดกิจกรรมก็มาถึง เพื่อนๆจิตอาสากลุ่มหนึ่งไม่สามารถเดินทางไปกับเราได้ จึงอาสาตื่นแต่เช้ามืดเพื่อมาทำกับข้าวสำหรับไปเลี้ยงมื้อกลางวันให้กับผู้พิการ (อร่อยมาก บอกเลย)
เราไปถึงกันช่วงสายๆ เริ่มกิจกรรมด้วยการพูดคุยแลกเปลี่ยนประสบการณ์และแนะนำตัว เนื่องจากจิตอาสาของเราในครั้งนี้ มาจากต่างที่ต่างถิ่น ต่างเพศต่างวัย แต่เมื่อมาอยู่ในสถานที่ วัน เวลา และทำกิจกรรมเดียวกัน ก็เสมือนว่าเรามีหัวใจดวงเดียวกัน
หลังการพูดคุยสันทนาการ ก็ได้เวลารับประทานอาหารกลางวัน พวกเราไปช่วยกันป้อนข้าวให้น้องๆผู้พิการ บางคนกินเองได้ บางคนเราต้องช่วยป้อนให้ ช่างเป็นมื้อกลางวันที่ดูมีความหมาย เพราะสายตาของพวกเขา เต็มไปด้วยความสดใส และรอคอยให้เรายื่นข้าวแต่ละคำใส่ปากอย่างใส่ใจ เรียกได้กว่าอิ่มทั้งผู้ให้ สุขใจทั้งผู้รับ
หลังจากป้อนอาหารแล้ว พวกเราก็รับประทานอาหารร่วมกัน ก่อนอื่น เราได้สวดขอบคุณผู้มีพระคุณที่ทำให้เรามีข้าวกินในแต่ละมื้อ วินาทีนี้ ทำให้เราระลึกรู้ถึงคุณค่าของข้าวทุกๆคำที่ตักใส่ปาก ว่ามันมาจากขั้นตอนที่เหนื่อยยากของชาวนา และน้ำพักน้ำแรงของใครต่อใคร ในวันนี้เรายังมีกินมีใช้ ก็ควรจะรู้คุณค่า เพราะหลายต่อหลายชีวิต ไม่รู้ว่าจะมีอะไรตกถึงท้องบ้างในแต่ละวัน
หลังการรับประทานอาหารร่วมกัน กิจกรรมก็ดำเนินมาถึงช่วงสุดท้าย เราได้มอยเงินและสิ่งของให้คุณครูผู้ดูแลบ้าน และร่วมร้องเพลงด้วยกัน "...กำลังใจ จากใครหนอ ขอเป็นทาน ให้ฉันได้ไหม ดั่งหยาดฝน บนฟากฟ้าไกล ที่หลั่งริน สู่พื้นดินแห้งผาก"
นำ้ใจทุกๆหยด จากหัวใจของจิตอาสาในวันนี้ ทำให้เรารู้คุณค่าของการเป็นผู้ให้ และยิ่งตอกย้ำให้เราทำสิ่งดีๆต่อไป และต่อไป
"เพราะความดี ทำเมื่อไหร่ ก็รู้สึกดี"
ขอบคุณกัลยาณมิตรทุกๆคนที่เคียงข้างกันตลอดมาค่ะ
Rescute Club ชมรมคนธรรมดี ร่วมแบ่งปันสิ่งดีๆสู่สังคม "ครั้งที่๒"
กิจกรรมในครั้งแรกถูกเผยแพร่ผ่านหน้าเพจบนเฟสบุคของชมรม ทำให้มีเพื่อนๆเห็นถึงกิจกรรมที่เราทำและมีผู้ให้ความสนใจอยากช่วยเหลือมากขึ้น ข้าพเจ้าได้เริ่มรู้จักกับเพื่อนผู้มีหวใจอาสา และมีอุดมการณ์เดียวกัน เราพูดคุยกันถึงกิจกรรมที่จะจัดขึ้นเป็นครั้งต่อไป โดยกำหนดการจัดกิจกรรมทุกวันเสาร์ สัปดาห์ที่3 ของทุกเดือน เพื่อให้เกิดความต่อเนื่องและเปิดโอกาสให้คนได้ร่วมกันทำสิ่งดีๆมากขึ้น
"พี่เปิ้ล" เป็นหนึ่งในกัลยาณมิตรที่คอยสนับสนุนและให้การช่วยเหลือ ในครั้งที่สองนี้ พี่เปิ้ลได้แนะนำให้พวกเรารู้จักสถานสงเคราะห์ที่พี่เปิ้ลเคยไปเลี้ยงอาหารกลางวันมาก่อน เราจึงเดินทางไปสำรวจสถานที่กันในสัปดาห์ต่อมา
"สมาคมรวมปัญญาคนพิการ" ตั้งอยู่ ต.ไทรน้อย อ.ไทรน้อย จ.นนทบุรี ไม่ห่างจากตัวเมืองมาก แต่ยังไม่เป็นที่รู้จักและเข้าถึงของคนทั่วไป
มีผู้พิการทางสมองรวมๆกว่า 20 ชีวิต ทั้งเด็กและผู้ใหญ่ เราได้รับการต้อนรับด้วยรอยยิ้มที่สดใส และความสนิทสนมราวกับว่ารู้จักกันมานาน
เมื่อสอบถามความต้องการ ปัจจัยหลักคืออาหารการกิน และของใช้ทั่วไป
เราตั้งต้นกิจกรรมด้วยการประกาศขอรับบริจาคลงบนหน้าเพจในเฟสบุค ทั้งเพื่อนพ้องน้องพี่ที่สนิทสนม ไปจนถึงบุคคลอื่นๆที่ได้ทราบข่าวการรับสมัครจิตอาสาเพื่อช่วยเหลือผู้พิการทางสมองที่สมาคมรวมปัญญาคนพิการ ใน"โครงการแบ่งปันหัวใจดีฉันน้องพี่ครั้งที่๒" ซึ่งจะจัดขึ้นในวันที่ 17 สิงหาคม 2556
ในครั้งนี้ มีเพื่อนๆผู้มีจิตอาสาสนใจบริจาคข้าวสาร และของใช้จำเป็นเป็นจำนวนมาก
ทำให้เรารวบรวมข้าวสารที่จะนำไปบริจาคได้ 100 กว่ากิโล แพมเพิส น้ำยาทำความสะอาด ของใช้จำเป็น และเงิน 11,320 บาท
นอกจากนี้ ยังมีกลุ่มนักศึกษาปริญญาโทจากสถาบันราชภัฏจันเกษม สมัครมาเป็นจิตอาสาในครั้งนี้ด้วย
และแล้วกำหนดวันจัดกิจกรรมก็มาถึง เพื่อนๆจิตอาสากลุ่มหนึ่งไม่สามารถเดินทางไปกับเราได้ จึงอาสาตื่นแต่เช้ามืดเพื่อมาทำกับข้าวสำหรับไปเลี้ยงมื้อกลางวันให้กับผู้พิการ (อร่อยมาก บอกเลย)
เราไปถึงกันช่วงสายๆ เริ่มกิจกรรมด้วยการพูดคุยแลกเปลี่ยนประสบการณ์และแนะนำตัว เนื่องจากจิตอาสาของเราในครั้งนี้ มาจากต่างที่ต่างถิ่น ต่างเพศต่างวัย แต่เมื่อมาอยู่ในสถานที่ วัน เวลา และทำกิจกรรมเดียวกัน ก็เสมือนว่าเรามีหัวใจดวงเดียวกัน
หลังการพูดคุยสันทนาการ ก็ได้เวลารับประทานอาหารกลางวัน พวกเราไปช่วยกันป้อนข้าวให้น้องๆผู้พิการ บางคนกินเองได้ บางคนเราต้องช่วยป้อนให้ ช่างเป็นมื้อกลางวันที่ดูมีความหมาย เพราะสายตาของพวกเขา เต็มไปด้วยความสดใส และรอคอยให้เรายื่นข้าวแต่ละคำใส่ปากอย่างใส่ใจ เรียกได้กว่าอิ่มทั้งผู้ให้ สุขใจทั้งผู้รับ
หลังจากป้อนอาหารแล้ว พวกเราก็รับประทานอาหารร่วมกัน ก่อนอื่น เราได้สวดขอบคุณผู้มีพระคุณที่ทำให้เรามีข้าวกินในแต่ละมื้อ วินาทีนี้ ทำให้เราระลึกรู้ถึงคุณค่าของข้าวทุกๆคำที่ตักใส่ปาก ว่ามันมาจากขั้นตอนที่เหนื่อยยากของชาวนา และน้ำพักน้ำแรงของใครต่อใคร ในวันนี้เรายังมีกินมีใช้ ก็ควรจะรู้คุณค่า เพราะหลายต่อหลายชีวิต ไม่รู้ว่าจะมีอะไรตกถึงท้องบ้างในแต่ละวัน
หลังการรับประทานอาหารร่วมกัน กิจกรรมก็ดำเนินมาถึงช่วงสุดท้าย เราได้มอยเงินและสิ่งของให้คุณครูผู้ดูแลบ้าน และร่วมร้องเพลงด้วยกัน "...กำลังใจ จากใครหนอ ขอเป็นทาน ให้ฉันได้ไหม ดั่งหยาดฝน บนฟากฟ้าไกล ที่หลั่งริน สู่พื้นดินแห้งผาก"
นำ้ใจทุกๆหยด จากหัวใจของจิตอาสาในวันนี้ ทำให้เรารู้คุณค่าของการเป็นผู้ให้ และยิ่งตอกย้ำให้เราทำสิ่งดีๆต่อไป และต่อไป
"เพราะความดี ทำเมื่อไหร่ ก็รู้สึกดี"
ขอบคุณกัลยาณมิตรทุกๆคนที่เคียงข้างกันตลอดมาค่ะ