สวัสดีครับ อันนี้เป็นกระทู้แรกที่ผมตั้งในพันทิพเลยนะครับ ถ้าทำอะไรผิดพลาดต้องขออภัยล่วงหน้าด้วยนะครับ...
เนื่องจากช่วงต้นเดือนที่ผ่านมา (8 – 13 กันยายน 2557) ผมมีโอกาสแบกเป้ ไปขับรถเที่ยวไอร์แลนด์เหนือกับเพื่อนสองคน เลยอยากมาแบ่งปันประสบการณ์ แล้วเก็บรูปจากการไปเที่ยวมาฝากครับ โดยส่วนมาก เวลาผมเที่ยวก็จะเที่ยวแบบลุยๆ หน่อย ล่าสุดได้ไปไอร์แลนด์เหนือกับเพื่อน ก็ตัดสินใจเช่ารถกันขับแล้วก็ขับไปกันค่อนประเทศเลยทีเดียว ผมเขียนรีวิวนี้ขึ้นมา ตั้งใจให้เป็นข้อมูลสำหรับคนที่อยากจะไปเที่ยวไอร์แลนด์เหนือหลายๆ คน อาจจะยาวหน่อยนะครับ ต้องอภัยด้วย แต่อยากให้ครบๆ เพราะอุตส่าไปมาตั้งหลายวัน T T
เนื่องจากว่าเราสองคนเป็นนักเรียนมาเรียนปริญญาโทที่ประเทศอังกฤษ จึงขึ้นเครื่องบินจากสนามบิน Gatwick ไปที่ International Belfast Airport ด้วยสายการบิน low cost ครับ โดยปรกติถ้าบินจากลอนดอนไปถึงเบสฟาสต์ ราคาตั๋วไป-กลับจะตกอยู่ประมาณ 70-110 ปอนด์ ขึ้นอยู่กับว่าจองช้าจองเร็วและบินรอบเวลาไหน
ตั๋วที่ผมจองกับเพื่อน ไปด้วย Easyjet กลับ Air Lingus เราจองผ่าน skyscanner.com ครับ ข้อมูลทั่วๆ ไปของไอร์แลนด์เหนือ คิดว่าทุกคนคงหาได้จากรีวิวอื่นนะครับ หลักๆ ก็คือ ตอนนี้ยังเป็นส่วนนึงของ UK, เข้าใจว่าไม่ต้องใช้วีซ่า (ประเทศไทยอยู่ในกลุ่มประเทศยกเว้น), ใช้เงินปอนด์, บริษัทให้เช่ารถส่วนมาก ยอมให้ผู้ขับรถอายุต่ำสุด 23 ปีแต่ต้องเสียเงินเพิ่ม ผมอายุ 25 ใช้ Budget car ไม่ต้องใช้ International Driving Licence ครับ
สรุปแพลนเที่ยวของผม Road trip plan – Northern Ireland (5 Days)
วันที่ 1: - Belfast – สถานที่เที่ยว: Belfast City Hall, Titanic Exhibition Center, หอนาฬิกา Albert Memorial Clock, ดูโบสถ์ต่างๆ , ที่ทำการ BBC, เดินเที่ยวดูจิตรกรรมฝาผนังที่มีอยู่ทั่วเมือง
วันที่ 2: - Belfast/Northern Part – สถานที่เที่ยว: Crescent Church, Belfast Castle (แวะระหว่างทาง), The Dark Hedge, Glenariff Forest Park, Ballintoy Harbour, Ballycastle, Cushendall, Water Foot, Giant's Causeway
วันที่ 3: Northern Part (เก็บตก) /Londonderry – สถานที่เที่ยว: Carrick-A-Rede Rope Bridge, Old Bushmills Distillery, Dunluce Castle, Downhill Demenes (Musenden Temple)
วันที่ 4: - Londonderry/Lough Neagh/Armagh – สถานที่เที่ยว: ดูกำแพงเมือง ปืนใหญ่, St. Columb Cathedral, The Guildhall, Derry Peace Bridge, ชมแม่น้ำ Folye, Derryfree Musuem (Bloody Sunday), War Memorial tower, Lough Neagh
วันที่ 5: Armagh/Belfast – สถานที่เที่ยว: (Armagh) St. Patrick Cathedral, Demenes Castle (Old Mayor house), (Belfast) Titanic Pump house กับอู่ต่อเรือ Titanic
รีวิวแต่ละวัน
วันแรก
วันแรกเรามาถึง Belfast ราวๆ สิบโมงกว่า เพราะเครื่องบินดีเลย์ รับกระเป๋า กุญแจรถ ออกจากสนามบิน ก็ราวๆ เที่ยง เราจึงตัดสินใจไปกินข้าวกันก่อน แล้วจึงไปเดินชมเมืองตามสถานที่ท่องเที่ยวที่เราวางแผนไว้ ที่แรกที่เราไปเที่ยวเริ่มจาก ศาลาว่าการเมือง (city hall) ครับ
รูปนี้เป็นรูปถ่ายตอนกลางคืนครับ พอดีแวะกลับมาถ่าย แต่เป็นที่เดียวกัน เลยเอามาลงเปรียบเทียบให้ดู เผื่อใครเวลาจำกัด จะได้เลือกได้ ว่าอยากไปเวลาไหน
เมื่อไปถึง CITY HALL เข้าไปข้างใน เค้าจะมีทัวร์พาเดินดูอาคารด้านใน ซึ่งถ้าหากไม่ไปกับทัวร์จะไปไม่ได้ ทัวร์นี้จัดให้ร่วมได้ฟรี เพียงแค่ต้องไปตามรอบที่เค้าจัดไว้ให้ วันที่ผมไปมีสองรอบครับ บ่าย 2 กับบ่าย 3 รอบละประมาณ 45 นาที เวลาที่เดินชม ไกด์ก็จะบรรยายประวัติศาสตร์ของเมือง ซึ่งก็นับเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีครับ
บริเวณรอบนอก จะมีรูปปั้นเพื่อระลึกถึงเหตุการณ์ต่างๆ อยู่
รูปปั้นนี้ บังเอิญมีนกมาเกาะบนหัว แล้วไม่ยอมไปไหน เห็นว่าแปลกดี เลยถ่ายไว้ครับ ^^’
หลังจากนั้น เราก็ขับรถไปเที่ยวชมกันต่อที่ Titanic Exhibition Center ซึ่งจะอธิบายถึงประวัติศาสตร์อุตสาหกรรมต่อเรือของเมือง จนไปถึงเหตุการณ์เรือไททานิกจม ข้างในทำค่อนข้างดีครับ มีลูกเล่นเยอะ แล้วก็ได้ความรู้ด้วย
ชาวเมืองที่นี่อัธยาศัยดีกับนักท่องเที่ยวมากๆ นะครับเท่าที่ผมเจอมา เวลาผมเปิดแผนที่ดูกับเพื่อน มีคนท้องถิ่นเดินเข้ามาช่วยบอกเส้นทางเป็นปกติ ที่ประทับใจมาก มีครั้งนึงขับรถแล้วหลง ถามทางคนขับรถสวน เค้าถึงกับขับนำไปส่งเลยทีเดียว
จากนั้น เราก็เดินทางต่อไปที่ Albert Memorial Clock
แล้วก็เดินดูโบสถ์ในเมือง
ที่ทำการ BBC ที่นี่ครับ
แล้วเราก็เดินเที่ยวดูจิตรกรรมฝาผนังที่มีอยู่ทั่วตัวเมือง อันนี้เลือกรูปมาบางส่วนครับ
เท่านี้ ก็หมดหนึ่งวันใน Belfast ครับ เพราะแต่ละที่ที่เราไป เราถ่ายรูปค่อนข้างเยอะ เวลาจึงผ่านไปค่อนข้างเร็ว
วันที่สอง
ก่อนออกจาก Belfast เพื่อมุ่งขึ้นสู่ตอนเหนือของประเทศ เราก็ถือโอกาสเก็บ Belfast Castle ซึ่งเป็นที่เที่ยวระหว่างทางขึ้นไปตอนเหนืออยู่แล้ว ใครที่ไปถึง จะเห็นว่าข้างในมีรูปปั้นแมว พุ่มไม้แมว ถนนแมว ภาพวาดแมว เยอะมาก สงสัยเจ้าของจะต้องชอบแมวเป็นแน่แท้..
หลังจากนั้นเราก็แวะ The Dark Hedges ซึ่งเป็นหนึ่งในสถานที่ถ่ายซี่รี่ย์ Game of Thrones [เดี๋ยวจะหารูปมาลงอีกทีนะครับ แต่สามารถหารูปจาก google ได้เหมือนกันครับ ผมคิดว่า มองด้วยตา ไม่ได้อลังการอะไรนะครับ แต่ถ่ายรูปออกมา ถ้าได้จังหว่ะแสงดีๆ ก็ดูสวยดี]
แล้วเราก็ขับรถขึ้นไปถึงตอนเหนือของประเทศจนได้ โดยเราก็แวะตามทางไปเรื่อยๆ ตรงไหนสวย ก็หยุดจอด ถ่ายรูป ชื่นชมบรรยากาศครับ
แล้วเราก็ขับไปที่ Glenariff Forest Park ซึ่งเป็นสถานที่เที่ยวแห่งหนึ่งที่นักท่องเที่ยวไปตั้งแคมป์กัน แต่เราเข้าไปไม่ลึกมาก เอาให้พอพูดได้ว่าไปถึงแล้วเพราะยังมีที่ต้องไปอีกมาก
แล้ววันนี้ เราก็ไปจบกันที่ Giant Causeway ซึ่งเป็นสถานที่ที่เรามาดูพระอาทิตย์ตกกัน ที่นี่ได้รับการจัดตั้งเป็น World Heritage โดย UNESCO ในปี 1986 ครับ
วันที่สาม
หลังจากเมื่อวานเราดูพระอาทิตย์ตกที่ Giant Causeway เสร็จ เราก็มาพักที่เมือง Coleraine ซึ่งอยู่ระหว่างทางไปถึง Londonderry ผมตั้งใจเลือกที่พักที่เมืองนี้ เพราะมันอยู่ตรงกลางระหว่าง Londonderry กับที่เที่ยวละแวก Giant Causeway เผื่อกรณีที่เที่ยวเมื่อวานไม่หมด จะได้วกกลับไปเที่ยวได้ไม่ไกล แต่ถ้าเที่ยวเสร็จแล้วจะได้ตรงเข้า Londonderry ซึ่งอยู่ทางตะวันตกเฉียงเหนือของประเทศเลย
ผลปรากฎว่าเราเที่ยวตามที่ตั้งใจไว้เมื่อวานไม่หมดครับ เราเลยไปเก็บตกวันนี้ ที่แรกซึ่งเป็นไฮไลท์ของวันเลย ก็คือสะพาน Carrick-A-Rede Rope เป็นสะพานเชือกข้ามระหว่างภูเขาครับ ต้องเดินจากภูเขาต่อภูเขาไป ตามรูปเลยครับ
อันนี้ผมนั่งอยู่ตรงปลายหน้าผาของเกาะเลย มองลงไปสูงมากๆ ถ่ายรูปมามันไม่ค่อยเห็นว่าสูง บรรยากาศตรงหน้าผาก็โอเคเลยครับ ลมเย็น 55
จากนั้น ก็ขับกลับไปตามทางไป Londonderry จะเจอ Dunluce Castle
ขับไปตามทางก็จะผ่านโรงงานผลิตวิสกี้ที่ Old Bushmills Distillery อันนี้ต้องจ้างไกด์พาเข้าไป เค้าไม่ให้ถ่ายรูปนะครับ เลยถ่ายได้แค่ข้างหน้า ราคาไม่แพงมากนะครับ เราใช้บัตรนักเรียน เสียค่าเข้าคนละ 6 ปอนด์ครับ ตอนจบเค้าจะมีวิสกี้ให้เราชิมฟรีด้วย
แล้วเราก็จบวันนี้ด้วยการไปตามหา
โบสถ์ลึกลับที่เรียกว่า
Musenden Temple (โบสถ์ทรงกลม) ซึ่งอยู่ในทุ่งหญ้า Downhill Demenes แล้วข้างในมีซากปรักหักพังอื่นๆ ด้วยครับ
ข้างหลัง Musenden Temple เราพบชายหาดโดยไม่คาดคิด และเป็นชายหาดที่ใหญ่มากๆ เรียกว่าแทบจะมองหาปลายชาดหาดไม่ได้ จึงอลังการมากๆ ครับ อันนี้ประทับใจมาก เพราะเกินความคาดหมาย
พอดีตรงโบสถ์มี 3G ด้วย เพราะเค้าใช้ที่นี่เป็นสถานที่จัดงานแต่งงานด้วย ผมเลยถือโอกาส Facetime ให้พ่อแม่ที่อยู่ไทยเห็นด้วย เราเสียเวลาไปพอสมควร รู้ตัวอีกทีก็เย็นแล้ว เราจึงขับรถตรงไปที่พักที่เมือง Londonderry กันเลยครับ
วันที่สี่ (วันนี้เรียกได้ว่าเราขับรถมาเกินครึ่งนึงของประเทศแล้ว!!!)
ผมกับเพื่อนตื่นสายหน่อย เพราะค่อนข้างเหนื่อยสะสมจากเมื่อวาน เพราะเดินเยอะมาก แล้วเมือง Londonderry ค่อนข้างเล็ก มั่นใจว่าใช้เวลาเพียงครึ่งวันก็เดินได้หมด ซึ่งก็ทำได้จริงๆ เราไปกันหลายที่ในเมืองครับ เช่น เราเดินดูกำแพงเมืองเก่า ดูปืนใหญ่ซึ่งจะเห็นได้ทั่วไป เดินชมโบสถ์ St. Columb Cathedral เสา War Memorial tower เข้าไปดู Guildhall ซึ่งเปรียบเหมือนศาลาว่าการที่นี่ ข้ามสะพาน Derry Peace Bridge แล้วก็แวะชมแม่น้ำ Folye ซึ่งไหลตัดผ่านใจกลางเมือง และจบลงที่ Derryfree Musuem (Bloody Sunday)
กำแพงเมืองเก่าและปืนใหญ่
ชมโบสถ์ St. Columb Cathedral
![](https://f.ptcdn.info/891/023/000/1411822316-57resizeJP-o.jpg)
เดินผ่านเสา War Memorial tower
พื้นที่จะหมดแล้ว เดี๋ยวมาต่อของวันที่สี่อีกทีนะครับ
![อมยิ้ม01 อมยิ้ม01](https://ptcdn.info/emoticons/smiley/smiley01.png)
![อมยิ้ม01 อมยิ้ม01](https://ptcdn.info/emoticons/smiley/smiley01.png)
รีวิวเที่ยว Road trip Northern Ireland ดินแห่งการผจญภัย 5 วัน <ยาว+รูปเยอะหน่อยนะครับ>
เนื่องจากช่วงต้นเดือนที่ผ่านมา (8 – 13 กันยายน 2557) ผมมีโอกาสแบกเป้ ไปขับรถเที่ยวไอร์แลนด์เหนือกับเพื่อนสองคน เลยอยากมาแบ่งปันประสบการณ์ แล้วเก็บรูปจากการไปเที่ยวมาฝากครับ โดยส่วนมาก เวลาผมเที่ยวก็จะเที่ยวแบบลุยๆ หน่อย ล่าสุดได้ไปไอร์แลนด์เหนือกับเพื่อน ก็ตัดสินใจเช่ารถกันขับแล้วก็ขับไปกันค่อนประเทศเลยทีเดียว ผมเขียนรีวิวนี้ขึ้นมา ตั้งใจให้เป็นข้อมูลสำหรับคนที่อยากจะไปเที่ยวไอร์แลนด์เหนือหลายๆ คน อาจจะยาวหน่อยนะครับ ต้องอภัยด้วย แต่อยากให้ครบๆ เพราะอุตส่าไปมาตั้งหลายวัน T T
เนื่องจากว่าเราสองคนเป็นนักเรียนมาเรียนปริญญาโทที่ประเทศอังกฤษ จึงขึ้นเครื่องบินจากสนามบิน Gatwick ไปที่ International Belfast Airport ด้วยสายการบิน low cost ครับ โดยปรกติถ้าบินจากลอนดอนไปถึงเบสฟาสต์ ราคาตั๋วไป-กลับจะตกอยู่ประมาณ 70-110 ปอนด์ ขึ้นอยู่กับว่าจองช้าจองเร็วและบินรอบเวลาไหน
ตั๋วที่ผมจองกับเพื่อน ไปด้วย Easyjet กลับ Air Lingus เราจองผ่าน skyscanner.com ครับ ข้อมูลทั่วๆ ไปของไอร์แลนด์เหนือ คิดว่าทุกคนคงหาได้จากรีวิวอื่นนะครับ หลักๆ ก็คือ ตอนนี้ยังเป็นส่วนนึงของ UK, เข้าใจว่าไม่ต้องใช้วีซ่า (ประเทศไทยอยู่ในกลุ่มประเทศยกเว้น), ใช้เงินปอนด์, บริษัทให้เช่ารถส่วนมาก ยอมให้ผู้ขับรถอายุต่ำสุด 23 ปีแต่ต้องเสียเงินเพิ่ม ผมอายุ 25 ใช้ Budget car ไม่ต้องใช้ International Driving Licence ครับ
สรุปแพลนเที่ยวของผม Road trip plan – Northern Ireland (5 Days)
วันที่ 1: - Belfast – สถานที่เที่ยว: Belfast City Hall, Titanic Exhibition Center, หอนาฬิกา Albert Memorial Clock, ดูโบสถ์ต่างๆ , ที่ทำการ BBC, เดินเที่ยวดูจิตรกรรมฝาผนังที่มีอยู่ทั่วเมือง
วันที่ 2: - Belfast/Northern Part – สถานที่เที่ยว: Crescent Church, Belfast Castle (แวะระหว่างทาง), The Dark Hedge, Glenariff Forest Park, Ballintoy Harbour, Ballycastle, Cushendall, Water Foot, Giant's Causeway
วันที่ 3: Northern Part (เก็บตก) /Londonderry – สถานที่เที่ยว: Carrick-A-Rede Rope Bridge, Old Bushmills Distillery, Dunluce Castle, Downhill Demenes (Musenden Temple)
วันที่ 4: - Londonderry/Lough Neagh/Armagh – สถานที่เที่ยว: ดูกำแพงเมือง ปืนใหญ่, St. Columb Cathedral, The Guildhall, Derry Peace Bridge, ชมแม่น้ำ Folye, Derryfree Musuem (Bloody Sunday), War Memorial tower, Lough Neagh
วันที่ 5: Armagh/Belfast – สถานที่เที่ยว: (Armagh) St. Patrick Cathedral, Demenes Castle (Old Mayor house), (Belfast) Titanic Pump house กับอู่ต่อเรือ Titanic
รีวิวแต่ละวัน
วันแรก
วันแรกเรามาถึง Belfast ราวๆ สิบโมงกว่า เพราะเครื่องบินดีเลย์ รับกระเป๋า กุญแจรถ ออกจากสนามบิน ก็ราวๆ เที่ยง เราจึงตัดสินใจไปกินข้าวกันก่อน แล้วจึงไปเดินชมเมืองตามสถานที่ท่องเที่ยวที่เราวางแผนไว้ ที่แรกที่เราไปเที่ยวเริ่มจาก ศาลาว่าการเมือง (city hall) ครับ
รูปนี้เป็นรูปถ่ายตอนกลางคืนครับ พอดีแวะกลับมาถ่าย แต่เป็นที่เดียวกัน เลยเอามาลงเปรียบเทียบให้ดู เผื่อใครเวลาจำกัด จะได้เลือกได้ ว่าอยากไปเวลาไหน
เมื่อไปถึง CITY HALL เข้าไปข้างใน เค้าจะมีทัวร์พาเดินดูอาคารด้านใน ซึ่งถ้าหากไม่ไปกับทัวร์จะไปไม่ได้ ทัวร์นี้จัดให้ร่วมได้ฟรี เพียงแค่ต้องไปตามรอบที่เค้าจัดไว้ให้ วันที่ผมไปมีสองรอบครับ บ่าย 2 กับบ่าย 3 รอบละประมาณ 45 นาที เวลาที่เดินชม ไกด์ก็จะบรรยายประวัติศาสตร์ของเมือง ซึ่งก็นับเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีครับ
บริเวณรอบนอก จะมีรูปปั้นเพื่อระลึกถึงเหตุการณ์ต่างๆ อยู่
รูปปั้นนี้ บังเอิญมีนกมาเกาะบนหัว แล้วไม่ยอมไปไหน เห็นว่าแปลกดี เลยถ่ายไว้ครับ ^^’
หลังจากนั้น เราก็ขับรถไปเที่ยวชมกันต่อที่ Titanic Exhibition Center ซึ่งจะอธิบายถึงประวัติศาสตร์อุตสาหกรรมต่อเรือของเมือง จนไปถึงเหตุการณ์เรือไททานิกจม ข้างในทำค่อนข้างดีครับ มีลูกเล่นเยอะ แล้วก็ได้ความรู้ด้วย
ชาวเมืองที่นี่อัธยาศัยดีกับนักท่องเที่ยวมากๆ นะครับเท่าที่ผมเจอมา เวลาผมเปิดแผนที่ดูกับเพื่อน มีคนท้องถิ่นเดินเข้ามาช่วยบอกเส้นทางเป็นปกติ ที่ประทับใจมาก มีครั้งนึงขับรถแล้วหลง ถามทางคนขับรถสวน เค้าถึงกับขับนำไปส่งเลยทีเดียว
จากนั้น เราก็เดินทางต่อไปที่ Albert Memorial Clock
แล้วก็เดินดูโบสถ์ในเมือง
ที่ทำการ BBC ที่นี่ครับ
แล้วเราก็เดินเที่ยวดูจิตรกรรมฝาผนังที่มีอยู่ทั่วตัวเมือง อันนี้เลือกรูปมาบางส่วนครับ
เท่านี้ ก็หมดหนึ่งวันใน Belfast ครับ เพราะแต่ละที่ที่เราไป เราถ่ายรูปค่อนข้างเยอะ เวลาจึงผ่านไปค่อนข้างเร็ว
วันที่สอง
ก่อนออกจาก Belfast เพื่อมุ่งขึ้นสู่ตอนเหนือของประเทศ เราก็ถือโอกาสเก็บ Belfast Castle ซึ่งเป็นที่เที่ยวระหว่างทางขึ้นไปตอนเหนืออยู่แล้ว ใครที่ไปถึง จะเห็นว่าข้างในมีรูปปั้นแมว พุ่มไม้แมว ถนนแมว ภาพวาดแมว เยอะมาก สงสัยเจ้าของจะต้องชอบแมวเป็นแน่แท้..
หลังจากนั้นเราก็แวะ The Dark Hedges ซึ่งเป็นหนึ่งในสถานที่ถ่ายซี่รี่ย์ Game of Thrones [เดี๋ยวจะหารูปมาลงอีกทีนะครับ แต่สามารถหารูปจาก google ได้เหมือนกันครับ ผมคิดว่า มองด้วยตา ไม่ได้อลังการอะไรนะครับ แต่ถ่ายรูปออกมา ถ้าได้จังหว่ะแสงดีๆ ก็ดูสวยดี]
แล้วเราก็ขับรถขึ้นไปถึงตอนเหนือของประเทศจนได้ โดยเราก็แวะตามทางไปเรื่อยๆ ตรงไหนสวย ก็หยุดจอด ถ่ายรูป ชื่นชมบรรยากาศครับ
แล้วเราก็ขับไปที่ Glenariff Forest Park ซึ่งเป็นสถานที่เที่ยวแห่งหนึ่งที่นักท่องเที่ยวไปตั้งแคมป์กัน แต่เราเข้าไปไม่ลึกมาก เอาให้พอพูดได้ว่าไปถึงแล้วเพราะยังมีที่ต้องไปอีกมาก
แล้ววันนี้ เราก็ไปจบกันที่ Giant Causeway ซึ่งเป็นสถานที่ที่เรามาดูพระอาทิตย์ตกกัน ที่นี่ได้รับการจัดตั้งเป็น World Heritage โดย UNESCO ในปี 1986 ครับ
วันที่สาม
หลังจากเมื่อวานเราดูพระอาทิตย์ตกที่ Giant Causeway เสร็จ เราก็มาพักที่เมือง Coleraine ซึ่งอยู่ระหว่างทางไปถึง Londonderry ผมตั้งใจเลือกที่พักที่เมืองนี้ เพราะมันอยู่ตรงกลางระหว่าง Londonderry กับที่เที่ยวละแวก Giant Causeway เผื่อกรณีที่เที่ยวเมื่อวานไม่หมด จะได้วกกลับไปเที่ยวได้ไม่ไกล แต่ถ้าเที่ยวเสร็จแล้วจะได้ตรงเข้า Londonderry ซึ่งอยู่ทางตะวันตกเฉียงเหนือของประเทศเลย
ผลปรากฎว่าเราเที่ยวตามที่ตั้งใจไว้เมื่อวานไม่หมดครับ เราเลยไปเก็บตกวันนี้ ที่แรกซึ่งเป็นไฮไลท์ของวันเลย ก็คือสะพาน Carrick-A-Rede Rope เป็นสะพานเชือกข้ามระหว่างภูเขาครับ ต้องเดินจากภูเขาต่อภูเขาไป ตามรูปเลยครับ
อันนี้ผมนั่งอยู่ตรงปลายหน้าผาของเกาะเลย มองลงไปสูงมากๆ ถ่ายรูปมามันไม่ค่อยเห็นว่าสูง บรรยากาศตรงหน้าผาก็โอเคเลยครับ ลมเย็น 55
จากนั้น ก็ขับกลับไปตามทางไป Londonderry จะเจอ Dunluce Castle
ขับไปตามทางก็จะผ่านโรงงานผลิตวิสกี้ที่ Old Bushmills Distillery อันนี้ต้องจ้างไกด์พาเข้าไป เค้าไม่ให้ถ่ายรูปนะครับ เลยถ่ายได้แค่ข้างหน้า ราคาไม่แพงมากนะครับ เราใช้บัตรนักเรียน เสียค่าเข้าคนละ 6 ปอนด์ครับ ตอนจบเค้าจะมีวิสกี้ให้เราชิมฟรีด้วย
แล้วเราก็จบวันนี้ด้วยการไปตามหาโบสถ์ลึกลับที่เรียกว่า Musenden Temple (โบสถ์ทรงกลม) ซึ่งอยู่ในทุ่งหญ้า Downhill Demenes แล้วข้างในมีซากปรักหักพังอื่นๆ ด้วยครับ
ข้างหลัง Musenden Temple เราพบชายหาดโดยไม่คาดคิด และเป็นชายหาดที่ใหญ่มากๆ เรียกว่าแทบจะมองหาปลายชาดหาดไม่ได้ จึงอลังการมากๆ ครับ อันนี้ประทับใจมาก เพราะเกินความคาดหมาย
พอดีตรงโบสถ์มี 3G ด้วย เพราะเค้าใช้ที่นี่เป็นสถานที่จัดงานแต่งงานด้วย ผมเลยถือโอกาส Facetime ให้พ่อแม่ที่อยู่ไทยเห็นด้วย เราเสียเวลาไปพอสมควร รู้ตัวอีกทีก็เย็นแล้ว เราจึงขับรถตรงไปที่พักที่เมือง Londonderry กันเลยครับ
วันที่สี่ (วันนี้เรียกได้ว่าเราขับรถมาเกินครึ่งนึงของประเทศแล้ว!!!)
ผมกับเพื่อนตื่นสายหน่อย เพราะค่อนข้างเหนื่อยสะสมจากเมื่อวาน เพราะเดินเยอะมาก แล้วเมือง Londonderry ค่อนข้างเล็ก มั่นใจว่าใช้เวลาเพียงครึ่งวันก็เดินได้หมด ซึ่งก็ทำได้จริงๆ เราไปกันหลายที่ในเมืองครับ เช่น เราเดินดูกำแพงเมืองเก่า ดูปืนใหญ่ซึ่งจะเห็นได้ทั่วไป เดินชมโบสถ์ St. Columb Cathedral เสา War Memorial tower เข้าไปดู Guildhall ซึ่งเปรียบเหมือนศาลาว่าการที่นี่ ข้ามสะพาน Derry Peace Bridge แล้วก็แวะชมแม่น้ำ Folye ซึ่งไหลตัดผ่านใจกลางเมือง และจบลงที่ Derryfree Musuem (Bloody Sunday)
กำแพงเมืองเก่าและปืนใหญ่
ชมโบสถ์ St. Columb Cathedral
เดินผ่านเสา War Memorial tower
พื้นที่จะหมดแล้ว เดี๋ยวมาต่อของวันที่สี่อีกทีนะครับ