คนเราถ่าย Pre Wedding กันไปทำไมครับ

กระทู้คำถาม
คนเราถ่าย Pre Wedding กันไปทำไมครับ
เราถ่ายรูปเพื่อจดจำเหตุการณ์ หรือ สถานที่ที่เราไปมา ไม่ใช่หรือครับ
เช่น เราไปเที่ยวที่นี้ เราก็ถ่ายรูปมา เรามีงานบวช งานแต่ง งานศพ เราก็ถ่ายรูปเก็บไว้
หรือ ถ่ายรูปเพื่องานต่างๆ เช่น ถ่ายแบบ ถ่ายโปรโมทสินค้า ถ่ายรูปสมัครงาน

แต่...... Pre Wedding เราถ่ายกันไปทำไมครับ ?
ตั้งแต่เสื้อผ้าต้องสวยดูดีทุกอย่าง มีไม่รู้กี่ชุด
มีการจัดฉาก จัดท่าทางต่างๆนานาเพื่อถ่ายออกมาให้ดูดี
และไปถ่ายในสถานที่ที่เราไม่ได้ไป คือไปเพื่อตั้งใจจะถ่ายรูปเท่านั้น ไม่ได้มีการจดจำต่อสถานที่นั้นเลย แต่เป็นการเจาะจงไปหาที่วิวสวยๆ ทะเล ป่า เขา สวนสาธารณะ หรือแม้แต่ตามสถานที่ที่ทำขึ้นเพื่อถ่าย Pre Wedding เท่านั้น

เราจะถ่ายรูปเพื่อสิ่งที่สร้างขึ้น เพื่อสิ่งที่จัดฉากขึ้น ควรแค่แก่การจดจำหรอครับ
หรือเราถ่ายเพราะเค้าถ่ายกันทุกคน เราก็เลยต้องถ่าย
เคยถามตัวเองไหมครับ ??

------------ edit เพิ่มเติม --------------

คือบางคนยังเข้าใจประเด็นผมผิด

ผมสงสัยว่าทําไมไม่ใช้รูปคู่ที่ไปเที่ยว รูปคู่ที่ผ่านมาในอดีต ผ่านเหตุการณ์ต่างๆร่วมกัน รูปที่เกิดขึ้นจริงๆ รูปที่ประทับใจ มาโชว์ในงาน มาใช้ติดฝาบ้าน มาลงอัลบั้ม มาดูกันตอนแก่ มาให้ลูกดู ต่างๆนานา ที่ตอบกันมา หรือ แม้แต่ใช้รูปในงานแต่งงาน จริงๆ โมเม้นต์นั้นจริงๆ มาเก็บไว้ดู มาติดฝาบ้านแทน

แต่ ..... กลับใช้รูป pre wedding ซึ่งเป็น รูปประดิษฐ์ เหตุการณ์ประดิษฐ์ แต่งหน้าประดิษฐ์ ทั้งสิ้น ????

ส่วนคนที่ตอบว่า อยากถ่าย, เรื่องของเค้า, ไม่อยากถ่ายก็ไม่ต้องถาม.... ผมว่าเลิกตอบแบบนี้เถอะครับ เราเอาข้อมูล เอาเหตุผล มาแชร์กัน แบ่งปันกัน นี่คือสังคมแห่งการแบ่งปันครับ ไม่ใช่ตัวใครตัวมัน ใครอยากทําอะไรก็ทํา ผมถามเพื่อให้เกิดการแชร์ คิดต่างกันได้ครับ เอาข้อมูลมาแชร์กันครับ .....

------------ edit เพิ่มเติม ครั้งที่ 2 --------------

ผมอยากจะรบกวนแยกประเด็นให้ชัดนะครับ บางคนสับสน ผมหมายถึงการถ่ายภาพ Pre Wedding ที่เป็นคำถามให้แขร์กันว่าถ่ายกันไปทำไม
ไม่ใช่ถามถึงภาพถ่ายในงานแต่งงาน งานหมั้น งานสู่ขอ งานที่เกี่ยวกับพิธีเพื่อการสมรสต่างๆ พวกนั้นคือภาพที่เป็นความทรงจำ ภาพเหตุการณ์สำคัญครั้งนึงในชีวิต เพื่อเก็บไว้ ให้ลูกหลานดู เพื่อไว้ดูตอนแก่ แน่นอนอยู่แล้วครับ

แต่.....การถ่ายภาพ Pre Wedding มันพึ่งจะมีนิยมกันช่วงหลัง ผมถึงถามไงครับ ว่าเป็น รูปประดิษฐ์ เหตุการณ์ประดิษฐ์ แต่งหน้าประดิษฐ์ ควรค่าแก่การจดจำหรอครับ กับรูปแบบนี้ ครับ.....

ผมก็ว่าไม่มีถูก มีผิดครับ เท่าที่ดูความเห็นก็มี 2 ฝ่าย เป้าหมายจริงๆของกระทู้นี้ ก็เพื่อให้แต่ละฝ่ายมาอ่านความเห็นของอีกฝ่ายกันครับ
คิดต่างกันได้ครับ แต่มาแชร์ข้อมูลแบ่งปันกันครับ เพื่อเป็นประโยชน์ให้กับคนที่กำลังจะแต่งงานตัดสินใจครับ

อย่าง คห 83 ส่วนตัวผมคิดว่าเป็นการแนะนำที่ดีมากเลยครับ อาจจะเป็นประโยชน์กับคนที่กำลังจะแต่งงานได้ครับ เพราะการแต่งงานส่วนใหญ่ก็มีครั้งเดียวในชีวิต ความเห็นส่วนตัวผมขอแชร์อย่างงี้ครับ อย่าไปมัวทุ่มเทกับการถ่าย Pre Wedding แต่ทุ่มเทให้กับ งานหมั้น งานสู่ขอ งานแต่งงานโมเม้นต์นั้นจริงๆดีกว่าครับ พอเวลาผ่านไปเราจะมีความสุขกับรูปพวกนี้ มากกว่ารูปประดิษฐ์อย่าง Pre Wedding ครับ ส่วนท่านอื่นมีความเห็นอย่างไรก็แชร์กันได้ครับ

----------- edit เพิ่มเติมครั้งที่ 3 -----------

อยากบอกทุกความเห็นที่แชร์มาว่า ผม จขกท อ่านทุกอันนะครับ ขอบคุณมากสําหรับความคิดต่าง เราจะได้มีมุมมองหลายหลายครับ

ส่วนตัวตอนแรกผมไม่ได้มองมุมธุรกิจเลย พึ่งจะมาเห็น คห 124 แล้วรู้สึกสะดุด น่าเก็บไปคิดมาก เลยขออนุญาติยกมาไว้ตรงนี้นะครับ

----------------- คห 124 -----------------
ถ้าเราตอบนะ "มันคือธุรกิจ และเป็นการลอกเลียนแบบ" = Supply creates its own demand.

ย้อนไปไม่กี่สิบปี ไม่มีการถ่ายเว็ดดิ้ง ในงานก็ไม่ต้องประดับรูป
จ้างช่างถ่ายรูปมาเฉพาะถ่ายรูปในงานเท่านั้น เพื่อเก็บบรรยากาศงานและภาพประทับใจ

แต่พอมีคนบอกว่า "มันต้องมี" เท่านั้นล่ะ
กลายเป็นคอร์สบังคับว่าเจ้าบ่าวเจ้าสาวทุกคนต้องถ่ายเว็ดดิ้ง โดนฟันหัวโปกโชกเลือดแค่ไหนก็ต้องถ่าย เพื่อคำว่า "ครั้งหนึ่งในชีวิต"
...สุดท้ายก็เอาไว้ห้องเก็บของ เพราะรูปมันดูไม่เป็นธรรมชาติ แถมขนาดใหญ่เวอร์อีกต่างหาก

ความทรงจำที่ดีน่ะสร้างได้ตลอดเวลา ทุกๆ moment ของการอยู่ด้วยกันกับคนที่เรารักเป็นช่วงเวลาที่ดีเสมอ
แม้ไม่มีรูปถ่ายก็ตาม เพราะมันประทับในความทรงจำของเรา


ปล.
1. เราแต่งงานแล้ว เราก็ถ่ายเว็ดดิ้งนะ ตอนแรกๆ ก็ตื่นเต้นนะเพราะมันแปลกใหม่ แต่หลังจากนั้นก็ไม่ได้รู้สึกอะไรขนาดนั้นอีกแล้ว รู้สึกว่าเปลืองตังค์
2. ทำไมหลายๆ คนต้องมาเหน็บแนมคนถามด้วย คำถามนี้เป็นคำถามที่ดีนะ
มันทำให้เราคิดว่าสิ่งที่เราทำนั้นมันเกิดจากความต้องการของเราจริงๆ หรือเปล่า หรือเป็นเพราะทำตามสังคมไปเรื่อยๆ
แก้ไขข้อความเมื่อ
คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 83
ประสบการณ์ตรงที่เพิ่งแต่งงานมาเมื่อต้นปี
ทำให้วันนี้เราอยากแนะนำเพื่อนๆ ที่กำลังจะแต่งงานว่า

"งบประมาณพรีเวดดิ้ง เอามาเพิ่มงบช่างภาพและวีดีโอแบบมืออาชึพในวันงานกันเถอะค่ะ"

ไม่ต้องกลัวนะคะ ว่าวันแต่งงานของเราจะไม่มีรูปคู่สวยๆ เพราะกลัวยุ่ง ว้าวุ่น หน้ามัน คนเยอะแยะ ฯลฯ
หากช่างภาพเป็นช่างภาพมืออาชีพ คุณจะมีรูปคู่สวยๆ ในบรรยากาศงานแต่งของคุณเอง
ที่พอกลับมาดูรูปทีไร .. ก็ยังคิดถึงบรรยากาศเหล่านั้นได้เป็นอย่างดี

ตัวเราเอง ก่อนแต่งงานก็อยากจะถ่ายพรีเวดดิ้งนะคะ  ว้าวุ่นหาสถานที่และ Studio อยู่นาน
เลือกนั่นเลือกนี่ ตัดนั่นโน่นนี่ ....  บลาๆๆ ว้าวุ่นมาก นอนไม่หลับอยู่เป็นเดือน
สรุปเป็นว่า ให้พี่ที่รู้จักกันเค้าชอบถ่ายภาพและเราเคยเห็นผลงานเค้าอยู่ มาถ่ายภาพวันที่ผู้ใหญ่มาเจรจาสู่ขอให้
เราได้ภาพบรรยากาศบ้านๆ ที่บ้านของเราเอง เราสองคนแต่งตัวสบายๆ (น่ารักกว่าวันปกตินิดหน่อย)
หลังจากเสร็จพิธีต่างๆ เราไปเดินเล่นถ่ายภาพในสวนกันด้วยชุดวันนั้น
และเราก็ใช้ภาพที่ได้มา มาเป็นภาพหน้างานแต่งของเรา
เราเสียเงินค่าล้างรูปและทำกรอบหน้างาน 1,400 บาท
(ค่าช่างภาพพี่เค้าไม่คิด ^__^ ใจดีสุดๆ)

วันงานแต่ง เราจ้างช่างภาพ และวีดีโอมืออาชีพที่เราถูกใจผลงานเค้าสุดๆ มาถ่ายภาพให้เรา
เสียเงิน  25,000 สำหรับการนี้โดยเฉพาะ
(ไม่รู้ว่ามากไปหรือน้อยไปสำหรับคู่อื่นหรือไม่ แต่สำหรับเรา เราว่าเราเต็มที่แล้ว)

หลังงานแต่ง... เราเอารูปภาพที่ได้จากวันแต่งงานไปล้าง
เราหมดค่าล้างรูปและซื้ออัลบั้มใหม่ประมาณ 6-7พันบาท

เราบอกเลยว่า... เรากับแฟนมีความสุขมาก กับสิ่งที่เราเลือก
เราหยิบรูปมาดูเล่นได้บ่อยๆ เราหิ้วอัลบั้มไปให้เพื่อนและญาติดูได้อย่างทั่วถึง

ภาพถ่ายแต่ละภาพจากช่างภาพฝีมือดี มันทำให้เรามีความสุข
เค้าสามารถเก็บบรรยากาศแห่งความอบอุ่นในงานวันแต่งงานของเราได้เป็นอย่างดี
ไม่ผิดหวังเลยที่ตัดสินใจเลือก Studio นี้มาบันทึกความทรงจำให้เรา
เรา 2 คน ไม่มีจำเป็นต้องถ่ายภาพคู่กันเลย เพราะเรา 2 คนอยู่ด้วยกันตลอดทั้งงานอยู่แล้ว
เราไม่ได้ยืนจับมือกัน สบตากันให้ช่างภาพถ่ายภาพให้สักภาพ
ภาพคู่ทั้งหมดที่เรามี เป็นภาพในบรรยากาศ ตอนหมั้น ตอนรดน้ำ ตอนมอบช่อดอกไม้ ตอนขอบคุณแขกบนเวที
ทุกอย่างมันงดงามในความทรงจำ ในวันสำคัญของเราทั้งคู่อยู่แล้วค่ะ

ลองคิดดีๆ ค่ะ เราเป็นแค่ 1 ประสบการณ์ ที่อยากแชร์ให้ทุกคนได้ลองตัดสินใจ
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 36
ไม่รู้ว่าถ่ายทำไม เพราะอิฉันก็ไม่ถ่าย ไม่ชอบ เห็นแล้วตลก
แต่คนอื่นชอบก็เรื่องของเค้า

รูปตั้งหน้างานเลี้ยงอิฉันยังเป็นรูปการ์ตูน ไว้ให้แขกเขียนอวยพรเลย
ความคิดเห็นที่ 92
ในความเห็นเราจขกท.เค้าไม่ได้ถามแบบ "ถ่ายทำไมวะ ไร้สาระ" หรือเหน็บด่าอะไรใครรุนแรง เราว่าบางคนตอบจขกท.ออกแนวประชดประชันจังเลย เหมือนโดนจี้จุดแทงใจดำอย่างไงอย่างงั้น ทำไมปรี๊ดแตกง่ายกันจัง.. - -" แบบนี้ใครตั้งคำถามอะไรก็ไม่ได้สินะคะ เราว่าจขกท.ก็แค่อยากรู้แหละ และบอก
เราเองก็เข้าใจนะคะว่าตัวเองอยากถ่าย หรือเคยถ่ายมาก่อนหรือว่าอะไร เราเองก็ชอบภาพถ่ายสวยๆสตูดิโอ ไม่จำเป็นต้องเป็นพรีเวดดิ้งก็ชอบดู ชอบภาพสวยๆ ภาพถ่ายความทรงจำก็ชอบ และนั่นก็คือคำตอบของเราให้จขกท.ค่ะ คือความชอบหรืออะไรก็ว่าไป

ไม่เห็นต้องมาเหน็บเลย - - คนเค้าตั้งคำถาม คุณมีเหตุผลของคุณก็ให้คำตอบเค้าไปก็พอสิ เล่นเหน็บกันประชดประชันกันมันกลายเป็นดูไม่มีเหตุผลเข้าไปใหญ่

เหมือนเด็กถามคนว่าใส่เสื้อชูชีพกันทำไมแล้วคุณไปตอบว่า "ก็ไม่อยากตายไง ใครอยากตายก็ไม่ต้องใส่" แทนที่จะอธิบายเหตุผลที่คนใช้เสื้อชูชีพกันแบบดีๆ

บางทีเราก็ไม่กล้าตั้งคำถามบนพันทิปนะคะ บางคนตอบดีๆไม่เป็น ชอบเหน็บ ชอบด่า ทั้งๆที่เรื่องบางเรื่องมันเป็นคำถามง่ายๆเรียบๆที่จขกท.อยากได้คำตอบก็แค่นั้นเอง ถามนิดเดียวตอบแบบอ่านอารมณ์ได้ชัดเลยว่าเดือด....
ความคิดเห็นที่ 6
แสดงว่าคุณยังไม่ได้แต่งงาน

การถ่ายรูป เป็นการเก็บภาพเพื่อเตือนความทรงจำ เก็บรูปสวยๆเอาไว้ ดูว่าอดีตที่ผ่านมาเป็นยังไง
คนเราจะแต่งงานกันกี่ครั้งครับในชีวิต บางครั้งมันก็อยากมีรูปคู่สวยๆ ใส่ชุดแต่งงาน ใส่ชุดไทย เก็บเอาไว้ดู
ในงานแต่งงานจริงๆ จะมีสักกี่รูปกัน ที่จะมีรูปแค่คู่บ่าวสาว ถ่ายรูปอยู่ในชุดแต่งงาน มองจ้องตาก้น กอดกัน หนุนตักกัน
พอแต่งงานเสร็จ เมื่อเวลาผ่านไปหลายๆปี  คุณกลับมาได้ดูรูปเหล่านั้นอีกครั้ง ผมรับรองว่าคุณจะเสียดายว่า เราน่าจะถ่ายรูปไว้เยอะๆเนอะ

ช่วงเวลาแบบนี้มันมีแค่แป๊ปเดียวครับ แต่งงานเสร็จ พอมีลูกเข้า ชีวิตคุณจะเปลี่ยนไปอีกแบบนึงเลย
ความคิดเห็นที่ 5
อยากถ่ายค่ะ จบไหม?

เห็นคนมาว่าคำตอบนี้เยอะ ต่อ 5-20 นะค่ะ แต่สำหรับ original comment เราไม่ขอแก้ไขค่ะ  
ความคิดเห็นที่ 9
เราเป็นคนไม่ชอบถ่ายรูปมากๆๆ ถ่ายที่ไร แข็ง เกร็งทุกที
แฟนก็ไม่ชอบถ่ายรูป จึงไม่ค่อยมีรูปคู่กับแฟน แทบไม่มีเลย

พอจะแต่งงาน  อยากมีรูปสวยๆบ้าง (แม้จะไม่ชอบถ่ายรูปก็ตาม)
จึงตัดสินใจถ่าย พรีเวดดิ้ง  

ก็โอเคนะ ชอบ ครั้งเดียวในชีวิต ตอนถ่ายก็มีความทรงจำที่ดีอีกแบบนึง ก็แฮปปี้ดีอ่ะ

จะถ่ายพรี หรือ ไม่ถ่ายพรี มันไม่ได้มีผลอะไรมากหรอก แล้วแต่ความชอบของคู่ใครคู่มัน
ความคิดเห็นจาก Expert Account
ความคิดเห็นที่ 287
ขอตอบในฐานะเป็นช่างภาพแต่งงานมืออาชีพ และผ่านการแต่งงานมาแล้วด้วยนะครับ

1. งานแต่งงานผมเองก็ถ่ายรูปพรีเวดดิ้งไว้ แต่ก็ถ่ายแบบให้เพื่อนกับน้องในทีมถ่ายให้
คือถ่ายแบบไม่ได้จริงจังมาก ถ่ายแบบพอมีรูปมาวางประดับไว้หน้างาน ตามที่วาง display เอาไว้
ประกอบเพื่อนๆก็อยากถ่ายให้ด้วย แบบคุยกันไว้หลายปีแล้ว ก็สนุกดีครับ รูปทุกวันนี้ก็เอาใส่กรอบวางไว้ในห้องนอนรูปนึง
แล้วรูป avatar ในเฟสบุ้คผมก็เป็นรูปที่ถ่ายตอนพรีเวดดิ้งครับ ส่วนรูปปกเป็นรูปวันแต่งงานจริง

2. ในฐานะช่างภาพแต่งงานมืออาชีพ บอกตรงๆว่าสำหรับรูป pre wedding บางคู่ก็ควรถ่ายเก็บไว้ บางคู่ก็ไม่ควรถ่ายเก็บไว้
หลักๆเราควรกำหนดความต้องการของตัวเองก่อนว่าถ่ายไปเพื่ออะไร ถ่ายเพื่ออยากมีรูปใส่ชุดแต่งงานสวยๆเก็บไว้
ถ่ายเพื่อเอาประดับตกแต่งหน้างาน หรือถ่ายเพราะเห็นว่าใครๆก็ถ่ายกัน

3. สำหรับการถ่ายเพราะอยากใส่รูปชุดแต่งงานแล้วมีรูปสวยๆเก็บไว้ อันนี้ผมค่อนข้างเห็นด้วย
เพราะในงานแต่งงานจริงบางครั้ง สถานที่จัดงานไม่มีมุมภาพให้ถ่ายรูปคู่สวยๆเก็บไว้
บางคู่ไปจัดในสโมสรเล็กๆ ในสนามบอล หรือในงานแขกมหาศาลเป็นพันๆ ปัจจัยหลายอย่างเหล่านี้
ล้วนมีผลทำให้กลายเป็นว่าพอถึงวันงานแล้ว ไม่มีโอกาสได้ถ่ายรูปคู่เก็บไว้เลย
ถ้าคุณคิดว่ามีโอกาสเจอเหตุการณ์เหล่านี้ แล้วอยากบันทึกความทรงจำผ่านรูปถ่ายสวยๆ
การถ่ายรูปพรีเวดดิ้งเป็นสิ่งที่คุณควรถ่ายเก็บไว้ครับ

4. ถ่ายเพื่อเอารูปไปประดับตกแต่งหน้างาน ในกรณีนี้คุณต้องดูสถานที่จัดงานคุณให้ดีว่า
มีส่วนที่เอาไว้ตกแต่งรูปพรีเวดดิ้งหรือไม่ ในหลายต่อหลายงาน โดยเฉพาะที่จัดตามเรือนไทยต่างๆ
ไม่ค่อยจะมีส่วนที่จัดไว้สำหรับโชว์รูปเท่าไหร่ ผมเคยเจอขนาดที่ว่า ถ่ายรูปพรีเวดดิ้งไปแล้ว
พอถึงวันงานปรากฏว่าเป็นการจัดงานแบบเช้าต่อบ่ายที่เรือนไทยแห่งหนึ่ง
ซึ่งผมไปที่นี่ก็ไม่เห็นเค้าเคยมีพื้นที่โชว์รูปสวยๆอยู่แล้ว กลายเป็นว่าถ่ายรูปพรีเวดดิ้งมาแต่ไม่ได้ใช้ก็มี

หรือถ้าไปจัดที่โรงแรมก็ดูหน้าห้องจัดงานสักหน่อยว่ามีพื้นที่ให้โชว์รูปของคุณได้ประมาณไหน
บางแห่งส่วนพื้นที่หน้างานแคบ มีวางได้แค่โต๊ะลงทะเบียน ส่วนอื่นก็แทบเต็มแล้ว
อัลบั้มภาพจะเอาไปวางที่ไหนยังหาแทบไม่ได้ ถ้าในกรณีนี้ก็ควรไตร่ตรองสักหน่อยว่า
เราควรหมดงบประมาณถ่ายรูปพรีเวดดิ้งได้เท่าไหร่

5. แต่ถ้าพื้นที่จัดงานของคุณใหญ่กว้างขวาง หน้างานมีพื้นที่ให้ตกแต่งได้มากมาย
และคุณเป็นคนที่ชอบถ่ายรูป คุณจัดเต็มไปได้เลยกับการถ่ายพรีเวดดิ้งให้จุใจ

6. การใช้รูปพรีเวดดิ้งตกแต่งหน้างาน ใช้เป็นรูปใหญ่หลายๆรูป(ไซส์ 20*30นิ้วขึ้นไป จนถึงความสูง 1.20เมตร ด้านกว้างไม่จำกัด)
ดึงดูดสายตาแขก และดูสวยงามมากกว่าการวางรูปใหญ่เพียงรูปเดียวและที่เหลือนำไปห้อยไว้ตามต้นไม้ตกแต่ง
การตกแต่งแบบนี้นอกจากแขกมองไม่ค่อยเห็น ต้องไปยืนเพ่งดูแล้ว ยังไม่คุ้มกับการที่ต้องไปเหนื่อยถ่ายมาอีก

7. งบประมาณถ่ายรูปพรีเวดดิ้งควรจำกัดเป็นส่วนหนึ่งในงบประมาณการแต่งงานทั้งหมด และต้องไม่มากเกินไป
ก่อนจะตัดสินใจเลือกซื้อแพคเกจใดก็ตาม ให้แน่ใจว่างบจะไม่บานปลาย จะไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายเพื่อเลือกซื้อรูปทีหลัง

8. จนถึงที่สุดงบประมาณเกี่ยวกับการถ่ายรูปพรีเวดดิ้ง ไม่ควรจะแพงกว่างบที่ใช้ในการจ้างช่างภาพ+วิดีโอ ในวันแต่งงานจริง

9. ถ้าถ่ายรูปพรีเวดดิ้งมารอบนึงแล้วไม่สวยหรือไม่ถูกใจ ไม่ต้องถ่ายใหม่อีก รูปพรีเวดดิ้งไม่ได้สำคัญอะไรขนาดนั้น
และไม่ใช่เรื่องที่คุณต้องเสียงบประมาณไปถึงสองรอบเพื่อถ่ายรูปพรีเวดดิ้งอย่างเดียว

10. อย่างตัวผมเองถ่ายรูปมานานพอที่เห็นหลายสิ่งหลายอย่าง สำหรับบางงานการถ่ายรูปพรีเวดดิ้ง
นับเป็นประสบการณ์ดีๆทั้งสำหรับตัวผมเองและคู่ว่าที่บ่าวสาว เช่นตามกระทู้นี้ที่เคยตั้งเอาไว้
http://ppantip.com/topic/31080542
หรือการไปถ่ายรูปพรีเวดดิ้งในบางแห่ง เช่นที่นี่ที่ดาราไปจัดงานกันหลายคู่
การที่เราได้ไปถ่ายด้วยเหมือนกัน บางทีก็สร้างความทรงจำที่ดี
http://www.weddinginlove.com/promote-2221-7072.html

11. ข้อสุดท้าย ถ้างบประมาณแต่งงานบานปลาย แล้วต้องตรวจสอบดูว่า
สามารถตัดอะไรบางอย่างไปได้บ้าง ให้เริ่มที่ตัดงบสำหรับการถ่าย Pre Wedding เป็นอย่างแรก

ขอบคุณครับ

เบิร์ด BirdEyeView
www.birdeyeview-photo.com

ปล. ผมว่าหลายคนก็คงอยากมีรูปโม้เมนต์โรแมนติกแบบนี้ เก็บไว้ดูชั่วลูกชั่วหลาน กันบ้างละน่า

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่