เป็นเลสเบี้ยน แต่พ่อกับแม่ไม่รู้ เรา ..

กระทู้คำถาม
คือเราเป็นครอบครัวคนจีน เป็นลูกคนสุดท้อง (ลูกคนสุดท้องไม่ได้ถูกตามใจมากที่สุด แต่ความหวังที่พี่ๆทำไม่ได้ จะตกมาถึงเรา เช่น พ่ออยากให้รับราชการเพราะมันมั่นคง พี่ชายกับพี่สาวเราทำไม่ได้ พ่อก็เลยบังคับว่าเราต้องเรียนสายนี้ เพื่อที่จะไปเป็นอย่างนี้ พี่ชายและพี่สาวเรียนม.ธรรมศาสตร์กับม.ศิลปากร พ่อก็บอกว่าเราต้องเข้าจุฬาเท่านั้น) พ่อกับแม่แล้วก็ญาติๆจะกดดันเรื่องเกี่ยวกับการเรียน และมักจะวางแผนอนาคตไว้ให้ทุกอย่าง เราก็อายุ 18+แล้วนะ แต่พ่อก็ยังห้ามให้มีแฟน แม่ก็ห้าม ทุกคนห้าม จนบางทีมันก็อึดอัดอ่ะ ถ่ายรูปกับเพื่อผช.ในห้อง พ่อกับแม่ก็จะจับผิด และกักบริเวณหล้ะ ประมาณแบบสี่โมงเย็นเลิกเรียนแล้วกลับบ้านเลย ห้ามช้า เพราะเขาคิดว่าถ้าเราช้าแม้แต่นิดเดียว เราอาจจะไปแอบนัดพบผช. ไปหอผช. ทั้งๆที่เราไม่ได้ทำอะไรยังนั้นเลยสักนิด คือเข้าใจนะว่าเป็นห่วงเรา แต่บางทีเราก็ต้องเข้าสังคม ไปไหนกับเพื่อนบ้าง ..

ด้วยความที่ถูกกดดันจากพ่อกับแม่ เราเลยไม่ค่อยได้อยู่กับเพื่อนผช. ส่วนใหญ่จะอยู่กับเพื่อนผญ. หรือรุ่นน้องผญ. แล้ววันนึง ก็เป็นวันรับน้อง มีรุ่นน้องผญ.คนนึงน่ารักมาก ตัวขาว ตาตี๋ (ปกติไม่ชอบคนตาตี๋นะ - เราเป็นจีนที่ไม่ตาตี๋) เราก็แบบเข้าไปตีสนิทเพราะคิดว่าลูกคนจีนด้วยกัน คงจะมีอะไรๆเหมือนกัน ก็คุยกันมาเรื่อยๆ จนน้องเขาเริ่มเรียกเราแปลกๆ ประมาณ ' ตัว - เค้า ' อย่างเนี้ยยย . เราก็สงสัย เลยไปถามจากเพื่อนในกลุ่ม สืบไปสืบมาก็รู้ว่าเพื่อนสนิทน้องเขามีแฟนเป็นผญ. ก็คือเป็นเลสเบี้ยน เราก็แบบ ... อ้าว เอาไงดี - -' ก็เลยคุยต่อไปเรื่อยๆ เราก็รู้แหละว่าน้องเขาชอบเรา แต่เราไม่รู้จริงๆว่าเราชอบน้องเขาหรือเปล่า .. จนกระทั่งมีผช.เดินมาขอเบอร์น้องเขาในขณะที่น้องเดินกลับหอกับเรา เราเลยจับมือน้องแล้วก็บอกผช.คนนั้นไปว่า ' ขอโทษนะ นี่แฟนเรา แฟนเรา เรารัก เราหวง ' ผช.คนนั้นก็เดินหน้าเสียออกไป ในขณะเดียวกัน เราก็จะปล่อยมือน้องเขา แต่น้องเขาก็หันมาพูดกับเราว่า ' จับมือกันแล้ว ก็ห้ามปล่อยสิคะแฟน ' เราก็แบบเขินมาก บอกตามตรงว่าน้องเขาก็น่ารักอยู่แล้ว เวลายิ้มก็น่ารัก เวลาพูดแบบนี้มันยิ่งน่ารักเข้าไปอีก -//- เราก็เลยตัดสินใจคุยเรื่องนี้ทันทีที่ถึงหอน้องเขา สุดท้ายก็ตกลงเป็นแฟนกัน .

น้องเขาเป็นคนเดียวที่เรากล้าเปิดใจพูดทุกเรื่อง เรื่องบ้าน เรื่องเพื่อน เรื่องอนาคต เวลาเราเหนื่อยใจ น้องเขาก็ทำให้เรายิ้ม ทำให้เราหัวเราะ คือเรามีความสุขทุกครั้งที่ได้อยู่กับน้องเขา มันเป็นคนละความรู้สึกกับเวลาที่อยู่กับเพื่อนนะ มันเหมือนถ้าเราอยู่กับเพื่อน เราอุ่นใจ ที่เรามีเพื่อนที่ดี รับฟังปัญหาเรา มีอะไรก็ปรึกษา เวลาอยู่กับน้อง เราจะรู้สึกอบอุ่นบอกไม่ถูก เหมือนมันมีเรื่องให้คุยกันตลอดเวลา หาเรื่องให้ได้เจอกันได้ทุกวัน งอแง หึง หวง เป็นห่วง ไม่ชอบเวลาที่น้องนั่งมองนักบาสผช.เล่นบาส - -'

แบบนี้มันคือความรักไหม ? มันแปลกไหมถ้าเราจะรักผญ.จริงๆ ?

ตอนนี้เราคบกับน้องได้เกือบปีนึงแล้วนะ พ่อกับแม่ก็ยังไม่รู้เรื่องนี้ เราก็พาน้องเขามาไหว้พ่อกับแม่ที่บ้านบ่อยๆ มานอนค้างคืน น้องเขาเป็นคนเก่งคณิตศาสตร์ เราเลยขอช่วยให้มาช่วยสอนเนื้อหาเก่าๆบางเรื่องที่เราจำเป็นต้องสอบ แต่ก็ไม่ได้มีอะไรเกินเลยนะ เราคิดว่ายังไงซะถึงจะเป็นผญ.กับผญ. เราก็ต้องให้เกียรติน้องเขาอยู่ดี .

แต่ที่เราเครียดคือ ถ้าวันนึงพ่อกับแม่รู้ว่าเรารักผญ. พ่อกับแม่จะรับฟังเหตุผลเราไหม จะเข้าใจเราหรือเปล่า ? เพราะแค่ตอนนี้ท่านทั้งสองก็ไม่ค่อยจะฟังอะไรเราอยู่แล้ว เพราะเราทำอะไรไม่เก่งเหมือนพี่เลยสักอย่าง
* นึกภาพไม่ออกว่าพ่อกับแม่เราเป็นยังไง ดูจากแม่ของดาว ในฮอร์โมน ซีซั่น 2 - แบบนั้นเปะๆเลยแหละ .
แก้ไขข้อความเมื่อ
คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 5
สิ่งแรกที่ต้องคิดคือ ใจเย็นๆ อย่าเพิ่งกังวลกับอนาคตที่ยังมาไม่ถึง

สิ่งแรกที่ควรทำคือ ถามใจตัวเองให้ดีดีว่า รักคนนี้แน่หรือเปล่า มันเป็นความรักจริงๆ ไม่ใช่แค่ความผูกพันธ์ หรือเอ็นดู
เพราะเท่าที่ได้อ่านจากสิ่งที่คุณเล่ามา ตัวคุณเองก็แทบไม่มีโอกาสที่จะได้เรียนรู้ตัวตนของเพศตรงข้ามอย่างจริงๆ จังเลย
และระยะที่คบกันก็ไม่ได้การันตรีถึงความรู้สึกที่มีให้ต่อกัน อย่าลืมนะในอนาคตอันใกล้ โลกของคุณจะกว้างขึ้นอีกมาก

สิ่งที่สองที่ควรทำคือ เมื่อมั่นใจในตัวเองจริงๆ แล้ว ให้คุยกับคนของคุณให้เข้าใจถึงปัญหาต่างๆ ว่าพร้อมที่จะจับมือกันฝ่าฟืนปัญหา
ไปด้วยกันไหวมั้ย หรือจะยอมแพ้อยู่แค่นี้

และสิ่งสุดท้ายที่ควรทำคือ เมื่อคิดว่าคนคนนี้ใช่และอยากคบอย่างจริงจัง เราอยากให้คุณคุยกับพ่อแม่ให้เข้าใจ ถามว่าพวกท่านจะโกรธ จะต่อต้าน
จะดุจะด่า หรือเสียใจมั้ย มันมีแน่นอนอยู่แล้ว แต่ถ้าคุณพิสูจน์ให้พวกท่านเห็นถึงความจริงใจ ความมั่นคง และไม่ได้ทำอะไรเสื่อมเสียทั้งต่อตนเอง
และครอบครัวแล้ว  สุดท้ายท่านก็ต้องยอมเข้าใจ เพราะยังไงคุณก็คือลูก คือเลือดเนื้อเชื้อไขของพวกท่านเอง ส่วนตัวเราคิดว่าพ่อแม่ทุกคนไม่ได้
ต้องการอะไรจากลูกมากไปกว่าให้ลูกโตเป็นคนดีของสังคม ช่วยเหลือตัวเองได้ และใช้ชีวิตอย่างมีความสุขก็แค่นั้นเอง

แต่สิ่งต่างๆ ที่เราพูดมาคุณอาจจะไม่ต้องทำเลย ถ้าคุณคิดว่าความรักครั้งนี้ยังไม่ใช่ และอนาคตก็เป็นสิ่งไม่แน่นอน ในเมื่อตอนนี้พวกท่านยังไม่รู้
ก็ไม่ต้องร้อนตัว ไม่ต้องกังวลกับอนาคตที่ยังมาไม่ถึง ทำหน้าที่ของตัวเองต่อไปให้ดีที่สุดและทำตัวปกติ ต้องไม่ประเจิดประเจ้อ ใช่ชีวิตอย่างมีความสุขในขอบเขตของความดี และบอกตัวเองไว้เสมอว่า อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด เมื่อเจอปัญหาจริงๆ คุณจะได้เผชิญหน้ากับมันได้อย่างมีสติที่สุด
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่