มาเล่าเรื่อง One Day Pass กับการวางแผนเที่ยวตามผังรถไฟใต้ดินในโตเกียว

เมื่อ 7-21 กันยายน ที่ผ่านมา ฉันได้ไปทดลองใช้ชีวิตในโตเกียว และนี่เป็นครั้งแรก ที่ได้ตัดสินใจซื้อ One Day Pass หลังจากไปญี่ปุ่นมา 3 ครั้งแล้ว พบว่า ตัวเองน่าจะซื้อใช้ตั้งแต่แรก เพราะมันประหยัดและคุ้มมาก เสียเงินกับการเดินทางในโตเกียว วันๆ นึง มากกว่าที่ซื้อ One Day Pass ไปหลายร้อยบาทต่อวันมาแล้ว จึงอยากจะมาแบ่งปัน สำหรับคนที่กำลังจะเดินทางไปเที่ยว และยังไม่แน่ใจว่าจะซื้อตั๋วอะไรยังไง

กระทู้นี้ จะพูดถึงการซื้อตั๋ว One Day Pass ที่จะเอาไว้ใช้เฉพาะในโตเกียว รวมถึงตัวอย่างการวางแผนเที่ยวตามผังรถไฟใต้ดิน เพื่อให้คุ้มในหนึ่งวัน จึงขอแนะนำให้ซื้อแบบ ตั๋วที่ใช้ได้ทั้งรถไฟใต้ดินของรัฐบาล คือ Toei Line กับของเอกชน คือ Metro Line จริงๆ แล้ว รถไฟในโตเกียว ไม่ได้มีแค่ รถไฟบนดินของค่าย JR กับรถไฟใต้ดินของทั้ง 2 ค่ายที่ว่ามา แต่ยังมีรถไฟของค่ายอื่นๆ อีก แต่ในที่นี้ขอไม่พูดถึงนะคะ เดี๋ยวจะงง กันไปใหญ่ เอาที่จำเป็นในการเดินทางในโตเกียวก็พอ

กระทู้ก่อนหน้านี้ มีเขียนไว้ 4 ตอนแล้วค่ะ ใครอยากตามไปอ่าน เชิญได้ที่

1. ฟ้าสีเพลิง ณ กรุงโตเกียว http://ppantip.com/topic/32612390
2. พาไปร้านพ่อค้าขายหมูปิ้งที่ชินจูกุ http://ppantip.com/topic/32615485
3. ขอท้าคนไม่ชอบและไม่ยอมกินปลาดิบ มาลองที่นี่ Sushi Dai @ ตลาดปลา Tsukiji http://ppantip.com/topic/32618971
4. ราเมน TAKESUE (ทาเกะสุเอะ) กับวิธีเสริฟแบบพิถึพิถัน อยู่ไม่ไกลจาก Tokyo Skytree http://ppantip.com/topic/32623485

รถไฟใต้ดินในโตเกียวนั้น มีสถานีทะลุทะลวงไปทุกหนแห่ง โดยเฉพาะตามแหล่งสถานที่ท่องเที่ยว ที่เป็นอะไรที่ ถ้าไปโตเกียว ยังไงก็ควรจะได้ไปตรงนั้น ถ้าไม่ได้ไป เหมือนไปไม่ถึง อะไรประมาณนั้น เพราะต่อให้มี JR Pass ก็ยังต้องจ่ายค่ารถไฟใต้ดินเพิ่ม เนื่องจาก รถไฟบนดิน (ของ JR) ไปไม่ถึงหรือไม่ผ่านตรงนั้น  



การตามหาสถานีที่เป็น Subway มี Symbol แบบนี้ ซึ่งมี 2 ค่ายคือ Metro กับ Toei ที่เหมือนตัว M คือ Metro และที่เหมือนต้นไม้สีเขียวคือ Toei



สถานีรถไฟใต้ดิน ทั้ง 2 บริษัท ส่วนใหญ่ก็จะอยู่ด้วยกัน คือเดินหากันได้ มีแค่บางสถานี เช่นที่ สถานี Kuramae (อ่านว่า คู รา มา เอะ ซึ่งฟังเร็วๆ จะเหมือน คูราไม) จะอยู่แยกกัน แต่ก็ไม่ได้ไกลกันมาก เพียงแค่ต้องโผล่ขึ้นมาบนดินก่อน แล้วเดินข้ามถนนไปอีกถนนหนึ่ง ค่อยมุดลงใต้ดินไปอีกที แต่สำหรับฉัน ถ้าการเดินทางจะต้องมีเส้นทางที่ต้องไปเปลี่ยนขบวนรถไฟที่สถานี Kuramae ฉันจะเลี่ยงไปใช้เส้นทางอื่นแทนเพราะขี้เกียจเดินเยอะค่ะ

การเดินทางโดยรถไฟใต้ดิน หากดูแผนผังจากภาพข้างล่างนี้ ก็จะสามารถสลับสับเปลี่ยน หรือใช้ขบวนรถไฟที่ต่อเนื่องกันไปหาจุดหมายปลายทางได้หลายแบบ แล้วแต่จะอ้อมหรือไม่อ้อม หรือไกลใกล้ยังไง Scale ค่อนข้างใช้ได้ แต่ก็ไม่ทั้งหมด



การจะใช้แผนผังรถไฟใต้ดินนี้แล้วเดินทางให้ง่ายๆ ก็คือ ดูสถานีเริ่มต้นว่าหมายเลขอะไร และจะไปสถานปลายทางที่หมายเลขอะไร หรือจะไปต่อรถไฟที่สถานีไหน เพราะบางครั้ง จะไปสถานีปลายทางที่ จากต้นทางนั่งไปขบวนเดียวไม่ถึง ก็ต้องไปต่ออีกขบวน บางทีก็บริษัทเดียวกัน บางทีก็คนละบริษัทเลย ถึงบอกว่า ถ้าจะให้ดี ก็ซื้อแบบใช้ได้ทั้ง 2 บริษัทจะสะดวกกว่า ขอยกตัวอย่างแบบนี้นะคะ



จากภาพข้างบน ฉันเริ่มจากที่พักที่เคยรีวิวไว้ในกระทู้ที่ 1 ซึ่งสถานีตรงนั้น (วงสีแดงด้านบน) คือ Oshiage Station นั่งรถไฟสาย Z (จาก Z14) ไปเปลี่ยนรถไฟที่วงสีฟ้าคือ ลงที่ Z11 เพื่อเปลี่ยนเป็นสาย E ซึ่งตรงนี้ต้องออก Exit ผ่านเครื่องที่ต้องสอดบัตร ไปเข้าอีกชานชลานึง เพื่อขึ้นรถไฟอีกสายนึงคือสาย E ไปลงที่สถานี Tsukijishiro (E18) ซึ่งเป็นสถานีที่จะเข้าไปตลาดปลาใกล้ที่สุด



การจะเดินไปขึ้นรถไฟที่ชานชลาแต่ละสถานี บางครั้งก็มึนได้ อีตอนเดินตามป้ายเพื่อไปที่ชานชลา ก็แค่ดูสีของรถไฟว่าสายไหน สีของแต่ละสายมันต่างกันชัดเจน มันไม่ยากเท่าไหร่ อย่างอันนี้ สายสีม่วง จาก Z14 ฉันจะไป Z11 ก็ดูตามป้าย (ภาพข่างบน) ที่ป้ายเขียน Z1-Z13 ก็คือ ฉันจะไป Z11 ก็ไปชานชลาตามลูกศรชี้

แต่อีตอนไปถึงชานชลาแล้วจะต้องเลือกว่า นั่งฝั่งไหนถึงจะถูก คงต้องดูดีๆ ว่าเราขึ้นรถไฟถูกขบวนมั้ย เพราะ รถไฟจะมีทั้งขาไปขากลับ ขึ้นผิดฝั่งก็ไปคนละทิศเลย

ฉันมีวิธีดูง่ายๆ ยกตัวอย่าง เช่น จาก E14 ไปลง E18 การดูตัวเลขแบบนี้ ก็ง่ายต่อการดูเร็วๆ แบบ ผ่านสถานีไหนไปแล้ว กำลังจะถึงสถานีไหน ก็จะได้รู้ว่าใกล้ละยัง เพราะบางสถานี ชื่อเรียกยาก ฟังก็ไม่ค่อยได้ยิน มองออกไปนอกหน้าต่างกระจกของรถไฟ ก็จะเห็นป้ายตามเสาที่สถานี จะได้รู้ว่าถึงไหนแล้ว บางทีนั่งนาน คิดอะไรเพลินๆ ไม่ทันได้นับสถานี ก็จะได้ไม่เลยป้าย

และการจะเลือกนั่งฝั่งไหน ถ้าดูตัวเลข ก็จะได้รู้ว่าเราขึ้นถูกฝั่งมั้ย อย่างภาพนี้ ฉันถ่ายมาจากฝาผนัง ตอนรอรถไฟ เพื่อให้มั่นใจว่าเรานั่งถูกฝั่ง คือ จาก E14 จะไป E18 เห็นเลยว่า ลูกศรชี้ไป E15 คือทิศทางที่จะไป E18 แน่นอน เพราะตัวเลขมันบอกลำดับเอาไว้



Toei ไม่ได้มีแค่รถไฟใต้ดินนะคะ มีรถเมล์ กับรถรางด้วย อันนี้เป็นของรัฐบาล การก่อสร้างสถานีส่วนใหญ่ คำนึงถึงความปลอดภัยขณะรอรถไฟ ทำได้ดีกว่าของเอกชนค่ะ อย่างภาพนี้เป็นตัวอย่างค่ะ



เยี่ยมชมเว็บเค้าได้ที่ http://www.kotsu.metro.tokyo.jp/eng/

ในขณะที่ของ Metro จะเป็นแบบนี้



http://www.tokyometro.jp/en/index.html

แต่เราก็ต้องพึ่งทั้ง 2 ค่ายนะคะ เพราะไม่ได้มีค่ายไหนไปทุกที่ คือ เหมือนเค้าค่อยๆ สร้างมาเติมเต็มในส่วนที่ขาด เพื่อไม่ให้ซ้ำซ้อนกัน ยกเว้นรถไฟบนดินอย่าง Jr ก็จะมีทับเส้นทาง หรือ อยู่ใกล้กันกับสถานีรถไฟใต้ดิน บางครั้งแหล่งท่องเที่ยวเดียวกัน แต่ใช้ชื่อสถานีคนละอย่าง ยกตัวอย่างเช่น ถ้าจะไป ​Harajuku ของ JR Line ก็ไปสถานีชื่อ Harajuku ในขณะที่ถ้าเป็นรถไฟใต้ดิน จะไปลงที่สถานี Meiji Jingumae ซึ่งห่างกันแค่เดิน 1-2 นาที



เล่าให้ละเอียดหน่อยก็คือ สถานี Harajuku อยู่ติดกับ Meji Shrine ส่วนสถานี Meiji Jingumae อยู่ตรงถนนที่ตัดกับถนนหน้าสถานี Harajuku เป็นถนนที่อยู่ขนานกันกับ ถนนคนเดิน Takeshita ซึ่งเป็นถนนที่ใครๆ ก็ต้องไปที่นั่น ยิ่งวันเสาร์อาทิตย์จะเบียดเสียดยัดเยียดกันทีเดียว

แต่เดี๋ยวก่อน ถ้าใครมี JR Pass แล้ว ก็อาจไม่ต้องซื้อ ​One Day Pass สำหรับรถไฟใต้ดินที่ว่านี้ แต่ให้ซื้อ from point to point และขอแนะนำให้ซื้อ Suica หรือ Pasmo ซึ่งเป็นบัตรแทนเงินสด เติมเงินได้ หรือแลกคืนเป็นเงินสดได้ เอาไว้ใช้กับรถไฟได้กับทุกสายที่ว่ามา แถมยังเอาไปซื้อของได้ กินราเมนในบางร้านได้ กินอาหารในบางที่ก็รับบัตรพวกนี้เหมือนกัน (Suica มีขายหลายที่ โดยเฉพาะตามสถานีรถไฟบนดิน คือ JR ส่วน Pasmo ก็มีขายหลายที่โดยเฉพาะตามสถานีรถไฟใต้ดินคือ Toei กับ ​Metro แต่ทั้ง 2 บัตรก็ใช้ได้เหมือนกัน)

ภาพนี้คือ 2 สิ่ง ที่ต้องใช้ในการเดินทางท่องเที่ยวในโตเกียว คือ ตั๋ว One Day Pass  กับผังรถไฟใต้ดินทั้ง 2 ค่าย



จากตัวอย่างตั๋ว One Day Pass ในภาพที่เห็นด้านบน วันที่คือ 14, เดือน คือ 9 ส่วนปี คือ 26 เป็นการนับปีของญี่ปุ่น นะคะ เค้าไม่ได้ใช้ พศ. หรือ คศ. เหมือนเรา

Tips: ถ้าไปถึงสนามบินนาริตะ หรือ ฮาเนดะแล้ว ให้ซื้อที่สนามบินทันทีจะถูกกว่า ซึ่งเค้าเรียกว่า Tokyo Subway Ticket (1-day: 800 yen, 2-day: 1200 yen, 3-day: 1500 yen) แต่ตั๋วนี้...จากสนามบินนาริตะ หรือ สนามบินฮาเนดะ เข้าเมือง อาจจะยังใช้เดินทางไม่ได้ เพราะต้องซื้อรถไฟสายอื่นในการเดินทางเข้าเมือง ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับว่า พักที่ไหน เช่น ของฉัน พักแถว Tokyo Skytree ก็จะต้องซื้อตั๋วของค่าย Keisei (อ่านว่า เค-เซ) เพราะมีรถไฟที่..นั่งต่อเดียวถึง ตามที่ได้รีวิวไว้แล้วในกระทู้แรก

ภาพนี้คือ รถไฟสายต่างๆ จากทั้ง 2 สนามบิน ก็ขึ้นอยู่กับว่า ใครพักที่ไหน ก็ใช้บริการตามเส้นทางที่มี
อันนี้ Narita Airport



ส่วนอันนี้ Haneda Airport


พอดี ฉันไม่ได้ซื้อจากสนามบิน เพราะมารู้ทีหลัง จึงจำใจต้องซื้อตอนเข้าเมืองมาแล้ว ซึ่งก็จะแพงกว่า คือ วันละ 1,000 เยน (ถ้าซื้อจากสนามบิน ก็จ่ายแค่ 800 เยน แต่ถ้าซื้อแบบ 3-day ก็ยิ่งประหยัดเลย ตกวันละ 500 เยนเอง) หากต้องการใช้ได้ทั้ง 2 ค่าย ซึ่งก็ขอแนะนำให้ใช้อันนี้แหละ เพราะสะดวกดี ไปได้ทุกสถานีรถไฟใต้ดินเลย

ซื่อของ Pass นี้คือ Toei and Tokyo Metro One-Day Economy Pass มีวิธีซื้อง่ายๆ มาฝากค่ะ

ซื้อจากเครื่องสีเขียว นะคะ



หลังจากกดปุ่มเปลี่ยนเป็นภาษาอังกฤษ แล้วจะได้หน้าตาแบบนี้ (มองหาปุ่มคำว่า English นะคะ พอดีรูปนี้ กดปุ่มมาแล้วเลยไม่เห็นคำว่า English)



จากภาพข้างบน ให้เลือก One Day Economy Pass จะได้หน้าจอแบบภาพนี้



แล้วเลือก อันที่เป็น 1000 yen ใช้ได้ทั้งหมดที่เป็นรถไฟใต้ดิน ทั้ง 2 ค่าย พอเลือกเสร็จก็จะได้หน้าจอนี้ เตรียมจ่ายเงินด้วยการสอดธนบัตร 1000 เยนไปเลยค่ะ



เรียบร้อยแล้ว ตั๋ว One Day Pass ก็จะออกมาตรงนี้ พร้อมตะลุยโตเกียวกันเลยค่ะ ง่ายมากเลยเนาะ (กว่าจะรู้ ก็เสียค่าไม่รู้ไปหลายตังค์แระ ฮ่าๆ)



ก่อนอื่น ต้องบอกก่อนนะ ว่า Pass นี้ ถ้าเป็น One Day Pass การใช้ให้คุ้มต้องใช้แต่เช้า คือเค้าจะนับการใช้ตั้งแต่ รถไฟเที่ยวแรก ไปจนถึงเที่ยวสุดท้ายของวันนั้นๆ One Day Pass ไม่ได้แปลว่าใช้ได้ 24 ชั่วโมง หมายความว่า ไม่ใช่ว่า ซื้อตอน 10 โมงเช้า แล้วจะใช้ได้ถึง 10 โมงเช้าของอีกวันนึงนะคะ ดังนั้น การใช้ Pass ก็ควรจะเริ่มเที่ยวแต่เช้าถึงค่ำ และไปหลายๆ ที่ต่อวัน ถึงจะคุ้มสุด

ยกตัวอย่าง วันนึงของฉันให้ดูนะคะ คือ วันนั้นไม่ได้ตื่นแต่เช้ามืดเหมือนวันที่ไปตลาดปลาเป็นจุดแรก แต่ก็อยากไปหลายที่ จึงเริ่มจากที่พักตั้งแต่ 9 โมงเช้า เพราะอยากไปถ่ายรูปสะพานแว่นตาให้ทัน จึงต้องไปถึงที่นั่นก่อน 9.30 น. (สะพานที่ว่านี้อยู่หน้าพระราชวังอิมพีเรียลที่โตเกียว) แล้วต่อด้วยตลาดปลาเพื่อไปลองกินซูชิที่ร้านไม่ดังในหมู่คนไทยและชาวต่างชาติ แต่ไปเพราะคนญี่ปุ่นแนะนำถ้าไม่อยากรอคิวนาน วันก่อนหน้านี้ได้ไปกินร้านดังมาแล้ว เลยอยากเปรียบเทียบ จากนั้น ก็ไปเที่ยวสนามแข่งซูโม่ ซึ่งติดกับพิพิธภัณฑ์ Edo รอบนี้ไม่ได้เข้าไป เพราะเคยไปมาแล้วครั้งก่อน

แล้วก็ไปหาอะไรกินแถวชินจูกุ เสร็จแล้วไปเดินดูของที่ตลาด Ameyayoko ตอนกลางคืนย่าน Ueno แล้วกลับที่พักแถว Tokyo Skytree (คือวันนั้นอารมณ์เปลี่ยนใจหลายรอบ เลยออกจะมั่วๆ ทิศทาง ไม่แนะนำนะ ยกตัวอย่างการใช้คุ้มเฉยๆ)

แม้ไม่ได้วางแผนไว้ทั้งวัน แต่ก็ตั้งเป้าหมายไว้แค่ 2 แห่งแรก เพราะ สำหรับฉัน บางทีก็ขึ้นอยู่กับว่า อารมณ์นั้นอยากไปที่ไหนซ้ำ หรืออยากไปเที่ยวที่ใหม่ๆ มั้ย แต่ก็ถือว่าคุ้มแล้วค่ะ เพราะยังไงๆ ถ้าจ่ายเป็นรอบๆ ก็แพงกว่า Pass แบบนี้แน่ๆ เที่ยวทั้งวัน + ไปหลายที่ ประหยัดมาก

(ต่อที่คห. 17)
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่