สักวา ภรรยา กับสามี ทั้งคู่นี้ มิฉลาด ขาดเฉลียว
นิสัยนั้น ชอบเอากัน มันส์จริงเชียว ชอบเล่นเสียว หลับนอน ตอนกลางวัน
ทั้งสองนี้ มีเพื่อนบ้าน ชาญฉลาด ถึงอุจาด พลาดได้ไง ฉากไปหวัน
ชอบถ้ำมอง สองผัวเมีย ได้เสียกัน จึงกระสัน อยากฟันบ้าง ทำอย่างไร
ตอนกลางวัน วันหนึ่งนั้น มันสบช่อง วันนี้ต้อง ใช้สมอง อันผ่องใส
ต้องฟันเมีย มันให้ได้ ให้สะใจ ปีนต้นตาล ข้างบ้านไป ใจเย็นรอ
ถึงเวลา สองผัวเมีย คลอเคลียกัน ยังไม่ทัน จะแก้ผ้า อ้าปากหวอ
เห็นเพื่อนบ้าน บนต้นตาล พาลหน้างอ เพื่อนหัวหมอ กลับต่อว่า บาดตาจริง
เพื่อนบอกว่า ข้าเห็นแก แก้ผ้าอยู่ ถ้าหากดู อยู่ตรงนี้ ฟี้เจอริ่ง
สงสัยว่า ภาพลวงตา บ้าจริงๆ ทั้งชายหญิง นิ่งอึ้งไป ให้งงงัน
ถ้าไม่เชื่อ เมื่อไม่ชัด จัดพิสูจน์ ที่ข้าพูด ภาพลวงตา หาใช่ฝัน
เห็นจริงแท้ แกแก้ผ้า ข้ายืนยัน พิสูจน์พลัน ผัวนั้นมา ปีนต้นตาล
เพื่อนนั้นเล่า แอบเข้าห้อง ลองแก้ผ้า แล้วพูดจา โน้มน้าวหญิง ยิงคำหวาน
จนหญิงเคลิ้ม เริ่มถอดผ้า ตามต้องการ ผัวที่ดู อยู่ยอดตาล พาลตะลึง
ผัวเห็นชัด เพื่อนฟัดเมีย ได้เสียกัน ภาพลวงตา จริงด้วยนั่น ฉันล่ะทึ่ง
เชื่อสายตา หาใคร่ครวญ คิดคำนึง เช่นนี้จึง ถึงเสียรู้ ผู้หลอกลวง
ฟังอะไร ไม่เข้าท่า อย่าไปเชื่อ จะเป็นเหยื่อ ให้เสือจับ งับของหวง
ภาพที่เห็น ยังคิดเป็น เช่นภาพลวง จ้าวจึงจ้วง ล้วงตับเม่า เศร้าลำเค็ญ
ถ้าตาเห็น เป็นดั่งจิต คิดพอดี สมองนั้น เชื่อทันที ที่ตาเห็น
หลักการนี้ ที่ปั่นเม่า ทุกเช้าเย็น สิบปากเว้า ไม่เท่าเห็น เด่นชัดเอย
จิตวิทยาเรื่องนี้ คงต้องอธิบายยาวนิดนึงนะครับ
เคยได้ยินกันใช่มั้ยครับว่า “สิบปากว่า ไม่เท่าหนึ่งตาเห็น” (ใครจะทะลึ่งต่ออะไรไปก็แล้วแต่นะครับ)
เพราะคนเรามักเชื่อในสิ่งที่ตาตัวเองเห็น (จนมีคำพูดว่า “เห็นมาเต็มสองตา”)
แล้วเวลาเราสงสัยอะไร ถ้าไม่เห็นด้วยตาตัวเอง ก็คงไม่เชื่อ
แม้แต่เห็นแล้ว ในบางครั้งก็ยังไม่เชื่อ ถ้าสิ่งที่เห็นมันขัดกับความคิดดั้งเดิมที่คิดเอาไว้ก่อน
(ถึงได้มีคำพูดว่า “แทบไม่เชื่อสายตาตัวเอง”)
แต่ถ้าเห็นอะไรแล้ว มันพ้องกับที่เราคิดเอาไว้ก่อน เราจะเชื่อทันทีครับ
อีตาเพื่อนบ้านจึงใช้หลักการนี้ ใส่ความคิดเรื่องภาพลวงตาเข้าไปในหัวผู้ชายที่เป็นสามีในเรื่องซะก่อน
สามีก็สงสัย ถ้าไม่เห็นด้วยตาตัวเองก็คงไม่เชื่อ แบบนี้ต้องพิสูจน์ ก็เลยต้องไปปีนต้นตาลดูบ้าง
แล้วพอได้เห็นภาพเหมือนกับที่เพื่อนบ้านบอกไว้ จึงเชื่อทันทีครับ ว่าภาพที่เห็น เป็นแค่ภาพลวงตา (แต่เมียโดนเอาจริง)
บรรดาจ้าวที่ปั่นหุ้นก็ใช้หลักการนี้เหมือนกันครับ โดยใส่ความคิดเข้าหัวเม่าไว้ก่อน
โดยการออกข่าวบ้าง ใบ้หุ้นบ้าง สร้าง story บ้าง ว่าหุ้นตัวนี้ดี หุ้นตัวนี้จะไป ไม่รีบขึ้นล่ะก็ ตกรถแน่นอน
เม่าที่ชอบเล่นหุ้นปั่นทั้งหลาย พวกที่ชอบเฝ้าจอ เมื่อเห็นหุ้นตัวที่สนใจกระพริบวิบๆๆๆๆๆๆ เหมือนกับที่คิดไว้ก่อนแล้ว
ก็จะรู้สึก โอ้ พระเจ้าจอร์จ มันยอดมาก เห็นกันจะจะขนาดนี้ มันเป็นดังคิดจริงๆ ด้วย
เม่าก็จะเชื่อในสิ่งที่ตาเห็นทันที โดดเข้าใส่กองไฟเลย...ตายทั้งฝูงครับ
ขอให้ทุกท่านได้มองเห็นภาพที่แท้จริง ได้หุ้นที่ดีจริง ไม่ใช่พวกหุ้นภาพลวงตานะครับ
ป.ล.
ปุจฉา: ปกติสักวาใต้สะดือแบบนี้มักจะมาวันศุกร์นี่ แต่วันนี้วันพฤหัสฯ ทำไมโพสต์สักวาใต้สะดือวันนี้ล่ะ?
วิสัชนา: พรุ่งนี้จำเป็นต้องขับรถเข้า กทม. ตั้งแต่เช้า ต้องไปงานเกษียณอายุราชการอาจารย์ที่นับถือตอนเย็นครับ
ดังนั้น พรุ่งนี้ไม่มีสักวาใต้สะดือประจำวันศุกร์นะครับ พบกันอีกทีวันอังคารหน้าเลยนะครับ
<[^_^]> สักวา ภรรยา กับสามี.....ทั้งคู่นี้ มิฉลาด ขาดเฉลียว
นิสัยนั้น ชอบเอากัน มันส์จริงเชียว ชอบเล่นเสียว หลับนอน ตอนกลางวัน
ทั้งสองนี้ มีเพื่อนบ้าน ชาญฉลาด ถึงอุจาด พลาดได้ไง ฉากไปหวัน
ชอบถ้ำมอง สองผัวเมีย ได้เสียกัน จึงกระสัน อยากฟันบ้าง ทำอย่างไร
ตอนกลางวัน วันหนึ่งนั้น มันสบช่อง วันนี้ต้อง ใช้สมอง อันผ่องใส
ต้องฟันเมีย มันให้ได้ ให้สะใจ ปีนต้นตาล ข้างบ้านไป ใจเย็นรอ
ถึงเวลา สองผัวเมีย คลอเคลียกัน ยังไม่ทัน จะแก้ผ้า อ้าปากหวอ
เห็นเพื่อนบ้าน บนต้นตาล พาลหน้างอ เพื่อนหัวหมอ กลับต่อว่า บาดตาจริง
เพื่อนบอกว่า ข้าเห็นแก แก้ผ้าอยู่ ถ้าหากดู อยู่ตรงนี้ ฟี้เจอริ่ง
สงสัยว่า ภาพลวงตา บ้าจริงๆ ทั้งชายหญิง นิ่งอึ้งไป ให้งงงัน
ถ้าไม่เชื่อ เมื่อไม่ชัด จัดพิสูจน์ ที่ข้าพูด ภาพลวงตา หาใช่ฝัน
เห็นจริงแท้ แกแก้ผ้า ข้ายืนยัน พิสูจน์พลัน ผัวนั้นมา ปีนต้นตาล
เพื่อนนั้นเล่า แอบเข้าห้อง ลองแก้ผ้า แล้วพูดจา โน้มน้าวหญิง ยิงคำหวาน
จนหญิงเคลิ้ม เริ่มถอดผ้า ตามต้องการ ผัวที่ดู อยู่ยอดตาล พาลตะลึง
ผัวเห็นชัด เพื่อนฟัดเมีย ได้เสียกัน ภาพลวงตา จริงด้วยนั่น ฉันล่ะทึ่ง
เชื่อสายตา หาใคร่ครวญ คิดคำนึง เช่นนี้จึง ถึงเสียรู้ ผู้หลอกลวง
ฟังอะไร ไม่เข้าท่า อย่าไปเชื่อ จะเป็นเหยื่อ ให้เสือจับ งับของหวง
ภาพที่เห็น ยังคิดเป็น เช่นภาพลวง จ้าวจึงจ้วง ล้วงตับเม่า เศร้าลำเค็ญ
ถ้าตาเห็น เป็นดั่งจิต คิดพอดี สมองนั้น เชื่อทันที ที่ตาเห็น
หลักการนี้ ที่ปั่นเม่า ทุกเช้าเย็น สิบปากเว้า ไม่เท่าเห็น เด่นชัดเอย
จิตวิทยาเรื่องนี้ คงต้องอธิบายยาวนิดนึงนะครับ
เคยได้ยินกันใช่มั้ยครับว่า “สิบปากว่า ไม่เท่าหนึ่งตาเห็น” (ใครจะทะลึ่งต่ออะไรไปก็แล้วแต่นะครับ)
เพราะคนเรามักเชื่อในสิ่งที่ตาตัวเองเห็น (จนมีคำพูดว่า “เห็นมาเต็มสองตา”)
แล้วเวลาเราสงสัยอะไร ถ้าไม่เห็นด้วยตาตัวเอง ก็คงไม่เชื่อ
แม้แต่เห็นแล้ว ในบางครั้งก็ยังไม่เชื่อ ถ้าสิ่งที่เห็นมันขัดกับความคิดดั้งเดิมที่คิดเอาไว้ก่อน
(ถึงได้มีคำพูดว่า “แทบไม่เชื่อสายตาตัวเอง”)
แต่ถ้าเห็นอะไรแล้ว มันพ้องกับที่เราคิดเอาไว้ก่อน เราจะเชื่อทันทีครับ
อีตาเพื่อนบ้านจึงใช้หลักการนี้ ใส่ความคิดเรื่องภาพลวงตาเข้าไปในหัวผู้ชายที่เป็นสามีในเรื่องซะก่อน
สามีก็สงสัย ถ้าไม่เห็นด้วยตาตัวเองก็คงไม่เชื่อ แบบนี้ต้องพิสูจน์ ก็เลยต้องไปปีนต้นตาลดูบ้าง
แล้วพอได้เห็นภาพเหมือนกับที่เพื่อนบ้านบอกไว้ จึงเชื่อทันทีครับ ว่าภาพที่เห็น เป็นแค่ภาพลวงตา (แต่เมียโดนเอาจริง)
บรรดาจ้าวที่ปั่นหุ้นก็ใช้หลักการนี้เหมือนกันครับ โดยใส่ความคิดเข้าหัวเม่าไว้ก่อน
โดยการออกข่าวบ้าง ใบ้หุ้นบ้าง สร้าง story บ้าง ว่าหุ้นตัวนี้ดี หุ้นตัวนี้จะไป ไม่รีบขึ้นล่ะก็ ตกรถแน่นอน
เม่าที่ชอบเล่นหุ้นปั่นทั้งหลาย พวกที่ชอบเฝ้าจอ เมื่อเห็นหุ้นตัวที่สนใจกระพริบวิบๆๆๆๆๆๆ เหมือนกับที่คิดไว้ก่อนแล้ว
ก็จะรู้สึก โอ้ พระเจ้าจอร์จ มันยอดมาก เห็นกันจะจะขนาดนี้ มันเป็นดังคิดจริงๆ ด้วย
เม่าก็จะเชื่อในสิ่งที่ตาเห็นทันที โดดเข้าใส่กองไฟเลย...ตายทั้งฝูงครับ
ขอให้ทุกท่านได้มองเห็นภาพที่แท้จริง ได้หุ้นที่ดีจริง ไม่ใช่พวกหุ้นภาพลวงตานะครับ
ป.ล.
ปุจฉา: ปกติสักวาใต้สะดือแบบนี้มักจะมาวันศุกร์นี่ แต่วันนี้วันพฤหัสฯ ทำไมโพสต์สักวาใต้สะดือวันนี้ล่ะ?
วิสัชนา: พรุ่งนี้จำเป็นต้องขับรถเข้า กทม. ตั้งแต่เช้า ต้องไปงานเกษียณอายุราชการอาจารย์ที่นับถือตอนเย็นครับ
ดังนั้น พรุ่งนี้ไม่มีสักวาใต้สะดือประจำวันศุกร์นะครับ พบกันอีกทีวันอังคารหน้าเลยนะครับ