สวัสดีเพื่อนๆห้องก้นครัวและห้องบลูครับ
วันนี้จะมารีวิวร้านเทมปุระที่ได้ 2 ดาวมิชลินในเกียวโต ที่มีโอกาสได้ไปทานมา
ร้านนี้ชื่อร้าน Kyoboshi ครับ Kyoboshi เฉยๆนะครับ มันจะมีอีกร้านนึง ชื่อคล้ายๆกันคือ 7-chome Kyoboshi ร้านนั้นอยู่ในโตเกียว
สำหรับร้านนี้เพื่อนผมจองล่วงหน้าไว้ประมาณ 1 เดือนครึ่ง ตามสไตล์ร้านมิชลินที่ต้องจองยากๆที่นั่งน้อยๆ 6-10 ที่ ดังนั้นเค้าจะรับแต่ลูกค้าจองเท่านั้น
เพื่อนบอกว่าตั้งแต่กินเทมปุระในญี่ปุ่นมาร้านนี้อร่อยที่สุด
เลยบอกว่านี่คือร้านที่อร่อยที่สุดในโลกของเพื่อนผมกินแล้วต้องบอกว่า ไม่เกินไปเลยซักนิด
ขอเปิดตัวด้วยภาพรวม course นี้นะครับ
รวมทั้ง course น่าจะประมาณ 18-20 ชิ้นผมน่าจะตกบางชิ้นไป
ไปดูกันเลยครับ
นัดกันไว้เวลา 18.00 น. ที่ Kawaramachi station, Hankyo line subway ครับ
เพื่อนจองเวลาเอาไว้ 18.30 จะบอกว่าร้านหายากพอสมควรให้ผมไปตามหาเองคงไม่มีทางเจอ เดินกันอยู่ประมาณ 20 นาทีก็มาถึงครับ เป็นร้านเล็กๆอยู่ในตรอกซอกซอย
ร้านโล่งจังแฮะ มีแค่ผมกับเพื่อน 2 คน
บรรยากาศก็ตกแต่ง style ญี่ปุ่นครับ เรียบง่ายสวยงาม
โอก้าซังที่เห็นในรูปคือแม่ของคุณเชฟ
บรรยากาศภายในร้านกันต่อซักหน่อย
คุณเชฟจะมีผู้ช่วยสาวอยู่อีกคนนึงครับ
จริงๆเหมือนเธอจะอยู่เป็นเพื่อนคุยกับเรามากกว่า
ไม่ค่อยได้ช่วยอะไรเท่าไหร่
พอนั่งลงเรียบร้อยก็เริ่มเสริฟอุปกรณ์การรับประทานครับ
ประกอบด้วยตะเกียบ ผักดอง น้ำมะนาวคั้นสด ผงเกลือ แล้วก็ไชเท้าขูดปรุงรสด้วยผงเกลือและมะนาวครับ
ไชเท้าขูดปรุงรสด้วยผงเกลือและมะนาวครับ
มาดู Michelin guide ที่ตั้งอยู่หลังครัวครับ
นี่เลย 2 stars Michelin
จะช้าอยู่ใยจากนั้นเชฟก็เริ่มทอดครับ
เชฟชื่อ Toshinori Sakakibara ร้าน Kyoboshi นี้เปิดมาประมาณ 21 ปีแล้วครับ
เชฟพูดอังกฤษได้ดีและผู้ช่วยอีกคนก็พูดได้ดีครับ ไม่มีปัญหาการสื่อสารเลย
จากนั้นไม่นานจานแรกหรือชิ้นแรกก็ยกมาเสิร์ฟครับ
เชฟบอกว่านี่คือ Shrimp sandwish ลักษณะจากที่ทานจะเหมือนขนมปังหน้ากุ้ง
แต่มันก็ไม่ใช่ซะทีเดียวอะครับ บอกไม่ถูกแต่มีรสหวานและความหอมของกุ้ง
ไม่อมน้ำมัน
การเสริฟก็ง่ายๆทอดสดๆเสร็จแล้วก็วางบนกระดาษขาวบางที่ set รับประทานของเรา ชิ้นที่สองคือปลาไม่แน่ใจว่าคือปลาอะไร จัดแต่งมาอย่างสวยงาม เนื้อนุ่มลิ้นสดหวานมากครับ
ชิ้นที่ 3 อันนี้เป็นกระเจี๊ยบครับ
รสหวานๆไม่มีกลิ่นเหม็นเขียว
อยากให้สังเกตดูแป้ง เทมปุระทุกจานแป้งจะบางมาก กรอบกรุบ ต่างกับเทมปุระที่เคยกินมาทั้งหมด สวรรค์
ต่อมาก็เป็นกุ้งเด้งๆสดๆหวานๆ ทอดมาสุกกำลังดีเนื้อกุ้งไม่กระด้าง แป้งกรอบมาก
เท่าที่จำได้เหมือนกุ้งจานนี้จะเสิร์ฟวน 3 ครั้งนะครับ คั่นระหว่างจานอื่นๆ
คั่นตัดความเลี่ยนด้วยพริกหวานครับ
ไม่เผ็ดแต่มีกลิ่นพริกขึ้นจมูก ช่วยแก้เลี่ยนน้ำมันได้ดี
วิธีการรับประทานเทมปุระแต่ละชิ้นคือให้จิ้มกับน้ำมะนาวคั้นสด หรือผงเกลือครับ แก้มกับผักดองและไชเท้าขูดปรุงรส
ชิ้นถัดมาเป็นหอยอะไรอีกซักอย่างที่ผมจำชื่อไม่ได้อีกแล้ว ไม่คาว สดหวานเช่นเคยครับ ปกติไม่ชอบทานหอยแต่จานนี้ทานได้สบาย
ต่อมาเป็นเป็นถั่วแระญี่ปุ่นครับ หวานกรอบอร่อยทีเดียว
อยากให้สังเกตการจัดวางครับ อย่างจานนี้ทอดเสร็จจะเป็นชิ้นยาว
เชฟจะนำมาวางที่กระดาษ หั่นครึ่งตรงหน้าเรา และจัดวางซ้อนกันอย่างนี้ครับ
ระหว่างนี้รู้สึกว่าจะมีกุ้งตามมาอีกชิ้น จากนั้นก็เป็นจานนี้ ผมชอบมากเลย
รากบัวหอมมาก สารภาพว่าไม่เคยกินรากบัวมาก่อน มันหอม หวานกรอบ รสชาติไม่เหมือนอะไรที่เคยทานมาเลย
แถมหน้าตาสวยมากด้วย
คือปลาไท่ทอดทั้งเกร็ด มหัศจรรย์ครับ เกร็ดกรอบไม่มีความแข็ง
ทานเข้าไปได้ทั้งชิ้นทั้งเกร็ด เนื้อปลาน่ะไม่ต้องพูดถึง หอมหวานมากอยู่แล้ว
ถัดมาจานนี้เป็นปลาไหลสอดไส้ด้วยเห็ด นี่ก็เด็ดอร่อยหวานเนื้อปลาไหลนุ่มๆ
กรุบๆกับเห็ดครับ
เชฟเอาปลาไหลมาโชว์ให้เราดูว่า เธอกำลังกินเจ้านี่อยู่นะ
ผักมาคั่นระหว่างชิ้นเนื้อ อันนี้คือ Asparagus ครับ หวานกรอบไม่เหม็นเขียวเช่นเคย
จานนี้สวยงามมากครับการจัดวาง เป็นปลาหวานนะครับ เชฟว่ามันคือ sweet fish ผมก็แปลตรงตัวเลย
มา 2 ตัว จัดวางเหมือนกำลังแหวกว่ายอยู่ในน้ำ
จานนี้รสจะขมๆนิดหน่อย แต่กินแกล้มกับไชเท้าก็เข้ากันได้ดีครับ
ผมละทึ่งกับการจัดวางและ idea ของเชฟจริงๆ
ข้าวโพดอ่อนจานนี้ก็ทั่วไปครับไม่มีอะไรพิเศษ
แต่การชูรสด้วยเกลือแล้วน้ำมะนาวคั้นสดนั้นช่วยขับรสชาติความหวานของอาหารให้เด่นได้มากขึ้นมากๆครับ
จานนี้ผมไม่แน่ใจจริงๆว่าคืออะไร
ใครทราบช่วยบอกด้วยครับ คิดว่าน่าจะเป็นถั่วซักอย่าง
ดูการจัดวางตกแต่งมาสิ ศิลปะมากๆ
มาจบด้วยชิ้นนี้เป็นชิ้นสุดท้ายของ Set Tempura ครับ
มันหวาน ชิ้นนี้จริงๆเชฟแนะนำให้จิ้มกับ บรั่นดีหรือวิสกี้ผมไม่แน่ใจ
แต่พอดีต้องเดินทางต่อเลยไม่อยากรับ alcohol
รสชาติก็มันๆหวานๆครับ
แต่ยังไม่จบแค่นั้น อาหารคาวจานสุดท้ายจริงๆคือเจ้านี่
และเป็นจานที่ผมประทับใจมากที่สุด
นั่นคือข้าวหน้ากุ้งสับเทมปุระ ราดด้วยชาเขียวร้อนๆ
ชามนี้รสชาติสุดๆครับ หอมชาเขียว ข้าวเรียงเม็ดสวย
ไม่เละ กุ้งสดหวาน รู้สึกว่าจานนี้เชฟจะโรยผงเกลือเหนือข้าวใต้กุ้งมาด้วยเล็กน้อย
ช่วยขับดันความหวานหอมของจานนี้ได้สมบูรณ์มากๆครับ ให้ 100 เต็ม 10 เลย
ล้างปากกันด้วยยยยยผลไม้เป็นการส่งท้ายจริงๆ
จำชื่อเอาไว้ Kyoboshi ครับ
โดยสรุปถือว่าเป็นอาหารมื้อที่คุ้มค่าอีกมื้อหนึ่งในญี่ปุ่น และเปิดประสบการณ์การกินเทมปุระแบบใหม่ด้วย เป็นอีกร้านที่แนะนำเลยครับ ราคาไม่โหดมาก บรรยากาศดี เชฟนิสัยดี พูดคุยกันได้ตลอด
ราคา Dinner course 10,500 yen ครับ
เพิ่มเติมพิกัด ตามรูปนะครับลองใช้ Google mapหาดูนะ 35.005139,135.775649(Hanamikoji Sueyoshicho Higashi iru, Gion, Higashiyama-ku, Kyoto)
ติดตามพูดคุยสอบถามข้อมูลกันได้ที่
https://m.facebook.com/Gonipponbydrjame
[CR] ร้านติดดาว(1) Kyoboshi tempura 2ดาวมิชลิน ณ เกียวโต รสชาติเทมปุระที่ไม่เคยสัมผัส
สวัสดีเพื่อนๆห้องก้นครัวและห้องบลูครับ
วันนี้จะมารีวิวร้านเทมปุระที่ได้ 2 ดาวมิชลินในเกียวโต ที่มีโอกาสได้ไปทานมา
ร้านนี้ชื่อร้าน Kyoboshi ครับ Kyoboshi เฉยๆนะครับ มันจะมีอีกร้านนึง ชื่อคล้ายๆกันคือ 7-chome Kyoboshi ร้านนั้นอยู่ในโตเกียว
สำหรับร้านนี้เพื่อนผมจองล่วงหน้าไว้ประมาณ 1 เดือนครึ่ง ตามสไตล์ร้านมิชลินที่ต้องจองยากๆที่นั่งน้อยๆ 6-10 ที่ ดังนั้นเค้าจะรับแต่ลูกค้าจองเท่านั้น
เพื่อนบอกว่าตั้งแต่กินเทมปุระในญี่ปุ่นมาร้านนี้อร่อยที่สุด
เลยบอกว่านี่คือร้านที่อร่อยที่สุดในโลกของเพื่อนผมกินแล้วต้องบอกว่า ไม่เกินไปเลยซักนิด
ขอเปิดตัวด้วยภาพรวม course นี้นะครับ
รวมทั้ง course น่าจะประมาณ 18-20 ชิ้นผมน่าจะตกบางชิ้นไป
ไปดูกันเลยครับ
นัดกันไว้เวลา 18.00 น. ที่ Kawaramachi station, Hankyo line subway ครับ
เพื่อนจองเวลาเอาไว้ 18.30 จะบอกว่าร้านหายากพอสมควรให้ผมไปตามหาเองคงไม่มีทางเจอ เดินกันอยู่ประมาณ 20 นาทีก็มาถึงครับ เป็นร้านเล็กๆอยู่ในตรอกซอกซอย
ร้านโล่งจังแฮะ มีแค่ผมกับเพื่อน 2 คน
บรรยากาศก็ตกแต่ง style ญี่ปุ่นครับ เรียบง่ายสวยงาม
โอก้าซังที่เห็นในรูปคือแม่ของคุณเชฟ
บรรยากาศภายในร้านกันต่อซักหน่อย
คุณเชฟจะมีผู้ช่วยสาวอยู่อีกคนนึงครับ
จริงๆเหมือนเธอจะอยู่เป็นเพื่อนคุยกับเรามากกว่า
ไม่ค่อยได้ช่วยอะไรเท่าไหร่
พอนั่งลงเรียบร้อยก็เริ่มเสริฟอุปกรณ์การรับประทานครับ
ประกอบด้วยตะเกียบ ผักดอง น้ำมะนาวคั้นสด ผงเกลือ แล้วก็ไชเท้าขูดปรุงรสด้วยผงเกลือและมะนาวครับ
ไชเท้าขูดปรุงรสด้วยผงเกลือและมะนาวครับ
มาดู Michelin guide ที่ตั้งอยู่หลังครัวครับ
นี่เลย 2 stars Michelin
จะช้าอยู่ใยจากนั้นเชฟก็เริ่มทอดครับ
เชฟชื่อ Toshinori Sakakibara ร้าน Kyoboshi นี้เปิดมาประมาณ 21 ปีแล้วครับ
เชฟพูดอังกฤษได้ดีและผู้ช่วยอีกคนก็พูดได้ดีครับ ไม่มีปัญหาการสื่อสารเลย
จากนั้นไม่นานจานแรกหรือชิ้นแรกก็ยกมาเสิร์ฟครับ
เชฟบอกว่านี่คือ Shrimp sandwish ลักษณะจากที่ทานจะเหมือนขนมปังหน้ากุ้ง
แต่มันก็ไม่ใช่ซะทีเดียวอะครับ บอกไม่ถูกแต่มีรสหวานและความหอมของกุ้ง
ไม่อมน้ำมัน
การเสริฟก็ง่ายๆทอดสดๆเสร็จแล้วก็วางบนกระดาษขาวบางที่ set รับประทานของเรา ชิ้นที่สองคือปลาไม่แน่ใจว่าคือปลาอะไร จัดแต่งมาอย่างสวยงาม เนื้อนุ่มลิ้นสดหวานมากครับ
ชิ้นที่ 3 อันนี้เป็นกระเจี๊ยบครับ
รสหวานๆไม่มีกลิ่นเหม็นเขียว
อยากให้สังเกตดูแป้ง เทมปุระทุกจานแป้งจะบางมาก กรอบกรุบ ต่างกับเทมปุระที่เคยกินมาทั้งหมด สวรรค์
ต่อมาก็เป็นกุ้งเด้งๆสดๆหวานๆ ทอดมาสุกกำลังดีเนื้อกุ้งไม่กระด้าง แป้งกรอบมาก
เท่าที่จำได้เหมือนกุ้งจานนี้จะเสิร์ฟวน 3 ครั้งนะครับ คั่นระหว่างจานอื่นๆ
คั่นตัดความเลี่ยนด้วยพริกหวานครับ
ไม่เผ็ดแต่มีกลิ่นพริกขึ้นจมูก ช่วยแก้เลี่ยนน้ำมันได้ดี
วิธีการรับประทานเทมปุระแต่ละชิ้นคือให้จิ้มกับน้ำมะนาวคั้นสด หรือผงเกลือครับ แก้มกับผักดองและไชเท้าขูดปรุงรส
ชิ้นถัดมาเป็นหอยอะไรอีกซักอย่างที่ผมจำชื่อไม่ได้อีกแล้ว ไม่คาว สดหวานเช่นเคยครับ ปกติไม่ชอบทานหอยแต่จานนี้ทานได้สบาย
ต่อมาเป็นเป็นถั่วแระญี่ปุ่นครับ หวานกรอบอร่อยทีเดียว
อยากให้สังเกตการจัดวางครับ อย่างจานนี้ทอดเสร็จจะเป็นชิ้นยาว
เชฟจะนำมาวางที่กระดาษ หั่นครึ่งตรงหน้าเรา และจัดวางซ้อนกันอย่างนี้ครับ
ระหว่างนี้รู้สึกว่าจะมีกุ้งตามมาอีกชิ้น จากนั้นก็เป็นจานนี้ ผมชอบมากเลย
รากบัวหอมมาก สารภาพว่าไม่เคยกินรากบัวมาก่อน มันหอม หวานกรอบ รสชาติไม่เหมือนอะไรที่เคยทานมาเลย
แถมหน้าตาสวยมากด้วย
คือปลาไท่ทอดทั้งเกร็ด มหัศจรรย์ครับ เกร็ดกรอบไม่มีความแข็ง
ทานเข้าไปได้ทั้งชิ้นทั้งเกร็ด เนื้อปลาน่ะไม่ต้องพูดถึง หอมหวานมากอยู่แล้ว
ถัดมาจานนี้เป็นปลาไหลสอดไส้ด้วยเห็ด นี่ก็เด็ดอร่อยหวานเนื้อปลาไหลนุ่มๆ
กรุบๆกับเห็ดครับ
เชฟเอาปลาไหลมาโชว์ให้เราดูว่า เธอกำลังกินเจ้านี่อยู่นะ
ผักมาคั่นระหว่างชิ้นเนื้อ อันนี้คือ Asparagus ครับ หวานกรอบไม่เหม็นเขียวเช่นเคย
จานนี้สวยงามมากครับการจัดวาง เป็นปลาหวานนะครับ เชฟว่ามันคือ sweet fish ผมก็แปลตรงตัวเลย
มา 2 ตัว จัดวางเหมือนกำลังแหวกว่ายอยู่ในน้ำ
จานนี้รสจะขมๆนิดหน่อย แต่กินแกล้มกับไชเท้าก็เข้ากันได้ดีครับ
ผมละทึ่งกับการจัดวางและ idea ของเชฟจริงๆ
ข้าวโพดอ่อนจานนี้ก็ทั่วไปครับไม่มีอะไรพิเศษ
แต่การชูรสด้วยเกลือแล้วน้ำมะนาวคั้นสดนั้นช่วยขับรสชาติความหวานของอาหารให้เด่นได้มากขึ้นมากๆครับ
จานนี้ผมไม่แน่ใจจริงๆว่าคืออะไร
ใครทราบช่วยบอกด้วยครับ คิดว่าน่าจะเป็นถั่วซักอย่าง
ดูการจัดวางตกแต่งมาสิ ศิลปะมากๆ
มาจบด้วยชิ้นนี้เป็นชิ้นสุดท้ายของ Set Tempura ครับ
มันหวาน ชิ้นนี้จริงๆเชฟแนะนำให้จิ้มกับ บรั่นดีหรือวิสกี้ผมไม่แน่ใจ
แต่พอดีต้องเดินทางต่อเลยไม่อยากรับ alcohol
รสชาติก็มันๆหวานๆครับ
แต่ยังไม่จบแค่นั้น อาหารคาวจานสุดท้ายจริงๆคือเจ้านี่
และเป็นจานที่ผมประทับใจมากที่สุด
นั่นคือข้าวหน้ากุ้งสับเทมปุระ ราดด้วยชาเขียวร้อนๆ
ชามนี้รสชาติสุดๆครับ หอมชาเขียว ข้าวเรียงเม็ดสวย
ไม่เละ กุ้งสดหวาน รู้สึกว่าจานนี้เชฟจะโรยผงเกลือเหนือข้าวใต้กุ้งมาด้วยเล็กน้อย
ช่วยขับดันความหวานหอมของจานนี้ได้สมบูรณ์มากๆครับ ให้ 100 เต็ม 10 เลย
ล้างปากกันด้วยยยยยผลไม้เป็นการส่งท้ายจริงๆ
จำชื่อเอาไว้ Kyoboshi ครับ
โดยสรุปถือว่าเป็นอาหารมื้อที่คุ้มค่าอีกมื้อหนึ่งในญี่ปุ่น และเปิดประสบการณ์การกินเทมปุระแบบใหม่ด้วย เป็นอีกร้านที่แนะนำเลยครับ ราคาไม่โหดมาก บรรยากาศดี เชฟนิสัยดี พูดคุยกันได้ตลอด
ราคา Dinner course 10,500 yen ครับ
เพิ่มเติมพิกัด ตามรูปนะครับลองใช้ Google mapหาดูนะ 35.005139,135.775649(Hanamikoji Sueyoshicho Higashi iru, Gion, Higashiyama-ku, Kyoto)
ติดตามพูดคุยสอบถามข้อมูลกันได้ที่
https://m.facebook.com/Gonipponbydrjame