คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 13
กว่าจะ เป็น 3-4 ใน 30 คนได้ ก็คงจะเริ่มต้นด้วยต้นทุนที่พร้อมๆ กับคนอื่นนั่นล่ะ
3-4 คนกว่าเค้าจะเป็นยอดพิระมิดได้ ไม่ใช่อยู่ดีๆ ก็เป็น ให้ราคากับพวกเค้าน่ะถูกแล้ว ยอดพิระมิดใช่จะหาง่ายๆ
3-4 คนกว่าเค้าจะเป็นยอดพิระมิดได้ ไม่ใช่อยู่ดีๆ ก็เป็น ให้ราคากับพวกเค้าน่ะถูกแล้ว ยอดพิระมิดใช่จะหาง่ายๆ
▼ กำลังโหลดข้อมูล... ▼
แสดงความคิดเห็น
คุณสามารถแสดงความคิดเห็นกับกระทู้นี้ได้ด้วยการเข้าสู่ระบบ
ผิดไหมถ้าเราจะดูแล พนักงานที่เก่ง ให้ดีกว่า พนักงานที่ขยัน ...?
ปีนึงๆ บริษัทจะเลือกโปรโมท หรือขึ้นเงินเดือนแบบเยอะๆ พิเศษๆ ให้กับพนักงาน แค่ประมาณ 2-3 คนจาก 100 คนเท่านั้น (ผมทำงานในองค์กรใหญ่ พนักงานทั้งหมดประมาณ 4พันกว่าคน)
ตอนนี้ ออกมาทำธุรกิจเอง มีลูกน้องอยู่ประมาณ 30 คน ทำมาแล้ว 2 ปี ถึงเพิ่งเข้าใจ ครับ
พนักงานสำคัญๆ ที่รู้ขั้นตอนการทำงานในส่วนต่างๆ เป็นอย่างดี จะมีประมาณ 3-4 คน
ซึ่งกลุ่มนี้ ผมจะดูแลพวกเค้าเป็นพิเศษครับ มีเบี้ยพิเศษ และสวัสดิการที่ดีกว่า ยอมให้งองแงกับผมได้ประมาณนึง
ที่ผมยอม ก็เพื่อ อยากรักษาคนกลุ่มนี้ไว้ ไม่อยากจะเสียพวกเค้าไป เพราะจะส่งผลต่อธุรกิจผมเยอะครับ
ส่วนอีกกลุ่ม ที่ตั้งใจทำงานตามคำสั่ง งกๆๆ ขยัน ถึก มาเช้า หรือพวก ทำเช้าชามเย็นชาม สำหรับกลุ่มนี้ ผมเพิ่งเข้าใจในมุมขององค์กรที่ผมเคยทำอยู่ ว่ากลุ่มนี้ เราสามารถหาทดแทนได้ง่ายครับ (คือกลุ่มนี้ มีทั้งคนขยันและคนขี้เกียจ แต่ว่าจะรู้เฉพาะงานที่ตัวเองทำเท่านั้น ไม่สนใจอย่างอื่น ไม่รอบรู้)
ดังนั้นเมื่อก่อน องค์กรที่ผมเคยทำงานก็จะ ให้เงินเดือนคนกลุ่มนี้ แบบพอกินพอใช้ แบบเดือนชนเดือน เท่านั้น ไม่ขึ้นให้เยอะๆ แบบกลุ่มแรก โดยกลุ่มหลัง ต่อให้งอแง บริษัทก็ไม่ง้ออยู่แล้ว เพราะหาทดแทนได้ง่าย ไม่เหมือนกลุ่มแรก
มาวันนี้ พอทำธุรกิจ เลยเข้าใจดีเลยครับ
ว่าทำไม องค์กรใหญ่ ถึงมีเรื่อง การเมือง มีลูกรักลูกชัง มีปลาใหญ่กินปลาเล็ก
ทั้งนี้ มันก็คงอยู่ที่ว่า เรายืนอยู่ในจุดไหน เราก็ต้องปรับตัวต่อสถานะ ณ จุดนั้น ให้ดีที่สุดครับ
...