เผื่อบางคนอาจจะเข้าใจคลาดเคลื่อนไป
"หนังสยองขวัญ" ≠ "หนังระทึกขวัญ" แตกต่างกันอย่างไร...
หนัง
"สยอง"ขวัญ (Horror film) เป็นภาพยนตร์ที่มุ่งเน้นทำให้ผู้ชมรู้สึกหวาดกลัว,
เสียวไส้ และรู้สึกสยองขวัญ ภาพยนตร์เหล่านี้มักใช้วิธีการสร้างฉากที่ทำให้ตกใจ ด้วยการใช้สิ่ง
ที่เกี่ยวข้องกับความตายหรือสิ่งที่เหนือธรรมชาติ จึงมักมีความคาบเกี่ยวกันกับความเป็นแฟนตาซี
กับนิยายวิทยาศาสตร์ ความน่ากลัวเหล่านี้ยังใช้สิ่งกระตุ้นเช่นดนตรีสร้างความตื่นเต้นกระตุกอารมณ์
ภาพยนตร์สยองขวัญมักเป็นสิ่งที่เกี่ยวข้องกับฝันร้ายของผู้ชม, ความหวาดกลัว
ที่ซ่อนอยู่, ความเกลียด และความกลัวของสิ่งที่ไม่รู้จัก แม้ว่าการจัดการกับสิ่งเหล่านี้
จะทำด้วยสิ่งที่เหนือธรรมชาติในท้องเรื่อง หากเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับการเจ็บป่วย, ฆาตกร
ต่อเนื่อง, โรคระบาด และลัทธิเหนือจริง ก็อาจนิยามกับสิ่งเหล่านี้ว่าความสยองขวัญได้เช่นกัน
หนัง
"ระทึก"ขวัญ (Thriller film) เป็นภาพยนตร์ที่เน้นนำเสนอความตื่นเต้น
ของเรื่องราวโดยการผูกเรื่องราวให้เป็นปมปริศนา ให้ผู้ชมติดตามกันตลอดทั้งเรื่องโดยไม่จำเป็น
จะต้องเป็นเรื่องราวเหนือธรรมชาติก็ได้ หนังจะพยายามทำให้ผู้ชมรู้สึกกดดัน และลุ้นไปกับการกระทำ
ของตัวละครจนมีการเฉลยปมในท้ายเรื่องหรืออาจจะไม่เฉลย บางครั้งอาจจะมีตอนจบแบบหักมุมก็ได้
แต่ก็มีความเป็นไปได้ที่หนังสยองขวัญจะทำให้เป็นหนังสยองขวัญ+ระทึกขวัญก็ได้เหมือกันครับ.
ฝากไว้สักนิด : อันนี้ผมเคยลงไว้นานแล้ว...
>>> [Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้หนังดี
****************************
หนังดีคือหนังที่เราชอบ
แต่หนังที่เราไม่ชอบไม่ได้แปลว่ามันไม่ดี
หนังที่น่าเบื่ออาจจะดี
เพราะมันบอกเล่าสิ่งดีๆ ผ่านความน่าเบื่อ
หนังสนุกอาจจะไร้สาระ
แต่ความไร้สาระบางทีก็ดี ในวันที่เราอยากหัวเราะ
หนังที่ไร้สาระอาจจะห่วยมาก
ในวันที่เราหัวเราะมามากพอแล้ว
หนังไม่ดีสำหรับเราวันนี้ อาจกลายเป็นหนังดี
เมื่อเราหยิบมันขึ้นมาดูอีกครั้งในอนาคต
หนังดีวันนี้ พอถึงหลายปีข้างหน้าอาจกลายเป็นหนังธรรมดา
จนเรางงว่า ทำไมตอนนั้นถึงกรี๊ดกร๊าดมันนัก
กระนั้นก็ไม่ใช่ว่ามันไม่ดี
มันก็ดีจริงๆ นั่นแหละ สำหรับเราในช่วงเวลานั้น
หนังบางเรื่องไม่ได้ดี แต่มันสร้างบรรยากาศดีๆ ระหว่างดู
เพราะเราไม่ได้อยากดู แต่คนที่นั่งข้างๆ อยากดู เราเลยไปดูด้วย
ไม่ว่าจะเป็นลูก หลาน หรือคนรัก
เวลาดูหนังแล้วชอบมันก็คือหนังดีของเรา
ไม่เห็นต้องรอการคอนเฟิร์มจากใครที่ไหน
เช่นกันกับที่ไม่เห็นต้องไปพยายามบังคับใคร
ให้เห็นว่ามันดีเหมือนที่เราคิด
การถกเถียงกันว่าหนังดี-ไม่ดี
จะสนุกเมื่อไม่ต้องมีข้อสรุปสุดท้ายว่ามันดีหรือไม่
สิ่งสำคัญคือการได้ฟังว่า
ทำไมอีกฝ่ายคิดว่ามันดีหรือไม่ดี
หนังดีหรือไม่ มีหลายองค์ประกอบ
อารมณ์ในวันนั้น กำลังหิว คืนก่อนนอนดึก เจ้านายด่า
เพิ่งอกหักมา รถติด ฝนตก อยากชกหน้าคน
นอกจากนั้นยังเกี่ยวกับวัน,วัยและประสบการณ์
โชกโชน หน่อมแน้ม วัยใส วัยชรา
เห็นว่าโลกคือสนามเด็กเล่นหรือเห็นมันเป็นทะเลคลั่ง
เราสามารถเรียนรู้ผ่านการถกเถียง
มันอาจทำให้เราเห็นหนังเรื่องนั้นในแง่มุมอื่นมากขึ้น
จากที่เคยเห็นแต่ส่วนดีอาจจะเห็นส่วนห่วย
จากที่เคยเห็นแต่ส่วนห่วยอาจจะเห็นส่วนดีขึ้นมาบ้าง
ที่มากกว่าได้เห็นหนังเรื่องนั้น
เรายังได้เห็นแง่มุมของคนที่เราเถียงด้วย
ว่าเพราะอะไรเขาจึงชอบ-ไม่ชอบ
ข้างในใจลึกๆ ของเขากำลังอยู่ในสถานการณ์ไหน
เขาผ่านอะไรมาบ้าง
เอาชนะกันว่าหนังเรื่องนี้ดี หนังเรื่องนี้ห่วย
ไม่ได้ให้อะไร นอกจากคำตอบที่แท้จริงแล้ว "ขึ้นอยู่กับใคร"
หนังดีก็คือหนังที่เราชอบ
แต่เราอาจจะเลิกชอบมันก็ได้
หรืออาจจะยิ่งชอบมันมากขึ้นอีกก็ได้
และเราก็อาจจะหันกลับไปชอบหนังที่เคยมองว่าไม่ดีก็ได้เช่นกัน
หนังไม่ได้เปลี่ยน เราต่างหากที่เปลี่ยน
คำตอบว่าดีหรือห่วย ขึ้นอยู่กับประสบการณ์ชีวิตของเรา
การยึดตัวเองไว้กับความดีของหนัง ความชอบในหนังเรื่องนั้น
อาจบดบังความจริงเรื่องความเปลี่ยนแปลง
และการเปลี่ยนใจไปตามสถานการณ์ของชีวิต
หลายครั้งที่ "ความดี" เป็นเพียงเรื่องชั่วคราว
ถึงที่สุดแล้ว เราอาจไม่กล้าบอกก็ได้ว่าหนังเรื่องไหน "ดี"
เมื่อได้พูดคุยผู้คนมามากพอ
เราอาจแค่บอกว่า "ชอบ" หนังเรื่องนี้
ขณะเดียวกันก็เผื่อใจไว้ด้วยว่า
ความชอบที่ว่าอาจเปลี่ยนแปลงเมื่อเวลาผ่านไป
แล้วเราจะไม่ปกป้องความดีของหนังเรื่องนั้นราวกับปกป้องตัวเอง
หรือเราจะไม่โจมตีหนังเรื่องไหนราวกับจะฆ่าแกงศัตรู
เราแค่แชร์ความรู้สึกกับเพื่อนๆ ว่า
ฉันชอบมันเพราะอย่างนี้อย่างนั้น
และรับฟังว่าเธอไม่ชอบมันเพราะตรงไหน ยังไง
สุดท้ายเราอาจจะคล้อยตามหรือไม่คล้อยตาม
แต่สิ่งที่หายไปคือ คำตัดสินสุดท้าย คำตอบที่ตายตัว
ที่เราเคยคิดว่ามีอยู่จริง
เหลือเพียงคนสองคนที่นั่งคุยกันว่า
ชอบอะไร ไม่ชอบอะไร
เมื่อคุยกันไปเรื่อยๆ คนสองคนนั้นอาจพบว่า
มีหนังบางเรื่องที่เราชอบเหมือนกัน
และก็ไม่แปลกที่เราจะชอบเหมือนกันบ้าง ไม่เหมือนกันบ้าง
เราก็ทั้งต่างและเหมือน
ถึงตอนนั้น หนังดีหรือไม่ดีก็ไม่ใช่เรื่องสำคัญ
สิ่งสำคัญคือ บรรยากาศที่ดีในการคุยกันเรื่องหนัง
และเรื่องอื่นๆ ในชีวิต.
"Roundfinger" /นักเขียน
(ข้อมูลจาก WikiPedia,filmsoon.com) /ขอบคุณครับ
เผื่อบางคนอาจจะเข้าใจคลาดเคลื่อนไปครับ
เผื่อบางคนอาจจะเข้าใจคลาดเคลื่อนไป
"หนังสยองขวัญ" ≠ "หนังระทึกขวัญ" แตกต่างกันอย่างไร...
หนัง"สยอง"ขวัญ (Horror film) เป็นภาพยนตร์ที่มุ่งเน้นทำให้ผู้ชมรู้สึกหวาดกลัว,
เสียวไส้ และรู้สึกสยองขวัญ ภาพยนตร์เหล่านี้มักใช้วิธีการสร้างฉากที่ทำให้ตกใจ ด้วยการใช้สิ่ง
ที่เกี่ยวข้องกับความตายหรือสิ่งที่เหนือธรรมชาติ จึงมักมีความคาบเกี่ยวกันกับความเป็นแฟนตาซี
กับนิยายวิทยาศาสตร์ ความน่ากลัวเหล่านี้ยังใช้สิ่งกระตุ้นเช่นดนตรีสร้างความตื่นเต้นกระตุกอารมณ์
ภาพยนตร์สยองขวัญมักเป็นสิ่งที่เกี่ยวข้องกับฝันร้ายของผู้ชม, ความหวาดกลัว
ที่ซ่อนอยู่, ความเกลียด และความกลัวของสิ่งที่ไม่รู้จัก แม้ว่าการจัดการกับสิ่งเหล่านี้
จะทำด้วยสิ่งที่เหนือธรรมชาติในท้องเรื่อง หากเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับการเจ็บป่วย, ฆาตกร
ต่อเนื่อง, โรคระบาด และลัทธิเหนือจริง ก็อาจนิยามกับสิ่งเหล่านี้ว่าความสยองขวัญได้เช่นกัน
หนัง"ระทึก"ขวัญ (Thriller film) เป็นภาพยนตร์ที่เน้นนำเสนอความตื่นเต้น
ของเรื่องราวโดยการผูกเรื่องราวให้เป็นปมปริศนา ให้ผู้ชมติดตามกันตลอดทั้งเรื่องโดยไม่จำเป็น
จะต้องเป็นเรื่องราวเหนือธรรมชาติก็ได้ หนังจะพยายามทำให้ผู้ชมรู้สึกกดดัน และลุ้นไปกับการกระทำ
ของตัวละครจนมีการเฉลยปมในท้ายเรื่องหรืออาจจะไม่เฉลย บางครั้งอาจจะมีตอนจบแบบหักมุมก็ได้
แต่ก็มีความเป็นไปได้ที่หนังสยองขวัญจะทำให้เป็นหนังสยองขวัญ+ระทึกขวัญก็ได้เหมือกันครับ.
ฝากไว้สักนิด : อันนี้ผมเคยลงไว้นานแล้ว...>>> [Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
(ข้อมูลจาก WikiPedia,filmsoon.com) /ขอบคุณครับ