สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 45
ต่อค่ะ .....
พอแม่เค้ารู้เรื่องว่าเค้ากลับมาหาเราและจะมาช่วยค่าเลี้ยงดูลูก เค้าบอกว่าแม่เค้าไม่ยอมค่ะ จะให้ตรวจดีเอ็นเอ เราก็บอกว่าโอเค เราพร้อมอยู่แล้ว เพราะเราบริสุทธิ์ใจ แต่ก็ต้องมีข้อแม้ค่ะ ต้องไปลงบันทึกประจำวันที่สถานีตำรวจกับเรา เพราะถ้าผลออกมาเป็นลูกเค้า เรามีสิทธิ์เรียกร้องเต็มที่ค่ะ เราจะเรียกค่าเสียหายและค่าเลี้ยงดูลูกเป็นเท่าตัวค่ะ เพราะเราเป็นลูกผู้หญิง แค่ทำเราท้องแล้วไม่มารับผิดชอบ ไม่มาจัดงานแต่งให้ กว่าเราจะผ่านจุดนั้นมาได้เราก็อับอายมากพอแล้ว นี่มาขอเราตรวจดีเอ็นเอ เรายอมค่ะ แต่มันก็เป็นการดูถูกเราเหมือนกัน เพราะฉะนั้นคุณก็ต้องยอมเสียในสิ่งที่เราเรียกร้องเหมือนกัน
แล้วอีกวันนึงเราก็นัดเค้าเข้ามาคุยรายละเอียดค่ะ วันนั้นเค้าเข้ามาพร้อมกับพ่อเค้าและน้าสาวค่ะ(น้องสาวแม่ เพราะแม่ไม่เข้ามาส่งน้องสาวตัวเองมาแทน) รู้มั๊ยคะ น้าสาวเค้าพูดกับเราว่าอะไร เค้าบอกว่า จะพาลูกเราไปตรวจโรงพยาบาลเอกชน ไม่ให้มีการยื่นเรื่องถึงตำรวจ เราเลยบอกว่า อ้าว งี้คุณก็พร้อมจะหักหลังเราตลอดเวลาได้เลยหน่ะสิ เค้าพูดว่าไรรู้มั๊ยคะ เค้าบอกว่า เราไม่มีสิทธิ์จะเรียกร้องค่ะ เค้าจะให้เท่าที่เค้าอยากให้(นี่ ครอบครัวฉันไม่ใช่ขอทานนะยะ) เค้ามาเพราะสงสารเด็กตาดำๆค่ะ เราโมโหมาก เราพูดว่าไม่ต้องมาสงสาร เลี้ยงเองได้ลูกคนเดียว แล้วหลานคุณก็กลับมาหาเราเอง เรียกร้องอยากดูแลลูกเอง เราไม่เคยไปยุ่งกับครอบครัวคุณเลยตั้งแต่เราท้องจนคลอด เราสนใจกันแต่ว่า ต้องเก็บเงินคลอดลูก ต้องเลี้ยงลูกยังไงดี จะส่งลูกเข้าเรียนโรงเรียนไหนดี ทุกๆวันเราคิดแต่เรื่องลูก เราไม่เคยคิดเลยว่าเราจะไปเรียกร้องให้พวกคุณมารับผิดชอบ ไม่เคยคิดเลยว่าจะเรียกร้องอะไรจากพวกคุณ แต่อยู่ดีๆพวกคุณก็กลับมาทำให้ครอบครัวเราวุ่นวายอีก พวกคุณต้องการอะไรกันแน่ ถ้าคิดจะมาเอาเปรียบเรา ก็พากันกลับไปซะเถอะ แล้วขอร้องว่าอย่ากลับมายุ่งกับครอบครัวเราอีก พูดจบแล้วน้าสาวเค้าก็มองหน้าเราค่ะ แล้วเค้าก็หันไปเรียกแฟนกับพ่อแฟนกลับค่ะ
และหลังจากนั้นเราก็กลับมาใช้ชีวิตตามวิถีของเราเหมือนเดิมค่ะ แต่ทุกวันนี้ยังเจ็บค่ะ ไม่ได้เจ็บที่เค้าไม่กลับมา แต่เจ็บใจที่ให้โอกาสคนแบบนี้ค่ะ ทั้งที่เค้าทำให้เจ็บมาแบบสุดๆแล้วครั้งนึง แต่ก็ไม่วายต้องมาเจ็บใจเพราะคนเห็นแก่ตัวอีก
"เจ็บครั้งแรกคือความเลวของเขา แต่ถ้ายังมีครั้งที่2 มันคือความโง่ของเรา"
พอแม่เค้ารู้เรื่องว่าเค้ากลับมาหาเราและจะมาช่วยค่าเลี้ยงดูลูก เค้าบอกว่าแม่เค้าไม่ยอมค่ะ จะให้ตรวจดีเอ็นเอ เราก็บอกว่าโอเค เราพร้อมอยู่แล้ว เพราะเราบริสุทธิ์ใจ แต่ก็ต้องมีข้อแม้ค่ะ ต้องไปลงบันทึกประจำวันที่สถานีตำรวจกับเรา เพราะถ้าผลออกมาเป็นลูกเค้า เรามีสิทธิ์เรียกร้องเต็มที่ค่ะ เราจะเรียกค่าเสียหายและค่าเลี้ยงดูลูกเป็นเท่าตัวค่ะ เพราะเราเป็นลูกผู้หญิง แค่ทำเราท้องแล้วไม่มารับผิดชอบ ไม่มาจัดงานแต่งให้ กว่าเราจะผ่านจุดนั้นมาได้เราก็อับอายมากพอแล้ว นี่มาขอเราตรวจดีเอ็นเอ เรายอมค่ะ แต่มันก็เป็นการดูถูกเราเหมือนกัน เพราะฉะนั้นคุณก็ต้องยอมเสียในสิ่งที่เราเรียกร้องเหมือนกัน
แล้วอีกวันนึงเราก็นัดเค้าเข้ามาคุยรายละเอียดค่ะ วันนั้นเค้าเข้ามาพร้อมกับพ่อเค้าและน้าสาวค่ะ(น้องสาวแม่ เพราะแม่ไม่เข้ามาส่งน้องสาวตัวเองมาแทน) รู้มั๊ยคะ น้าสาวเค้าพูดกับเราว่าอะไร เค้าบอกว่า จะพาลูกเราไปตรวจโรงพยาบาลเอกชน ไม่ให้มีการยื่นเรื่องถึงตำรวจ เราเลยบอกว่า อ้าว งี้คุณก็พร้อมจะหักหลังเราตลอดเวลาได้เลยหน่ะสิ เค้าพูดว่าไรรู้มั๊ยคะ เค้าบอกว่า เราไม่มีสิทธิ์จะเรียกร้องค่ะ เค้าจะให้เท่าที่เค้าอยากให้(นี่ ครอบครัวฉันไม่ใช่ขอทานนะยะ) เค้ามาเพราะสงสารเด็กตาดำๆค่ะ เราโมโหมาก เราพูดว่าไม่ต้องมาสงสาร เลี้ยงเองได้ลูกคนเดียว แล้วหลานคุณก็กลับมาหาเราเอง เรียกร้องอยากดูแลลูกเอง เราไม่เคยไปยุ่งกับครอบครัวคุณเลยตั้งแต่เราท้องจนคลอด เราสนใจกันแต่ว่า ต้องเก็บเงินคลอดลูก ต้องเลี้ยงลูกยังไงดี จะส่งลูกเข้าเรียนโรงเรียนไหนดี ทุกๆวันเราคิดแต่เรื่องลูก เราไม่เคยคิดเลยว่าเราจะไปเรียกร้องให้พวกคุณมารับผิดชอบ ไม่เคยคิดเลยว่าจะเรียกร้องอะไรจากพวกคุณ แต่อยู่ดีๆพวกคุณก็กลับมาทำให้ครอบครัวเราวุ่นวายอีก พวกคุณต้องการอะไรกันแน่ ถ้าคิดจะมาเอาเปรียบเรา ก็พากันกลับไปซะเถอะ แล้วขอร้องว่าอย่ากลับมายุ่งกับครอบครัวเราอีก พูดจบแล้วน้าสาวเค้าก็มองหน้าเราค่ะ แล้วเค้าก็หันไปเรียกแฟนกับพ่อแฟนกลับค่ะ
และหลังจากนั้นเราก็กลับมาใช้ชีวิตตามวิถีของเราเหมือนเดิมค่ะ แต่ทุกวันนี้ยังเจ็บค่ะ ไม่ได้เจ็บที่เค้าไม่กลับมา แต่เจ็บใจที่ให้โอกาสคนแบบนี้ค่ะ ทั้งที่เค้าทำให้เจ็บมาแบบสุดๆแล้วครั้งนึง แต่ก็ไม่วายต้องมาเจ็บใจเพราะคนเห็นแก่ตัวอีก
"เจ็บครั้งแรกคือความเลวของเขา แต่ถ้ายังมีครั้งที่2 มันคือความโง่ของเรา"
แสดงความคิดเห็น
แชร์ประสบการณ์อันเลยร้าย ที่ผู้หญิงแกร่งทุกคนจะต้องผ่านมันไปให้ได้
ทีนี้ทุกอย่างมันก็เป็นเรื่องของครอบครัวเราแล้วค่ะว่าจะทำอย่างไรกันต่อไป เรากับครอบครัวตัดสินใจว่า เราจะเก็บลูกไว้ค่ะ ไม่ได้แต่งงานไม่เป็นไร เพราะอย่างไรนี่ก็ลูกเรา หลานตาหลานยาย อับอายชาวบ้านที่ลูกสาวท้องไม่มีพ่อก็ต้องยอมทน เพราะจะให้เราฆ่าชีวิตบริสุทธิ์คนนึงที่เป็นเลือดเราด้วยซ้ำก็คงจะทำไม่ลง เราใช้ชีวิตแบบนั้นมาทั้งหมด9เดือนเต็ม ตลอดเวลา9เดือนเรามีแต่ความโกรธแค้นค่ะ ยอมรับ เรานั่งนับวันรอวันที่ลูกจะคลอดเพื่อจะพาลูกไปตรวจดีเอ็นเอ เราจะลบคำดูถูกคนพวกนั้นให้ได้ เราโกรธ เราเกลียด เราอยู่ในอารมณ์นี่มาตลอด(ซึ่งไม่ดีเลย เพราะมีผลกับเด็กในท้องค่ะ)
แต่พอถึงวันที่ลูกเราคลอด พอเราเห็นหน้าลูกปุ๊บ ทุกๆอย่างที่เคยตั้งใจไว้ว่าจะทำแบบนู้น จะทำแบบนี้ จะพาลูกไปตรวจดีเอ็นเอ จะพาลูกไปเรียกร้องความเป็นธรรมมันหายไปหมด ตอนนั้นคิดเพียงแต่ว่า จะทำอย่างไรให้ลูกสบาย จะเลี้ยงลูกอย่างไรให้ลูกโตขึ้นมาเป็นคนดี มองหน้าลูกด้วยความรู้สึกปลื้มปิติและยินดีมากค่ะ เรารู้สึกว่าเราโชคดีที่ไม่ได้คิดฆ่าเค้าในตอนแรก วินาทีนั้นลูกเป็นเหมือนของขวัญ หลังจากนั้นอีกแค่เดือนครึ่งเราก็ออกมาหางานทำเลยค่ะ เพราะไม่อยากเป็นภาระของคุณพ่อคุณแม่ เพราะบ้านเราก็ไม่ได้ร่ำรวยเงินทองถึงขนาดเหลือกินเหลือใช้ ปล่อยให้แต่คุณพ่อคุณแม่หามาให้เราให้ลูกเรามันก็ไม่ใช่ ทุกวันนี้เป็นซิงเกิ้ลมัมค่ะ ลูกชายอายุ8เดือนแล้ว เป็นเด็กน่ารักมากค่ะ ทุกครั้งที่เหนื่อยจากการทำงาน รอยยิ้มของลูกจะช่วยให้หายเหนื่อย
ที่มาแชร์ประสบการณ์วันนี้ก็คืออยากให้กำลังใจคุณแม่มือใหม่หรือคุณแม่เลี้ยงเดี่ยว หรือกับคนที่กำลังเผชิญปัญหาเดียวกับเราค่ะ สู้ต่อไปนะคะ ไม่มีอะไรจะทำร้ายเราได้นอกจากใจเราเอง เรามั่นใจว่าผู้หญิงเป็นเพศที่แข็งแกร่งกว่าผู้ชายเสียอีก อย่าเพิ่งท้อค่ะ ยังมีหลายคนที่เจอปัญหาหนักกว่าเราแต่เค้าก็ผ่านมันมาได้ "ลูกคือของขวัญที่มีค่านะคะคุณแม่"