สวัสดีทุกๆคนนะครับ
วันนี้อยากจะเข้ามารีวิว สกินแคร์ตัวนึงที่เพิ่งออกมาใหม่ได้ไม่นานนั่นก็คือBiotherm Blue Therapy-Serum-Oil
ซึ่งทางแบรนด์ได้มีกิจกรรมให้แฟนเพจสมัครกันเข้าไปร่วมสนุกเพื่อลุ้นผลิตภัณฑ์ใหม่ล่าสุดนี้ไปรีวิวกันได้เลย ในขนาดทดลอง ซึ่งทางBiothermก็ได้ส่งมาให้ทดลองใช้ถึง 15มล. ถือว่าเป็น50%ของไซส์จริงเลยทีเดียวเชียว จะได้ทดลองกันอย่างจุใจ ซึ่งตอนนี้ใช้มาเกือบสามอาทิตย์ก็ยังไม่หมดเลยครับ (นี่ขนาดหน้าใหญ่นะ) ^^
สำหรับรีวิวนี้แม้จะได้รับการสนับสนุนตัวผลิตภัณฑ์จากทางแบรนด์ แต่ก็ขอเรียนให้ทราบว่าผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นก็ป็นผลที่เกิดจากการใช้จริง ผมตั้งใจทำรีวิวชิ้นนี้ส่วนนึงก็เพราะอยากจะแบ่งปันประสบการณ์ที่ได้รับ ซึ่งก็อยากให้ใช้วิจารณญานในการรับชมนะครับ ผลลัพธ์ที่ได้อาจแตกต่างกันขึ้นอยู่กับสภาพผิวของแต่ละคน
มาถึงสภาพผิวของ จขกท นะครับ :
ปกติแล้วตัวผมเป็นคนหน้ามันมากๆครับ ทำงานที่ไม่เป็นเวลามีทั้งเข้าเช้ามากบางทีก็ดึกมากๆสลับๆกันไป ในช่วงที่ใช้ Biotherm Blue Therapy-Serum-Oil ก็เรียกได้ว่าปราบเซียนทีเดียวเนื่องจากผมต้องเช้าเวรดึก5-6วันต่อสัปดาห์ สภาพผิวช่วงนี้แย่มากจากการอดนอนกลางคืน (ถึงจะนอนหลับตอนกลางวัน แต่ก็ไม่เหมือนกันครับ เทียบกันไม่ได้จริงๆ)
รู้จักกับ Biotherm Blue Therapy-Serum-Oil
ผมเชื่อว่าหลายๆคนคงรู้จัก Biotherm กันอยู่แล้ว ตัวผมนั้นเมื่อก่อนก็ไม่ได้อินอะไรกับแบรนด์นี้มากเท่าใดนักเนื่องจากผมจะเปลี่ยนสกินแคร์ไปเรื่อยๆ ตามโอกาสและวาระ จนเมื่อได้มารู้จักกับ Biotherm : Life Plankton Essence ที่รู้สึกว่าชอบมากจริงๆ และเริ่มสนใจในตัว Life Plankton ว่ามันต้องมีอะไรสักอย่างที่ดีกับผิวของเราแน่ๆ ไม่นั้น Biotherm คงไม่เอามาเป็นจุดเด่นของแบรนด์ที่ไม่มีใครเหมือนจริงๆ
ตัวBlue Therapy-Serum-Oil นั้นก็ยิ่งถือว่าเป็นนวัตกรรมใหม่ของสกินแคร์(ที่มีออกมาให้ผู้บริโภคได้เสียเงินอย่างต่อเนื่อง) เพราะแบรนด์อื่นยังไม่มีผลิตภัณฑ์ในรูปแบบนี้ ถือเป็นครั้งแรกของผลิตภัณฑ์จาก BIOTHERM ที่รวมซีรั่มทรงประสิทธิภาพและน้ำมันล้ำค่าไว้ในสูตรเดียว ผ่านการใช้เทคนิคแยกส่วนความดันสูง (high-pressure micro-fragmentation) ทำให้ได้ละอองน้ำมันขนาดจิ๋ว เพื่อส่งมอบการคุณค่าบำรุงและการชะลอความร่วงโรยอันยอดเยี่ยมในขวดเดียว เหมาะสำหรับใช้กลางคืน อันนี้เลยถือว่าเป็นของใหม่ที่ควรค่าแก่การลอง (ขนาดนั้น!!!)
สำหรับส่วนผสมของ Biotherm Blue Therapy Serum-in-Oil ข้อมูลจาก Website Biotherm
ข้อมูลเพิ่มจาก Blog ของ คุณ Pupe So Sweet ยังกล่าวถึงส่วนผสมอื่นๆของ Serum in Oil ไว้ว่า
Biotherm Blue Therapy-Serum-Oil ยังมีส่วนผสมของ...
-Glycine Soja (Soybean) Oil มีกรดไขมันและมีคุณสมบัติต้านอนุมูลอิสระ
-Rosa Canina Fruit Oil หรือน้ำมันโรสฮิปนั้นเป็นน้ำมันที่มีประโยชน์มากไม่ว่าจะเป็นางการรับประทานหรือทาลงไปบนผิว มันมีคุณสมบัติในการต้านอนุมูลอิสระที่ดีและยังช่วยลดการอักเสบของผิวอีกด้วย
-Ribes Nigrum (Black Currant) Seed Oil เป็นแหล่งของ Linoleic Acid ซึ่งช่วยปรับปรุงคุณภาพของ Sebum บนผิว และยังมีวิตามินอี และสารกลุ่ม Phenolic ที่เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ
-Helianthus Annuus (Sunflower) Seed Oil น้ำมันดอกทานตะวันอุดมไปด้วยกรดไขมันที่จำเป็น การศึกษาพบว่าน้ำมันดอกทานตะวันช่วยเสริมความแข็งแรงของปราการปกป้องผิวเพื่อลดโอกาสที่จะเกิดการติดเชื้อทางผิวหนังในเด็กอ่อนได้
“จริงๆ แล้วยังมีส่วนผสมของสาหร่ายอีกอย่างหนึ่ง นั่นคือ Haematococcus Pluvialis Extract ซึ่งเป็นแหล่งของ Astaxanthin ที่ใช้กันในวงการผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร แต่ในผลิตภัณฑ์ตัวนี้ก็ใส่ Astaxanthin เป็นสารแยกมาต่างหากด้วย สารชนิดนี้มีคุณสมบัติละลายในน้ำมัน และต้านอนุมูลอิสระ และมีสีออกส้มแดง” :
ซึ่งตรงนี้ก็ทำให้ผมยิ่งอยากลองเข้าไปอีกเพราะได้อ่านเรื่องของ Astaxanthin มามากมาย ยิ่งได้มาอ่าน Blog ของ คุณ Pupe So Sweet ก็พบว่าในขวดนี้มีส่วนผสมที่ดีมากทีเดียว คือถ้าต้องซื้อใช้ก็คุ้มค่ามากทีเดียวจริงๆครับ
มาดูเนื้อผลิตภัณฑ์กันนะครับ
ความรู้สึกแรกคือเนื้อผลิตภัณฑ์แตกต่างจากที่คิดไว้อย่างสิ้นเชิง คือตอนแรกคิดว่าเนื้อจะต้องออกครีมๆ เหนอะ มันๆ ตามสไตล์ของผลิตภัณฑ์ที่มีน้ำมันผสม ยิ่งมีน้ำมันหลายชนิดก็คิดว่าทาแล้วคงต้องหน้ามันแน่ๆ แต่เปล่าเลยครับเนื้อผลิตภัณฑ์ของBiothermขวดนี้เหมือนพวกเจลครีมต่างๆมากกว่า แต่ว่าทาแล้วจะเกลี่ยง่ายมาก ลื่น และซึมหายไปกับหน้าโดยไม่ได้รู้สึกเหนอะหนะแต่อย่างใด แถมบีบมานิดเดียวทาได้ทั่วหน้าเลยครับเพราะความที่มันลื่นๆนี่แหละ หลังทาเสร็จรู้สึกได้ว่าหน้านุ่มๆ เหมือนได้เติมเต็มความชุ่มชื้นทันที ตัวผมนั้นหน้ามันอยู่แล้ว จึงเน้นทาเจ้าตัวนี้เฉพาะก่อนนอนหลังจากใช้ตัว Biotherm : Life Plankton Essence (ที่ซื้อมาเอง) ต่อด้วย Biotherm Blue Therapy-Serum-Oil ทันทีครับ
ผสมกับน้ำได้เป็นเนื้อเดียว (ภาพจาก FB Biotherm )
ซึ่งตรงนี้คงเป็นเหตุผลว่าทำไมออยล์ขวดนี้ถึงไม่ทิ้งความมัน เหนี่ยว เหนอะหนะอย่างที่ออยล์บำรุงผิวส่วนใหญ่เป็นกัน
ผลลัพธ์ที่ได้นะครับ
ทาแล้วก็รู้สึกได้ว่า ผลิตภัณฑ์ได้ทำปฏิกริยาบางอย่างกับผิวใบหน้าของผม ให้รู้สึกอุ่นๆทันทีหลังทา รู้สึกผ่อนคลายด้วยกลิ่นหอมอ่อนๆ ถ้าใครผิวแห้งอาจตามด้วยมอยเจอไรเซอร์ตามปกติ ตัวผมนั้นบางวันก็เสริมการบำรุงด้วย Biotherm Homme Excell Bright (อันนี้ได้แถมมา แบรนด์นี้ของแถมเยอะครับ^^) หลังตื่นมาก็หน้ามันนิดหน่อย แต่ผิวนุ่มทีเดียวครับ ความรู้สึกเหมือนใช้พวกsleeping pack อ่ะครับ
หลังใช้มาราวๆ สองสัปดาห์พบว่าผิวหน้าดูสดชื่นขึ้น หน้าดูอ่อนล้าน้อยลง ใสขึ้น ริ้วรอยตื้นๆดูจางลง รูขุมขนดูแคบขึ้นและอีกอย่างคือผิวหน้านุ่มมากอันนี้ชัดเจนตั้งแต่วันแรกๆ รอยแดงต่างๆน้อยลง ทั้งๆที่ตลอดสองสัปดาห์ที่ผ่านมาต้องทำงานกะกลางคืนตลอด และทั้งพักผ่อนน้อย แจ่ยังเห็นการเปลี่ยนแปลงได้ขนาดนี้ ซึ่งผลลัพธ์อันนี้ก็อาจจะมาจากการที่ผมใช้Life Plankton Essence คู่กันซึ่งทางแบรนด์ก็ได้แนะนำมาว่าจะช่วยเสริมการทำงานกันได้อย่างดี ส่วนความขาวนี่อาจจะไม่ได้ช่วยโดยตรง แต่เมื่อสภาพผิวดีขึ้นความหมองคล้ำลดลงเลยอาจมีส่วนให้ผิวพรรณดูสดใสขึ้น
ภาพประกอบถึงผิวหน้าก่อนและหลังใช้ครับ สถานที่ถ่ายเดียวกัน กล้องหน้าiPad Air ไม่ได้ผ่านการปรับสีแต่อย่างใดครับ
สรุปเลยนะครับ
ข้อดี
- ส่วนผสมดีมาก
- ให้ความชุ่มชื้นต่อผิวได้ดี
- เนื้อเซรั่มเป็นนวัตกรรมใหม่ ซึมไว ไม่ทิ้งคราบมัน
ข้อติ
- มีน้ำหอม
-ราคาสูงทีเดียวเมื่อเทียบกับขนาดบรรจุ 30มล. 2,600 บาท (ต้องรอซื้อเซ็ทคู่กับ Life Plankton Essence ครับจะลดไปเยอะใช้ได้)
ใครอยากลองใช้ Biotherm Blue Therapy-Serum-Oil ผมมีกิจกรรมดีๆมาฝากจาก FB Biotherm ครับ
ทำตามกติกาก็รับฟรีไปลองใช้เลยครับ
กับกิจกรรมลงทะเบียนรับ Serum-in-Oil ขนาด 5 ml. มูลค่า 520 บาท (รวม 24 สาขา) ที่
http://on.fb.me/1mseA1W
ท้ายสุดนี้ขอขอบคุณทุกท่านนะครับ ที่ได้เข้ามาอ่านรีวิวนี้กัน และขอขอบคุณทางBiothermนะครับสำหรับกิจกรรมดีๆ แบบนี้
[SR] รีวิว Biotherm Blue Therapy-Serum-Oil และผลลัพธ์ที่เกินความหมาย+ กิจกรรมแจกฟรี Serum In Oil ขนาดทดลอง
วันนี้อยากจะเข้ามารีวิว สกินแคร์ตัวนึงที่เพิ่งออกมาใหม่ได้ไม่นานนั่นก็คือBiotherm Blue Therapy-Serum-Oil
ซึ่งทางแบรนด์ได้มีกิจกรรมให้แฟนเพจสมัครกันเข้าไปร่วมสนุกเพื่อลุ้นผลิตภัณฑ์ใหม่ล่าสุดนี้ไปรีวิวกันได้เลย ในขนาดทดลอง ซึ่งทางBiothermก็ได้ส่งมาให้ทดลองใช้ถึง 15มล. ถือว่าเป็น50%ของไซส์จริงเลยทีเดียวเชียว จะได้ทดลองกันอย่างจุใจ ซึ่งตอนนี้ใช้มาเกือบสามอาทิตย์ก็ยังไม่หมดเลยครับ (นี่ขนาดหน้าใหญ่นะ) ^^
สำหรับรีวิวนี้แม้จะได้รับการสนับสนุนตัวผลิตภัณฑ์จากทางแบรนด์ แต่ก็ขอเรียนให้ทราบว่าผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นก็ป็นผลที่เกิดจากการใช้จริง ผมตั้งใจทำรีวิวชิ้นนี้ส่วนนึงก็เพราะอยากจะแบ่งปันประสบการณ์ที่ได้รับ ซึ่งก็อยากให้ใช้วิจารณญานในการรับชมนะครับ ผลลัพธ์ที่ได้อาจแตกต่างกันขึ้นอยู่กับสภาพผิวของแต่ละคน
มาถึงสภาพผิวของ จขกท นะครับ :
ปกติแล้วตัวผมเป็นคนหน้ามันมากๆครับ ทำงานที่ไม่เป็นเวลามีทั้งเข้าเช้ามากบางทีก็ดึกมากๆสลับๆกันไป ในช่วงที่ใช้ Biotherm Blue Therapy-Serum-Oil ก็เรียกได้ว่าปราบเซียนทีเดียวเนื่องจากผมต้องเช้าเวรดึก5-6วันต่อสัปดาห์ สภาพผิวช่วงนี้แย่มากจากการอดนอนกลางคืน (ถึงจะนอนหลับตอนกลางวัน แต่ก็ไม่เหมือนกันครับ เทียบกันไม่ได้จริงๆ)
รู้จักกับ Biotherm Blue Therapy-Serum-Oil
ผมเชื่อว่าหลายๆคนคงรู้จัก Biotherm กันอยู่แล้ว ตัวผมนั้นเมื่อก่อนก็ไม่ได้อินอะไรกับแบรนด์นี้มากเท่าใดนักเนื่องจากผมจะเปลี่ยนสกินแคร์ไปเรื่อยๆ ตามโอกาสและวาระ จนเมื่อได้มารู้จักกับ Biotherm : Life Plankton Essence ที่รู้สึกว่าชอบมากจริงๆ และเริ่มสนใจในตัว Life Plankton ว่ามันต้องมีอะไรสักอย่างที่ดีกับผิวของเราแน่ๆ ไม่นั้น Biotherm คงไม่เอามาเป็นจุดเด่นของแบรนด์ที่ไม่มีใครเหมือนจริงๆ
ตัวBlue Therapy-Serum-Oil นั้นก็ยิ่งถือว่าเป็นนวัตกรรมใหม่ของสกินแคร์(ที่มีออกมาให้ผู้บริโภคได้เสียเงินอย่างต่อเนื่อง) เพราะแบรนด์อื่นยังไม่มีผลิตภัณฑ์ในรูปแบบนี้ ถือเป็นครั้งแรกของผลิตภัณฑ์จาก BIOTHERM ที่รวมซีรั่มทรงประสิทธิภาพและน้ำมันล้ำค่าไว้ในสูตรเดียว ผ่านการใช้เทคนิคแยกส่วนความดันสูง (high-pressure micro-fragmentation) ทำให้ได้ละอองน้ำมันขนาดจิ๋ว เพื่อส่งมอบการคุณค่าบำรุงและการชะลอความร่วงโรยอันยอดเยี่ยมในขวดเดียว เหมาะสำหรับใช้กลางคืน อันนี้เลยถือว่าเป็นของใหม่ที่ควรค่าแก่การลอง (ขนาดนั้น!!!)
สำหรับส่วนผสมของ Biotherm Blue Therapy Serum-in-Oil ข้อมูลจาก Website Biotherm
ข้อมูลเพิ่มจาก Blog ของ คุณ Pupe So Sweet ยังกล่าวถึงส่วนผสมอื่นๆของ Serum in Oil ไว้ว่า
Biotherm Blue Therapy-Serum-Oil ยังมีส่วนผสมของ...
-Glycine Soja (Soybean) Oil มีกรดไขมันและมีคุณสมบัติต้านอนุมูลอิสระ
-Rosa Canina Fruit Oil หรือน้ำมันโรสฮิปนั้นเป็นน้ำมันที่มีประโยชน์มากไม่ว่าจะเป็นางการรับประทานหรือทาลงไปบนผิว มันมีคุณสมบัติในการต้านอนุมูลอิสระที่ดีและยังช่วยลดการอักเสบของผิวอีกด้วย
-Ribes Nigrum (Black Currant) Seed Oil เป็นแหล่งของ Linoleic Acid ซึ่งช่วยปรับปรุงคุณภาพของ Sebum บนผิว และยังมีวิตามินอี และสารกลุ่ม Phenolic ที่เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ
-Helianthus Annuus (Sunflower) Seed Oil น้ำมันดอกทานตะวันอุดมไปด้วยกรดไขมันที่จำเป็น การศึกษาพบว่าน้ำมันดอกทานตะวันช่วยเสริมความแข็งแรงของปราการปกป้องผิวเพื่อลดโอกาสที่จะเกิดการติดเชื้อทางผิวหนังในเด็กอ่อนได้
“จริงๆ แล้วยังมีส่วนผสมของสาหร่ายอีกอย่างหนึ่ง นั่นคือ Haematococcus Pluvialis Extract ซึ่งเป็นแหล่งของ Astaxanthin ที่ใช้กันในวงการผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร แต่ในผลิตภัณฑ์ตัวนี้ก็ใส่ Astaxanthin เป็นสารแยกมาต่างหากด้วย สารชนิดนี้มีคุณสมบัติละลายในน้ำมัน และต้านอนุมูลอิสระ และมีสีออกส้มแดง” :
ซึ่งตรงนี้ก็ทำให้ผมยิ่งอยากลองเข้าไปอีกเพราะได้อ่านเรื่องของ Astaxanthin มามากมาย ยิ่งได้มาอ่าน Blog ของ คุณ Pupe So Sweet ก็พบว่าในขวดนี้มีส่วนผสมที่ดีมากทีเดียว คือถ้าต้องซื้อใช้ก็คุ้มค่ามากทีเดียวจริงๆครับ
มาดูเนื้อผลิตภัณฑ์กันนะครับ
ความรู้สึกแรกคือเนื้อผลิตภัณฑ์แตกต่างจากที่คิดไว้อย่างสิ้นเชิง คือตอนแรกคิดว่าเนื้อจะต้องออกครีมๆ เหนอะ มันๆ ตามสไตล์ของผลิตภัณฑ์ที่มีน้ำมันผสม ยิ่งมีน้ำมันหลายชนิดก็คิดว่าทาแล้วคงต้องหน้ามันแน่ๆ แต่เปล่าเลยครับเนื้อผลิตภัณฑ์ของBiothermขวดนี้เหมือนพวกเจลครีมต่างๆมากกว่า แต่ว่าทาแล้วจะเกลี่ยง่ายมาก ลื่น และซึมหายไปกับหน้าโดยไม่ได้รู้สึกเหนอะหนะแต่อย่างใด แถมบีบมานิดเดียวทาได้ทั่วหน้าเลยครับเพราะความที่มันลื่นๆนี่แหละ หลังทาเสร็จรู้สึกได้ว่าหน้านุ่มๆ เหมือนได้เติมเต็มความชุ่มชื้นทันที ตัวผมนั้นหน้ามันอยู่แล้ว จึงเน้นทาเจ้าตัวนี้เฉพาะก่อนนอนหลังจากใช้ตัว Biotherm : Life Plankton Essence (ที่ซื้อมาเอง) ต่อด้วย Biotherm Blue Therapy-Serum-Oil ทันทีครับ
ผสมกับน้ำได้เป็นเนื้อเดียว (ภาพจาก FB Biotherm )
ซึ่งตรงนี้คงเป็นเหตุผลว่าทำไมออยล์ขวดนี้ถึงไม่ทิ้งความมัน เหนี่ยว เหนอะหนะอย่างที่ออยล์บำรุงผิวส่วนใหญ่เป็นกัน
ผลลัพธ์ที่ได้นะครับ
ทาแล้วก็รู้สึกได้ว่า ผลิตภัณฑ์ได้ทำปฏิกริยาบางอย่างกับผิวใบหน้าของผม ให้รู้สึกอุ่นๆทันทีหลังทา รู้สึกผ่อนคลายด้วยกลิ่นหอมอ่อนๆ ถ้าใครผิวแห้งอาจตามด้วยมอยเจอไรเซอร์ตามปกติ ตัวผมนั้นบางวันก็เสริมการบำรุงด้วย Biotherm Homme Excell Bright (อันนี้ได้แถมมา แบรนด์นี้ของแถมเยอะครับ^^) หลังตื่นมาก็หน้ามันนิดหน่อย แต่ผิวนุ่มทีเดียวครับ ความรู้สึกเหมือนใช้พวกsleeping pack อ่ะครับ
หลังใช้มาราวๆ สองสัปดาห์พบว่าผิวหน้าดูสดชื่นขึ้น หน้าดูอ่อนล้าน้อยลง ใสขึ้น ริ้วรอยตื้นๆดูจางลง รูขุมขนดูแคบขึ้นและอีกอย่างคือผิวหน้านุ่มมากอันนี้ชัดเจนตั้งแต่วันแรกๆ รอยแดงต่างๆน้อยลง ทั้งๆที่ตลอดสองสัปดาห์ที่ผ่านมาต้องทำงานกะกลางคืนตลอด และทั้งพักผ่อนน้อย แจ่ยังเห็นการเปลี่ยนแปลงได้ขนาดนี้ ซึ่งผลลัพธ์อันนี้ก็อาจจะมาจากการที่ผมใช้Life Plankton Essence คู่กันซึ่งทางแบรนด์ก็ได้แนะนำมาว่าจะช่วยเสริมการทำงานกันได้อย่างดี ส่วนความขาวนี่อาจจะไม่ได้ช่วยโดยตรง แต่เมื่อสภาพผิวดีขึ้นความหมองคล้ำลดลงเลยอาจมีส่วนให้ผิวพรรณดูสดใสขึ้น
ภาพประกอบถึงผิวหน้าก่อนและหลังใช้ครับ สถานที่ถ่ายเดียวกัน กล้องหน้าiPad Air ไม่ได้ผ่านการปรับสีแต่อย่างใดครับ
สรุปเลยนะครับ
ข้อดี
- ส่วนผสมดีมาก
- ให้ความชุ่มชื้นต่อผิวได้ดี
- เนื้อเซรั่มเป็นนวัตกรรมใหม่ ซึมไว ไม่ทิ้งคราบมัน
ข้อติ
- มีน้ำหอม
-ราคาสูงทีเดียวเมื่อเทียบกับขนาดบรรจุ 30มล. 2,600 บาท (ต้องรอซื้อเซ็ทคู่กับ Life Plankton Essence ครับจะลดไปเยอะใช้ได้)
ใครอยากลองใช้ Biotherm Blue Therapy-Serum-Oil ผมมีกิจกรรมดีๆมาฝากจาก FB Biotherm ครับ
ทำตามกติกาก็รับฟรีไปลองใช้เลยครับ
กับกิจกรรมลงทะเบียนรับ Serum-in-Oil ขนาด 5 ml. มูลค่า 520 บาท (รวม 24 สาขา) ที่ http://on.fb.me/1mseA1W
ท้ายสุดนี้ขอขอบคุณทุกท่านนะครับ ที่ได้เข้ามาอ่านรีวิวนี้กัน และขอขอบคุณทางBiothermนะครับสำหรับกิจกรรมดีๆ แบบนี้