สวัสดีครับ ก่อนอื่นต้องขอแนะนำตัวก่อน ให้เรียกผมว่า 'เอิร์ท' แล้วกันนะครับ
ตอนนี้กำลังศึกษาอยู่ระดับมหาลัย ซึ่งเป็นมหาลัยรัฐชั้นนำแถวต่างจังหวัด คณะที่เรียนก็ไม่ได้อลังการอะไรหรอกครับ จบแล้วต้องผ่าฟันกันต่อไป
เรื่องที่จะเล่านี้ อาจจะยาวหน่อย แต่รับรองว่าปวดเศียรใช่เล่นจริงๆ ปวดจนผมต้องตั้งมาถามหาคำปรึกษานีาแหละ
จริงๆแล้วผมมีคำตอบอยู่ในใจบ้างแล้วแหละ แต่ก็ยังมีอีกหลายประเด็น ซึ่งมีหลายปัจจัยเกี่ยวข้องผสมโรง จนผมกลัวว่าผมจะ bias ตัวเองเกินไป
เริ่มเรื่องนะครับ
สมัยเรียนอยู่มัธยมต้น สภาวะตอนนั้นผมเรียนในโรงเรียนเอกชนชายล้วนแห่งหนึ่ง สมัยสัก ม 2 ม 3 ก็เห่อเหมือนเพื่อนั่นแหละ แชทคุยเอ็ม ม่อสาวไปตามเรื่อง จนได้แฟน(เป็นผู้หญิง) การคบก็แบบกุ๊กกิ๊กสไตล์เด็กม.ต้น ซึ่งแน่นอนว่าไม่ใช่ทีจริงอะไรหรอก คบๆไปงั้น สักพักก็ห่างหายไปเอง เป็นแบบนี้อยู่จนถึง ม.3 เทอมสองอ่าแหละ ผมเริ่มรู้สึกดีกับผู้ชายหวะ คนนี้ไม่มีอะไรดีเลย เรียนบัดซบ แต่หน้าตามันยียวนสะใจดี
อ้อ... มันไม่ใช่ความรุ้สึกแบบแฟนนะครับ แต่เป็นความรู้สึกแบบ harmony หรือผองเพื่อนอะไรมากกว่า แต่มันไม่เหมือนกับเพื่อนที่เป็นเพื่อนร่วมห้องนะ มันออกจะลึกซึ้งมากกว่า คือแบบว่าแอบถ่ายรูปเขาตอนเผลอ ส่อง hi5 ทุกวัน เขารุ้อ่าแหละว่าผมรู้สึกหรือชอบเขา เลยชอบใช้ให้ผมทำงานกลุ่มให้จนกระทั่งผมเลิกชอบ แต่ก็ยังยินดีจะทำให้นั่นแหละ จนกระทั่งวันหนึ่งผมเริ่มจะชอบผู้หญิงอีกคน เป็นรุ่นน้องครับ อายุห่างกันไม่มาก รร.เราก็ไม่ใกล้ไม่ไกลมาก แต่จะเจอกันเฉพาะเวลาเที่ยวห้างเท่านั้น ชอบมากครับ เพ้อทุกวันในเอมเอสเอม ทักเขา คุยกะเขา พยายามบอกเป็นนัยว่าผมชอบ แต่เธอบอกว่ามีคนที่เธอชอบอยุ่แล้ว ผมก็นึกว่าแกล้งหยอกเล่น จนมารุ้วันหนึ่งว่ารุ่นน้องผู้ชายอีกคนเขาก็ชอบอยู่เหมือนกัน ผมเพิ่งมาทราบตอนหลังที่เขาเป็นแฟนและเที่ยวกันและ แทบทรุดครับ เพราะน้องผู้ชายคนนี้ผมสนิทพอตัวอยู่ คือมีปัญหาอะไรมันต้องพึ่งบารมีผมตลอด เพราะใน รร.ผมมีตำแหน่งเกือบจะสำคัญเลยแหละครับ เวลารุ่นน้องทะเลาะ ถ้าไม่ใหญ่โตมาก ก็จะเคลียร์แบบแฟร์ๆกันทุกฝ่าย ผมเลยมีรุ่นน้องทั้งใน รร. และต่าง รร รู้จักมาก นั่นแหละ มันจึงเป็นปมให้ผมจะไม่ยอมเข้าไปจีบหรือไปชอบคนที่คนรุ้จัก(สนิทพอตัว)อีกเด็ดขาด มันปวดใจมาก ไม่ใช่ถูกหักหลังนะ แต่มันจี๊ดๆอะแหละ
สมัย ม.ปลายตอนต้น
ครับ ด้วยความที่เป็นคนที่รุ้จักรุ่นน้องมาก ทำให้มีตัวละครใหม่เข้ามาในชีวิตเอิร์ธอีกคน คนนี้เป็นผู้ชายครับ รุ่นน้องคราวเดียว แถมเรียนห้องเดียวกับรุ่นน้องผู้ชายที่ตัดหน้าผมไปมะกี้ เรียกเขาว่า 'กิ้ม' ละกัน ตอนแรกไม่ได้ชอบครับ แต่หน้าตาออกแนวตี๋กวนๆยียวนแบบนี้ ประวัติศาสตร์ก็ซ้ำรอยดิครับ เจอกันตอนเล่นบาสหลังเลิกเรียน จริงๆเจอกันหลายครั้ง แต่เพิ่งได้คุยกัน ก็โอเคครับ เป็นเด็กที่มีความคิดมักใหญ่ใฝ่สูง แต่ขี้เกียจ ตอนแรกไม่ได้ตั้งใจจะชอบนะครับ แต่วันนึงคิดสนุกเลยขอมั่นกันในเฟสบุ๊ค สมัยนั้นเพิ่งเล่นใหม่ๆเลอะ เรียกที่รักๆๆๆ กัน
จนสุดท้ายเป็นจริงด้วย เที่ยวด้วยกัน ดูหนัง กินข้าว ครบแบบแฟนฟูลเวอร์ชั่นเชียวครับ งานนี่ผมช่วยเขาเยอะมาก ทำให้เขาเกรดดีขึ้นเยอะ เรื่องบางเรื่องผมคุมกะลาหัวเพราะกิ้มเป็นคนไม่มีเพื่อน ผมอยากเจอหน้าทุกวันเลยครับ ขนาดช้ามาแถวยังต้องแวบไปหาก่อนผมจะไปนั่งกะกลุ่มเพื่อน ตอนเดินขึ้นห้องก็มีเหลือบตาให้กัน ชูมือโบกเล็กๆพอเป็นพิธี ตอนนั้นชีวิตดูเพ้อเจ้อมาก คิดว่าอะไรก็สวยงามไปหมด เราไม่เคยเรียกหรือขอเป็นแฟนกันเลย เรียกที่รักจนชินอะครับ เพื่อนกิ้มล้อบ้าง แต่ไม่กล้าต่อหน้าเพราะผมบอกว่าผมไม่ชอบให้ใครมาจับเล่นแบบนี้ เหมือนจะไปได้สวยอะครับ แต่มาพังเพราะครอบครัวกิ้วเป็นจีนจ๋าเลยครับ เขารับไม่ได้กะเรื่องแบบนี้ ที่บ้านกิ้มตอนแรกก็ดีกะผมนะ แต่ไปๆมาๆขัดขวางเป่าหูทุกวีธี สุดท้ายผมก็ถูกทิ้งครับ เขาบลอคเฟสผม เมินใส่ อยากจะถามนะ แต่เขาก็ขู่ว่าจะฟ้องที่บ้าน เพราะที่บ้านมาทีนึงนี่ผมเกือบตาย เพราะด่าต่อหน้าคนเลยอะครับ เพื่อนๆกิ้มเชียร์ผมนะ เพราะตั้งแต่ผมเข้ามาในชีวิตกิ้ม กิ้มก็ดูโอเคขึ้นทั้งการเรียนและนิสัย แต่สุดท้ายกิ้มเลือกที่จะเป็นแบบนี้ ครับ ผมก็ถอย..
สมัยม.ปลายตอนปลาย
ช่วงนี้ด้วยตำแหน่งที่พ่วงท้าย ทำให้ไม่ค่อยมีอะไรมากนักในชีวิตครับ แถมอยู่ในช่วงกำลังเตรียมตัวสอบเข้ามหาลัยด้วย ช่วงนี้ผมจึงถือว่าใช้ชีวิตช่วงโสดอย่างเต็มที่ มีคนที่ถูกตาบ้างทั้ง ผู้หญิงผุ้ชาย แต่นั่นแหละครับ ไม่ได้พิถีพิถันอะไรในความรักเลย
จนแล้วจนรอด พอผมสอบติดมหาลัยที่ผมเรียนอยุ่นี่แหละครับ ปีผมเขาปิดเทอม 6 เดือน ทำให้ช่วงเวลานี้นั่นว่างมาก ผมก็ใช้ชีวิตช่วงรอมหาลัยเปิดแบบเรื่อยเปื่อย จนมาเจอกะน้องอีกคนนึง เป็นผู่หญิงครับ ไม่ได้ขาวเหมือนกับคนอื่น แต่นิสัยใจคอและอื่นๆมันตรงกะผมมาก ช่วงนั้นไลน์เพิ่งฮิตครับ ผมคุยไลน์กับน้องคนนี้ทุกวันเลย เรียกน้องคนนี้ว่า 'แพร' แล้วกันนะครับ เหมือนจะดีอะครับ ทุกเฟส คุยไลน์ประจำ จนกระทั้งผมเริ่มรู้สึกสนิทสนม เพื่อนๆผมและเพื่อนน้องก็เชียร์กันมาก ชวนไปออกกำลังกายกันเกือบทุกวันเลยวันนึงผมส่งรูปไอคอน จุ๊บๆ ไรไปบอกฝันดีนี่แหละ แพรตอบกลับมาแบบบอกว่าไมาชอบแบบนี้ อย่า ทำอีก รุ้สึกแปลกๆ เอาละสิครับ ตอนนั้นยอมรับเลยว่าผมไม่รุ้จะทำไง วันหลังก็คุยกันปกตินะ แต่มันค่อยๆลดจำนวนบทสนานาลง เรื่อยๆ จนแบบ ผมส่งรูปหน้ายิ้มไป แพรอ่านนะครับ แต่ไม่ตอบ นั่นแหละ จึงได้รู้ว่าเรื่องของผมกับแพรคงจะจบที่ตรงนี้
พอเปิดเทอม อะไรๆก็เปลี่ยนไปครับ ชีวิตเฟรชชี่ปีหนึ่งนั้นต้องปรับตัวมาก ผมไม่ค่อยได้ออนเฟสบ่อยเช่นเก่า รุ่นน้องก็ไม่ค่อยได้พบเเล้ว มีแต่กิจกรรมจนกระทั้งลืมเรื่องเก่าๆไปบ้าง ผู้หญิงก็มีเข้ามาบ้างนะครับ แต่ผมจะเป็นฝ่ายถูกจีบก่อนมากกว่า ไม่ได้หล่อไรมากนะครับ แต่กิจกรรมผมเดีนกว่าเพื่อน ฮ่า
แต่นั่นแหละผมไม่ได้อะไรกับพวกหล่อนมาก จนผมได้พบกะรุ่นน้องม.ปลายคนหนึ่งที่ห้างเปิดใหม่แถวๆมหาลัยนั่นแหละ จำได้ว่าเมื่อก่อนเราเคยเจอกัน ตอนนั้นน้องออกติ่งๆมากครับ ไม่มีแววน่ารักเลย แถมมีแหนแล้วด้วย แหนน้องเขาก็รุ้จักกับเอิร์ท เพราะเป็นรุ่นพี่รุ่นน้อง รร.เดียวกัน ก่อนสองคนนี้จะเลิกกันตอนหลัง เจอตอนนี้น้องสวยมาก จำว่าเป็นช่วงก่อนปีใหม่ คุยกันทุกวันเลย แม้ตอนห่างกันจนเกือบจะครึ่งค่อนโลก เราก็คุยกัน คุยดูใจกันราวหกเดือน น้อง'รุ่ง' ก็กลายเป็นคนที่ผมออนเฟสทุกทีต้องคุยทีเดียว รุ่งก็เข้ามาอ่านหนังสือในมหาลัยที่ผมอยุ่บ้างเวลาสอบ เพราะมหาลัยผมมีห้องสมุดโคตรใหญ่ครับ มีโซฟาให้นอนสบายๆด้วย เด็กมัธยมข้างนอกจึงเข้ามาเยอะมากๆๆ สะใจผมคนรักเด็กทีเดียวครับ ฮา
และอีกครั้ง เหมือนจะดีอะครับ แต่สุดท้ายรุ่งก็คบกับรุ่นน้องที่ผมรู้จักและสนิทมากๆอีกคน จบครับชีวิตผม ช้าไปนิดเดียวทุกที เด็กคนนี้คุยไม่นานแต่กล้าแสดงออก ผมมันปอดแหละมั้ง กน้าแหกทุกที ทุกวันนี้ยังติดตามอิสตราแกรมและเหสรุ่งครับ ก็ยังรีสึกดีและเห็นน้องมีความสุขกะคนที่น้องเลือกนะ
นี่จะเข้าสู่ประเด็นที่แสนจะฉงนงงงวยแล้วนะครับ อ่านละสิ ฮา แต่นั่นแหละครับ ผมเตือนแล้วว่ายาวววววว
พอขึ้นปีสอง ผม้ลือกทำกิจกรรมรับน้องครับ กิจกรรมเด่นตามสโลแกนครับ ได้อยู่ในตำแหน่งที่เรียกว่าใกล้ชิดรุ่นน้องมากๆอีกตำแหน่งนึงเลย และแล้วหลังจบกิจกรรมรับน้องใหม่ ผมก็เริ่มสนิทกับน้องผู้ชายที่ผมขอเรียกว่า 'เน่' เน่เป็นน้องคณะเดียวกับผมครับ แต่เรียนคนละสาขาวิชา ไม่ได้หล่ออะไรหรอก แต่เรียนโอเค นิสัยบางอย่างจัดว่าปอดไม่ต่างจากผม เน่รุ้จักผมนานแล้วเพราะอยู่จังหวัดเดียวกัน อาจรุ้จักผ่านเพื่อน แต่ผมไม่รุ้จักเขานะ เน่เป็นผู้ชายที่ดูแลตัวเองดีมาก เน่ชอบออกกำลังกายเลยเข้ากะผมได้ เจอกันบ่อยบ้างครับ พวกใต้หอ หน้าเซเว่น หรือใต้ตึกคณะ ผมมีหน้าที่ให้คำปรึกษาหลายๆเรื่อง ทั้งเรื่องความรัก(แต่ตัวเองเอาไม่รอด) การเรียน และหลายๆเรื่องที่ผมรู้สึกว่าเน่อ่อนต่อโลก มีประโยคหนึ่งที่ผมประทับใจในตัวเน่คือ ' พี่ พี่รับผมเป็นน้องด้วยะ ต่อจากนี่พี่เป็นพี่ผมนะ' อะไรทำนองนี้ ผมยึดถือเคร่งครัดมากครับ จนว่าเน่ทำอะไรที่ไม่โอเค ผมจะรู้สึกไม่ดีไปด้วย เหมือนกับว่าดูแลน้องไม่ดีอะแบบนี้ เน่ชอบออกกำลังกายเลยมีพวกตุ๊ดหรือเกย์แท้ๆ มาแกล้งบ่อยๆ ผมงี้โกรธนะ และเน่ก็ไม่ชอบด้วย แต่เน่ทำไรมากไม่ได้เพราะพวกตุ๊ดไรงี้รุ่นเดียวกะผมทั้งนั้น ผมเลยลงมาเคลียร์อีกละ อ้อ ลืมบอกครับ ผมไม่ค่อยถูกกับพวกตุ๊ดหรือเกย์ในมหาลัยนะครับ ไม่รุ้ทำไมเหมือนกัน
สรุปว่าผมอาจรัสึกกับเน่แบบพี่น้อง(นี่อะ กลัวคิดเข้าข้างตัวเอง)ผมไม่เคยมีน้องชายครับ ทำตัวไม่ถูก แต่วันไหนไม่ได้เจอหน้าเน่เกินกว่า 2 วันนี่รู้สึกใจคอไม่ดี เน่มีอะไรบอกผมหมด ผมเลยโอเคกับเน่มากจนชนิดที่ว่าเพื่อนในกลุ่มผมก็ได้มาทำความรุ้จักกับเน่ เพื่อนผมนี่โอนะ แต่พวกเพื่อนต่างคณะที่รุ้จักผม หรือเน่อะดิ ชอบล้อว่าทำไมไหนด้วยกัน ทำไมอยุ่ตัวติดกัน(แต่ตอนไม่อยู่ติดกัน ไมไม่เห็นวะ) ผมกลัวว่าความสัมพันธ์ระหว่างผมกับเน่จะแตกและหมางกันเพราะการถูกล้อแบบนี้มาก แม้แต่เพื่อนเน่กันเองก็มีล้อ มีครั้งหนึ่งล้อต่อหน้าผม แต่ไม่อยากเสียบรรยากาศเลยไม่ตอกกลับไปครับ เน่เอาแต่ยิ้มครับ ไม่เคยบ่นเรื่องนี้เลย จนตอนนี้ผมก็รุ้สึกเฉยๆไปกับเรื่องถูกล้อ ผมปลื้มก็เพราะเน่เป็นแบบนี้แหละ
ตอนนี้ผมกำลังเริ่มจะชอบน้องปีหนึ่งคนหนึ่งครับ เป็นสาวแพทย์ ผมไม่เคยคุยเลย แต่ว่ามีเฟสน้องเขานานมากแล้ว แต่ตอนนี้เพิ่งเข้าไปส่องไลค์อะไรรัวๆ แบบวันไหนไม่ส่องไม่ได้ กับเน่นี่ส่องนานๆที แต่กับน้องสาวแพทย์นี่ไม่มีเว้นอะครับ รายชื่อเธอติดหนึ่งในไม่กี่คนคนที่ถูกnominated เป็นดาวคณะแพทย์ แต่ไม่ได้เป็นครับ แต่ยังไงก็น่ารักในสายตาผม ผมเจอไม่บ่อยนะ มักจะเจอตอนบังเอิญ อยากจะยกมือทักทาย แต่อายไม่กล้าครับ รุ้อย่างเดียวพ่อดุมากเพราะตอบคอมเม้นต์ที่ผมแอบส่องในเฟสได้หฤโหดจนผมแค่ไลค์แล้วยังเสียวเลย อย่าลืมให้กำลังใจเอิร์ทนะครับ
ตอนนี้สารภาพเลยว่า กลัวพลาดครับ กลัวทุกอย่างไปหมดเหมือนที่เคยโดนมาก่อนหน้านี้
ไม่รุ้ดิครับ สรุปผมเป็นไบจริงๆใช่ไหมครับ ? หรือแค่ภาวะสับสนแบบในหนังซีรีย์เรื่องดัง ? ไม่ได้หลอกตัวเองมั้ง
สรุปว่าแบบผมนี่ถือว่าเป็นไบปะ
ตอนนี้กำลังศึกษาอยู่ระดับมหาลัย ซึ่งเป็นมหาลัยรัฐชั้นนำแถวต่างจังหวัด คณะที่เรียนก็ไม่ได้อลังการอะไรหรอกครับ จบแล้วต้องผ่าฟันกันต่อไป
เรื่องที่จะเล่านี้ อาจจะยาวหน่อย แต่รับรองว่าปวดเศียรใช่เล่นจริงๆ ปวดจนผมต้องตั้งมาถามหาคำปรึกษานีาแหละ
จริงๆแล้วผมมีคำตอบอยู่ในใจบ้างแล้วแหละ แต่ก็ยังมีอีกหลายประเด็น ซึ่งมีหลายปัจจัยเกี่ยวข้องผสมโรง จนผมกลัวว่าผมจะ bias ตัวเองเกินไป
เริ่มเรื่องนะครับ
สมัยเรียนอยู่มัธยมต้น สภาวะตอนนั้นผมเรียนในโรงเรียนเอกชนชายล้วนแห่งหนึ่ง สมัยสัก ม 2 ม 3 ก็เห่อเหมือนเพื่อนั่นแหละ แชทคุยเอ็ม ม่อสาวไปตามเรื่อง จนได้แฟน(เป็นผู้หญิง) การคบก็แบบกุ๊กกิ๊กสไตล์เด็กม.ต้น ซึ่งแน่นอนว่าไม่ใช่ทีจริงอะไรหรอก คบๆไปงั้น สักพักก็ห่างหายไปเอง เป็นแบบนี้อยู่จนถึง ม.3 เทอมสองอ่าแหละ ผมเริ่มรู้สึกดีกับผู้ชายหวะ คนนี้ไม่มีอะไรดีเลย เรียนบัดซบ แต่หน้าตามันยียวนสะใจดี
อ้อ... มันไม่ใช่ความรุ้สึกแบบแฟนนะครับ แต่เป็นความรู้สึกแบบ harmony หรือผองเพื่อนอะไรมากกว่า แต่มันไม่เหมือนกับเพื่อนที่เป็นเพื่อนร่วมห้องนะ มันออกจะลึกซึ้งมากกว่า คือแบบว่าแอบถ่ายรูปเขาตอนเผลอ ส่อง hi5 ทุกวัน เขารุ้อ่าแหละว่าผมรู้สึกหรือชอบเขา เลยชอบใช้ให้ผมทำงานกลุ่มให้จนกระทั่งผมเลิกชอบ แต่ก็ยังยินดีจะทำให้นั่นแหละ จนกระทั่งวันหนึ่งผมเริ่มจะชอบผู้หญิงอีกคน เป็นรุ่นน้องครับ อายุห่างกันไม่มาก รร.เราก็ไม่ใกล้ไม่ไกลมาก แต่จะเจอกันเฉพาะเวลาเที่ยวห้างเท่านั้น ชอบมากครับ เพ้อทุกวันในเอมเอสเอม ทักเขา คุยกะเขา พยายามบอกเป็นนัยว่าผมชอบ แต่เธอบอกว่ามีคนที่เธอชอบอยุ่แล้ว ผมก็นึกว่าแกล้งหยอกเล่น จนมารุ้วันหนึ่งว่ารุ่นน้องผู้ชายอีกคนเขาก็ชอบอยู่เหมือนกัน ผมเพิ่งมาทราบตอนหลังที่เขาเป็นแฟนและเที่ยวกันและ แทบทรุดครับ เพราะน้องผู้ชายคนนี้ผมสนิทพอตัวอยู่ คือมีปัญหาอะไรมันต้องพึ่งบารมีผมตลอด เพราะใน รร.ผมมีตำแหน่งเกือบจะสำคัญเลยแหละครับ เวลารุ่นน้องทะเลาะ ถ้าไม่ใหญ่โตมาก ก็จะเคลียร์แบบแฟร์ๆกันทุกฝ่าย ผมเลยมีรุ่นน้องทั้งใน รร. และต่าง รร รู้จักมาก นั่นแหละ มันจึงเป็นปมให้ผมจะไม่ยอมเข้าไปจีบหรือไปชอบคนที่คนรุ้จัก(สนิทพอตัว)อีกเด็ดขาด มันปวดใจมาก ไม่ใช่ถูกหักหลังนะ แต่มันจี๊ดๆอะแหละ
สมัย ม.ปลายตอนต้น
ครับ ด้วยความที่เป็นคนที่รุ้จักรุ่นน้องมาก ทำให้มีตัวละครใหม่เข้ามาในชีวิตเอิร์ธอีกคน คนนี้เป็นผู้ชายครับ รุ่นน้องคราวเดียว แถมเรียนห้องเดียวกับรุ่นน้องผู้ชายที่ตัดหน้าผมไปมะกี้ เรียกเขาว่า 'กิ้ม' ละกัน ตอนแรกไม่ได้ชอบครับ แต่หน้าตาออกแนวตี๋กวนๆยียวนแบบนี้ ประวัติศาสตร์ก็ซ้ำรอยดิครับ เจอกันตอนเล่นบาสหลังเลิกเรียน จริงๆเจอกันหลายครั้ง แต่เพิ่งได้คุยกัน ก็โอเคครับ เป็นเด็กที่มีความคิดมักใหญ่ใฝ่สูง แต่ขี้เกียจ ตอนแรกไม่ได้ตั้งใจจะชอบนะครับ แต่วันนึงคิดสนุกเลยขอมั่นกันในเฟสบุ๊ค สมัยนั้นเพิ่งเล่นใหม่ๆเลอะ เรียกที่รักๆๆๆ กัน
จนสุดท้ายเป็นจริงด้วย เที่ยวด้วยกัน ดูหนัง กินข้าว ครบแบบแฟนฟูลเวอร์ชั่นเชียวครับ งานนี่ผมช่วยเขาเยอะมาก ทำให้เขาเกรดดีขึ้นเยอะ เรื่องบางเรื่องผมคุมกะลาหัวเพราะกิ้มเป็นคนไม่มีเพื่อน ผมอยากเจอหน้าทุกวันเลยครับ ขนาดช้ามาแถวยังต้องแวบไปหาก่อนผมจะไปนั่งกะกลุ่มเพื่อน ตอนเดินขึ้นห้องก็มีเหลือบตาให้กัน ชูมือโบกเล็กๆพอเป็นพิธี ตอนนั้นชีวิตดูเพ้อเจ้อมาก คิดว่าอะไรก็สวยงามไปหมด เราไม่เคยเรียกหรือขอเป็นแฟนกันเลย เรียกที่รักจนชินอะครับ เพื่อนกิ้มล้อบ้าง แต่ไม่กล้าต่อหน้าเพราะผมบอกว่าผมไม่ชอบให้ใครมาจับเล่นแบบนี้ เหมือนจะไปได้สวยอะครับ แต่มาพังเพราะครอบครัวกิ้วเป็นจีนจ๋าเลยครับ เขารับไม่ได้กะเรื่องแบบนี้ ที่บ้านกิ้มตอนแรกก็ดีกะผมนะ แต่ไปๆมาๆขัดขวางเป่าหูทุกวีธี สุดท้ายผมก็ถูกทิ้งครับ เขาบลอคเฟสผม เมินใส่ อยากจะถามนะ แต่เขาก็ขู่ว่าจะฟ้องที่บ้าน เพราะที่บ้านมาทีนึงนี่ผมเกือบตาย เพราะด่าต่อหน้าคนเลยอะครับ เพื่อนๆกิ้มเชียร์ผมนะ เพราะตั้งแต่ผมเข้ามาในชีวิตกิ้ม กิ้มก็ดูโอเคขึ้นทั้งการเรียนและนิสัย แต่สุดท้ายกิ้มเลือกที่จะเป็นแบบนี้ ครับ ผมก็ถอย..
สมัยม.ปลายตอนปลาย
ช่วงนี้ด้วยตำแหน่งที่พ่วงท้าย ทำให้ไม่ค่อยมีอะไรมากนักในชีวิตครับ แถมอยู่ในช่วงกำลังเตรียมตัวสอบเข้ามหาลัยด้วย ช่วงนี้ผมจึงถือว่าใช้ชีวิตช่วงโสดอย่างเต็มที่ มีคนที่ถูกตาบ้างทั้ง ผู้หญิงผุ้ชาย แต่นั่นแหละครับ ไม่ได้พิถีพิถันอะไรในความรักเลย
จนแล้วจนรอด พอผมสอบติดมหาลัยที่ผมเรียนอยุ่นี่แหละครับ ปีผมเขาปิดเทอม 6 เดือน ทำให้ช่วงเวลานี้นั่นว่างมาก ผมก็ใช้ชีวิตช่วงรอมหาลัยเปิดแบบเรื่อยเปื่อย จนมาเจอกะน้องอีกคนนึง เป็นผู่หญิงครับ ไม่ได้ขาวเหมือนกับคนอื่น แต่นิสัยใจคอและอื่นๆมันตรงกะผมมาก ช่วงนั้นไลน์เพิ่งฮิตครับ ผมคุยไลน์กับน้องคนนี้ทุกวันเลย เรียกน้องคนนี้ว่า 'แพร' แล้วกันนะครับ เหมือนจะดีอะครับ ทุกเฟส คุยไลน์ประจำ จนกระทั้งผมเริ่มรู้สึกสนิทสนม เพื่อนๆผมและเพื่อนน้องก็เชียร์กันมาก ชวนไปออกกำลังกายกันเกือบทุกวันเลยวันนึงผมส่งรูปไอคอน จุ๊บๆ ไรไปบอกฝันดีนี่แหละ แพรตอบกลับมาแบบบอกว่าไมาชอบแบบนี้ อย่า ทำอีก รุ้สึกแปลกๆ เอาละสิครับ ตอนนั้นยอมรับเลยว่าผมไม่รุ้จะทำไง วันหลังก็คุยกันปกตินะ แต่มันค่อยๆลดจำนวนบทสนานาลง เรื่อยๆ จนแบบ ผมส่งรูปหน้ายิ้มไป แพรอ่านนะครับ แต่ไม่ตอบ นั่นแหละ จึงได้รู้ว่าเรื่องของผมกับแพรคงจะจบที่ตรงนี้
พอเปิดเทอม อะไรๆก็เปลี่ยนไปครับ ชีวิตเฟรชชี่ปีหนึ่งนั้นต้องปรับตัวมาก ผมไม่ค่อยได้ออนเฟสบ่อยเช่นเก่า รุ่นน้องก็ไม่ค่อยได้พบเเล้ว มีแต่กิจกรรมจนกระทั้งลืมเรื่องเก่าๆไปบ้าง ผู้หญิงก็มีเข้ามาบ้างนะครับ แต่ผมจะเป็นฝ่ายถูกจีบก่อนมากกว่า ไม่ได้หล่อไรมากนะครับ แต่กิจกรรมผมเดีนกว่าเพื่อน ฮ่า
แต่นั่นแหละผมไม่ได้อะไรกับพวกหล่อนมาก จนผมได้พบกะรุ่นน้องม.ปลายคนหนึ่งที่ห้างเปิดใหม่แถวๆมหาลัยนั่นแหละ จำได้ว่าเมื่อก่อนเราเคยเจอกัน ตอนนั้นน้องออกติ่งๆมากครับ ไม่มีแววน่ารักเลย แถมมีแหนแล้วด้วย แหนน้องเขาก็รุ้จักกับเอิร์ท เพราะเป็นรุ่นพี่รุ่นน้อง รร.เดียวกัน ก่อนสองคนนี้จะเลิกกันตอนหลัง เจอตอนนี้น้องสวยมาก จำว่าเป็นช่วงก่อนปีใหม่ คุยกันทุกวันเลย แม้ตอนห่างกันจนเกือบจะครึ่งค่อนโลก เราก็คุยกัน คุยดูใจกันราวหกเดือน น้อง'รุ่ง' ก็กลายเป็นคนที่ผมออนเฟสทุกทีต้องคุยทีเดียว รุ่งก็เข้ามาอ่านหนังสือในมหาลัยที่ผมอยุ่บ้างเวลาสอบ เพราะมหาลัยผมมีห้องสมุดโคตรใหญ่ครับ มีโซฟาให้นอนสบายๆด้วย เด็กมัธยมข้างนอกจึงเข้ามาเยอะมากๆๆ สะใจผมคนรักเด็กทีเดียวครับ ฮา
และอีกครั้ง เหมือนจะดีอะครับ แต่สุดท้ายรุ่งก็คบกับรุ่นน้องที่ผมรู้จักและสนิทมากๆอีกคน จบครับชีวิตผม ช้าไปนิดเดียวทุกที เด็กคนนี้คุยไม่นานแต่กล้าแสดงออก ผมมันปอดแหละมั้ง กน้าแหกทุกที ทุกวันนี้ยังติดตามอิสตราแกรมและเหสรุ่งครับ ก็ยังรีสึกดีและเห็นน้องมีความสุขกะคนที่น้องเลือกนะ
นี่จะเข้าสู่ประเด็นที่แสนจะฉงนงงงวยแล้วนะครับ อ่านละสิ ฮา แต่นั่นแหละครับ ผมเตือนแล้วว่ายาวววววว
พอขึ้นปีสอง ผม้ลือกทำกิจกรรมรับน้องครับ กิจกรรมเด่นตามสโลแกนครับ ได้อยู่ในตำแหน่งที่เรียกว่าใกล้ชิดรุ่นน้องมากๆอีกตำแหน่งนึงเลย และแล้วหลังจบกิจกรรมรับน้องใหม่ ผมก็เริ่มสนิทกับน้องผู้ชายที่ผมขอเรียกว่า 'เน่' เน่เป็นน้องคณะเดียวกับผมครับ แต่เรียนคนละสาขาวิชา ไม่ได้หล่ออะไรหรอก แต่เรียนโอเค นิสัยบางอย่างจัดว่าปอดไม่ต่างจากผม เน่รุ้จักผมนานแล้วเพราะอยู่จังหวัดเดียวกัน อาจรุ้จักผ่านเพื่อน แต่ผมไม่รุ้จักเขานะ เน่เป็นผู้ชายที่ดูแลตัวเองดีมาก เน่ชอบออกกำลังกายเลยเข้ากะผมได้ เจอกันบ่อยบ้างครับ พวกใต้หอ หน้าเซเว่น หรือใต้ตึกคณะ ผมมีหน้าที่ให้คำปรึกษาหลายๆเรื่อง ทั้งเรื่องความรัก(แต่ตัวเองเอาไม่รอด) การเรียน และหลายๆเรื่องที่ผมรู้สึกว่าเน่อ่อนต่อโลก มีประโยคหนึ่งที่ผมประทับใจในตัวเน่คือ ' พี่ พี่รับผมเป็นน้องด้วยะ ต่อจากนี่พี่เป็นพี่ผมนะ' อะไรทำนองนี้ ผมยึดถือเคร่งครัดมากครับ จนว่าเน่ทำอะไรที่ไม่โอเค ผมจะรู้สึกไม่ดีไปด้วย เหมือนกับว่าดูแลน้องไม่ดีอะแบบนี้ เน่ชอบออกกำลังกายเลยมีพวกตุ๊ดหรือเกย์แท้ๆ มาแกล้งบ่อยๆ ผมงี้โกรธนะ และเน่ก็ไม่ชอบด้วย แต่เน่ทำไรมากไม่ได้เพราะพวกตุ๊ดไรงี้รุ่นเดียวกะผมทั้งนั้น ผมเลยลงมาเคลียร์อีกละ อ้อ ลืมบอกครับ ผมไม่ค่อยถูกกับพวกตุ๊ดหรือเกย์ในมหาลัยนะครับ ไม่รุ้ทำไมเหมือนกัน
สรุปว่าผมอาจรัสึกกับเน่แบบพี่น้อง(นี่อะ กลัวคิดเข้าข้างตัวเอง)ผมไม่เคยมีน้องชายครับ ทำตัวไม่ถูก แต่วันไหนไม่ได้เจอหน้าเน่เกินกว่า 2 วันนี่รู้สึกใจคอไม่ดี เน่มีอะไรบอกผมหมด ผมเลยโอเคกับเน่มากจนชนิดที่ว่าเพื่อนในกลุ่มผมก็ได้มาทำความรุ้จักกับเน่ เพื่อนผมนี่โอนะ แต่พวกเพื่อนต่างคณะที่รุ้จักผม หรือเน่อะดิ ชอบล้อว่าทำไมไหนด้วยกัน ทำไมอยุ่ตัวติดกัน(แต่ตอนไม่อยู่ติดกัน ไมไม่เห็นวะ) ผมกลัวว่าความสัมพันธ์ระหว่างผมกับเน่จะแตกและหมางกันเพราะการถูกล้อแบบนี้มาก แม้แต่เพื่อนเน่กันเองก็มีล้อ มีครั้งหนึ่งล้อต่อหน้าผม แต่ไม่อยากเสียบรรยากาศเลยไม่ตอกกลับไปครับ เน่เอาแต่ยิ้มครับ ไม่เคยบ่นเรื่องนี้เลย จนตอนนี้ผมก็รุ้สึกเฉยๆไปกับเรื่องถูกล้อ ผมปลื้มก็เพราะเน่เป็นแบบนี้แหละ
ตอนนี้ผมกำลังเริ่มจะชอบน้องปีหนึ่งคนหนึ่งครับ เป็นสาวแพทย์ ผมไม่เคยคุยเลย แต่ว่ามีเฟสน้องเขานานมากแล้ว แต่ตอนนี้เพิ่งเข้าไปส่องไลค์อะไรรัวๆ แบบวันไหนไม่ส่องไม่ได้ กับเน่นี่ส่องนานๆที แต่กับน้องสาวแพทย์นี่ไม่มีเว้นอะครับ รายชื่อเธอติดหนึ่งในไม่กี่คนคนที่ถูกnominated เป็นดาวคณะแพทย์ แต่ไม่ได้เป็นครับ แต่ยังไงก็น่ารักในสายตาผม ผมเจอไม่บ่อยนะ มักจะเจอตอนบังเอิญ อยากจะยกมือทักทาย แต่อายไม่กล้าครับ รุ้อย่างเดียวพ่อดุมากเพราะตอบคอมเม้นต์ที่ผมแอบส่องในเฟสได้หฤโหดจนผมแค่ไลค์แล้วยังเสียวเลย อย่าลืมให้กำลังใจเอิร์ทนะครับ
ตอนนี้สารภาพเลยว่า กลัวพลาดครับ กลัวทุกอย่างไปหมดเหมือนที่เคยโดนมาก่อนหน้านี้
ไม่รุ้ดิครับ สรุปผมเป็นไบจริงๆใช่ไหมครับ ? หรือแค่ภาวะสับสนแบบในหนังซีรีย์เรื่องดัง ? ไม่ได้หลอกตัวเองมั้ง