จากกรณีที่มีผู้เสียหายร้องทุกข์วิ่งโร่เข้าแจ้งความว่าถูกนายอมร หาญภูเขียว ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านและชาวบ้านในครอบครัวของนายอมร ร่วมก่อเหตุข่มขืนกระทำชำเราทั้งหมด 9 คน  ซึ่งเรื่องราวนี้เกิดขึ้นเมื่อปี 2550 ที่ผ่านมา แต่ทางครอบครัวของนายอมรยืนยันว่านายอมรไม่ได้เป็นคนกระทำ ตกเป็นแพะรับบาปด้วยซ้ำ เพราะเบื้องต้นในช่วงที่เกิดเหตุทางผู้เสียหายได้แจ้งความ และมีการส่งตัวไปตรวจร่างกายกลับพบว่า ไม่มีร่องรอยของการข่มขื่นกระทำชำเราหรือคราบอสุจิแต่อย่างใด พบเพียงตกขาวภายในช่องคลอดเท่านั้น เหตุการณ์ในครั้งนี้ศาลสั่งฟ้องและดำเนินคดีนายอมร และครอบครัวอีก 9 คนทันที ทำให้ครอบครัวหาญภูเขียวต้องก้มหน้ารับกรรมที่ไม่ได้ก่อเพราะไม่มีเงินไปใช้คืนครอบครัวของผู้เสียหายที่เคยหยิบยืมมา และถูกข่มขู่จากผู้เสียหายว่า “ถ้าอยากให้ถอนแจ้งความ ก็ให้นำเงินมาคืนจำนวน 400,000 บาท ปัจจุบันแพะรับบาป 9 คน ได้ออกจากคุกมาแล้วทั้งหมด 5 คน และยังชดใช้กรรมร้ายที่ไม่ได้ก่ออีก 4 คน ใน 5 คนนี้มีนายอมร หาญภูเขียว ที่ญาติได้หยิบยืมเงินและยอมเป็นหนี้นอกระบบจำนวน 700,000 บาท มาประกันตัว แต่สุดท้ายคดีพลิกลิ้นสาว เมื่อปลายปี 2555 ผู้เสียหาย ยอมรับสารภาพว่าแจ้งความเท็จ กุเรื่องขึ้นมาใส่ร้ายนายอมรและครอบครัว เพราะสามีบังคับให้แจ้งความว่าข่มขืน เนื่องจากนายอมรยืมเงินแล้วไม่คืน นายอมรได้ฝากทิ้งท้ายว่า “พวกผมและครอบครัวต้องต่อสู้กับคดีร้ายแรงที่ไม่ก่อด้วยความไม่ยุติธรรมมาตลอด ตำรวจเชื่อคนมีเงินมากกว่าคนดี หากมีหน่วยงานใดที่สามารถช่วยเหลือคนที่ตกอยู่ในสภาพเดียวกับผมและครอบครัว อยากวอนขอให้ช่วยสอดส่องดูแลและไตร่ตรองคดีความให้ดีก่อนครับ”