[CR] แบคแพคเดี่ยวเที่ยวแอฟริกาใต้ เลโซโธ

ก่อนหน้าเราจะเดินทางเราหาข้อมูลเที่ยวแอฟริกาในพันทิปไม่ค่อยมีเท่าไหร่ จนพอกลับมาก็มาเจอกระทู้ของคุณ guitargunner ทีมีข้อมูลโจเบิร์กอยู่พอควรถ้าเราเห็นก่อนอาจจะเปลี่ยนแผนอยู่โจเบิร์กและเลิกประสาทกินกับความไม่ปลอดภัยของประเทศนี้ที่คนรอบข้างพยายามเตือนตลอด ซึ่งเอาจริงๆ มันก็ไม่ปลอดภัยจริงๆ แต่ไม่ถึงกับต้องกังวลมาก เราเดินทางไปคนเดียว 1 อาทิตย์กว่าๆ เดินทางโดย Bazbus กับ รถแท๊กซี่ท้องถิ่น (คือรถตู้และใช้วิธีโบกเอาข้างทางตามโชคชะตา) อาทิตย์ที่สองเรานัดเจอเพื่อนโดยเช่ารถขับกันไปเรื่อยๆ ทั้งหมดสองอาทิตย์กว่าๆ  ไปมาแล้วหลายที่แต่ไม่เคยไปไหนที่ไปแล้วไม่อยากกลับเท่าที่นี้ เลยอยากเล่าประสบการณ์ เผื่อมีใครอยากตามรอย เพราะบอกเลยว่า มันส์มากๆ
ด้วยความที่กลัวตายเป็นที่หนึ่งบวกกับความที่คนรู้จักที่เคยไปบอกว่าอันตรายมาก อีกทั้งเป็นที่รู้กันดีว่าแอฟริกาใต้นั้น crime rate สูงมากโดยเฉพาะโจเบิร์ก แผนการเทียวของเราคือความปลอดภัยอันดับหนึ่ง ความมันส์อันดับสอง
พอถึงสนามบินมีช่อง visa exemption แยกไว้ให้แต่ ปิด ค่ะ ตรึงงง!! ก็ต่อแถวกันไป ก่อนเข้าช่อง ตม. จะมีการแสกนคลื่นความร้อนดูว่าใครมีไข้มีความเสี่ยงอีโบล่ามั้งค่ะ ตอนที่เราไปนั้นต้นปีค่ะ ยังไม่ outbreak  ขนาดปัจจุบัน ((( ไม่มีรูปรีวิวเลยขออภัย ด้วยความที่กลัวมากมัวแต่สังเกตุสิ่งรอบข้างเรื่องรูปเอาไว้ทีหลัง)))


เพื่อความปลอดภัย..ตอนแรกเราก็อายๆ ว่าจะทำดีมั้ยแต่พอไปถึงสนามบินโจเบิร์กเลยรู้ว่าเค้าก็ทำกัน



เราพยายามที่จะไม่ออกไปไหนคนเดียว พอถึงสนามบินปุ้บเราจองโฮสเทลที่มีรถมารับที่สนามบิน ฟังดูเหมือนหรูแต่ไม่เลย โอสเทลที่เรานอนเป็น backpackerคืนละ 400 บาท  เพราะเรามาถึงสนามบินก็ดึกมากแล้ว ประมาณ ห้าทุ่ม และทางสถานทูตไทยที่พริทอเรียเองก็เตือนว่าสนามบินมีโจรชุม แทกซี่ก็ไว้ใจไม่ได้ ที่นี้มีแทกซี่สำหรับ ผญ โดยเฉพาะการมาถึงสนามบินดึกๆ ทำอะไรคงลำบาก โอสเทลส่วนใหญ่มีรถมารับ คาดว่าคงรู้กันว่ามันอันตรายจริง

เราเดินทางโดยแพลนคราวๆล่วงหน้าเช่น จะทำกิจกรรมอะไรที่ไหน พักที่ไหน และมีแผนสำรองตลอด ที่สำคัญเบอร์โทรสถานทูต มือถือต้องออนตลอด เผื่อกรณีฉุกเฉิน เราเดินทางโดย BazBus ค่ะสะดวกมากๆ ที่เหลือก็ โบกรถแทกซี่เอาแต้องระวังเพราะที่นี้โบกได้เฉพาะที่เค้ามีป้ายให้โบกนะค่ะ เราจะเน้นโบกในเมืองและคนเป็นกลุ่ม ไม่งั้นอันตรายมากๆ [Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้

to do list อันแรกคือไปผจญภัยเลยจัด เดินป่าเดินเขากะเพื่อนที่เพิ่งเจอกันที่ โอสเทล เป็นหมอมาฝึกงานก่อนจะไปเป็น หมอไร้พรหมแดนที่เราเคยได้ยินกันจากข่าวอีโบล่าหน่ะค่ะ เราเดินไปจนถึงเลโซโธ ประเทศที่ผลิตไฟฟ้าส่งออกแอฟริกาใต้แต่ 80% ของครัวเรือนไม่มีไฟฟ้าใช้ ซะยังงั้น


ที่นอนก่อนไปขึ้นเขา ที่ Northern Drakensberg


วิวระหว่างขึ้นลงเขา ยอดเขาชื่อ sentinel peak ค่ะ


ขึ้นว่าเสียวแล้วลงนี่ลมแทบจับ ยิ่งเวลาลมพัดแรงๆ นี่เสียวว้าบๆ


ผู้ร่วมชะตากรรม


และผู้รอดชีวิต


ชุดประจำชาติ (ผ้าห่มคลุมตัว)และพาหนพคู่กาย


บ้านไสตล์ Traditional African


ไม่รู้ว่าละเมิดสิทธิส่วนบุคคลน้องมั้ยเอารูปมาลง แต่น้องคือ Lesotho Next Top Model ของพี่


อาหารพื้นเมือง ข้าวโพดและผักโขม


หมอประจำหมูบ้าน คล้ายๆ spiritual doctor ค่ะ นางขอบ selfie มากเลย ^^


ตบท้ายที่เบียร์เลโซโธ เหมือน lager ทั่วไปกินง่ายสบายคอ

to do list อันที่สองคือไปปาร์ตี้ คนชอบปาร์ตี้ต้องห้ามพลาด Durban, coffee bay, port of st. john และเมืองเรียบชายหาดทั้งหลาย ที่นี้ทั้งมันส์ทั้งถูก เช่น มีคอร์สให้เรียนโต้คลื่นชิวๆ 200 บาท แต่ห้ามไปไกลเพราะฉลามเพิ่งจัดนักท่องเที่ยวชาวออสเตรเลียไปคนนึงเป็นรายที่หกในรอบปี ที่นี้ทุกชายหาด (เท่าที่เราไปมา) ตอนเย็นจะมีคนพื้นเมืองมาตั้งเตาบาร์บีคิว เราก็ซื้อเนื้อไปให้เค้าปิ้งได้ ดึกๆ ก็จะเปิดเพลง เร็กเก้ ฮิปฮอป ปาร์ตี้ด้วยกัน สนุกดีค่ะแต่ผญ. ไปคนเดียวไม่แนะนำอย่างแรง


น้องด้องกี้ลูกเจ้าของโฮสเทลอยากไปเที่ยวด้วย นางจะขึ้นรถให้ได้เลย ห้ามจนหมดแรง


นางเอกมิวสิก ชมวิวชิวๆ สวยๆ


ชิวๆ ที่โฮสเทล


ขนาดมีป้ายก้ยังลงไปเล่นเป็นเหยื่อไอ้หลาม หาดแถวนี้เรียกว่า Wild Beach ค่ะ คนท้องถิ่นบอกว่า คนเป็นแค่ผู้อาศัย สัตว์และธรมชาติเป็นเจ้าของ เพราะฉนั้นต้องดูแลตัวเอง

หลังจากปาร์ตี้มันส์กันไปแล้วก็มามีสาระบ้าง เราให้เพื่อเราชาวเยอรมันที่เคยทำงานอยู่ที่แอฟริกาใต้พาเราเข้าไปใน township ซึ่งก็แอบน่ากลัวอย่างที่เล่าลือ สภาพความเป็นอยู่ไม่ได้ดีมาก แต่พอทน ค่าน้ำไฟต่างๆ เป็นระบบเติมเงินซื้อมาเท่าไหร่ก็ใช้เท่านั้น หลังจากเราไปเยี่ยมชมทานอาหารพื้นเมืองใน township แล้วก็ไปเที่ยวผับกันต่อ ดื่มเท่าไหร่ก็ไม่เมาเพราะต้องตื่นตัวกลัวตายตลอดผลัดกันออกมาดูรถว่าจะโดนโขมยมั้ย แต่โชคดีมากไม่โดนโขมยแต่โดนถุบและเจาะยาง คนแถวนั้นใจดีเหลือไว้ให้พอขับกลับได้ ปล. เราใช้ใบขับขี่ไทยในแอฟริกาใต้ได้ด้วยหล่ะ


คนใน township มานั่ง hang out กัน


township ถ่ายจากข้างนอก ปรับสีจัดๆ เอามาเป็น background ในเฟซบุคซะเลย เราตั้งชื่อว่า township can be beautiful เพื่อนชาวแอฟริกันมาเม้นท์ว่า as long as you are not in it


อาหารพื้นเมืองค่ะเค้าบอกว่าเป็นเนื้อวัว ถั่วผสมข้าวแล้ว sweet potato และอื่นๆ ตามรูปค่ะ


ในtownship ไม่มีร้านสะดวกซื้ออยากซื้อเครื่องดื่มต้องมาร้านนี้ ดูเผินๆ นึกว่ารับจำนำ


ป้าๆกำลังร้องเพลงกันอยู่ เหมือนจะมีงานแต่ง

ก่อนกลับเรากับเพื่อนไปเป็นอาสาสมัครดูแลเลี้ยงเด็กๆ กำพร้า ที่พ่อแม่เป็นเอดส์เสียชีวิต อิ่มอกอิ่มใจแต่ก็เศร้าใจเล็กๆ น้องๆ ไม่ได้เป็นเอดส์นะค่ะ น้องๆบางคนอาจป่วยแต่ไม่ร้ายแรง สัมผัสได้เลยว่าเค้าต้องการความรักมากๆ วันแรกที่เราเดินเข้าไปมีน้องเหมือนถูกอะไรเจาะเลือดไหลอยู่ที่ศีรษะวิ่งยิ้มแฉ่งมาหา  ไอ้เราก็กลัวเลือดจะเป็นลม







วันก่อนกลับเราไปชิวนั่งเหล่หนุ่มโต้คลื่นอยู่ที่ East london มีแต่คนขาวบ้านเมืองน่าอยู่มาก คนละเรื่องกับที่เจอมาตลอดสองอทิตย์ที่ผ่านมา ครั้งนี้เรานอนB&B หลังจากที่นอนพื้น นอนเต้น นอนเปล นอนเตียงรวมสิบคนไปแล้ว คราวนี้เลยขอสบายๆ บ้าง

มาเหนื่อยๆ เจ้าของไม่รับแขกเลย นอนดูเฉยยยย


สงสัยรู้ตัวเลยรีบมาเสริฟอาหารเช้าให้







แอฟริกาใต้เป็นอะไรที่หลากหลายมาก ต่อให้ไปคนเดียวแบบเรายังไงก็ไม่มีทางเหงาแน่นอนทริปครั้งนี้เป็นครั้งแรกแต่ไม่ใช้ครั้งสุดท้ายของเรา เราจะไปอีกแน่นอนถ้าเป็นไปได้ก็อยากไปมันทุกปีเลย เพราะค่าครองชีพไม่แพงอะไร ผู้คนยิ้มแย้ม อัธยาศัยดี ถึงแม้อาชญากรรมจะสูงก็ตาม ใครชอบเที่ยวแบบแบคแพคชิวๆ มันส์ๆ  ได้เพื่อนกลับมามากมาย เราแนะนำมากๆเลยคะ

ปล. อันนี้เป็นรีวิวแรกของเราอาจจะอ่านงงๆ ^^! ผิดพลาดประการใดขออภัยด้วยนะค่ะ เพิ่งรู้ว่าทำกระทู้รีวิวมันเหนื่อยจังแหะ ใครอยากทราบวิธีเที่ยวข้อมูลเพิ่มเติมถามมาโล้ด
ชื่อสินค้า:   South Africa
คะแนน:     
**CR - Consumer Review : ผู้เขียนรีวิวนี้เป็นผู้ซื้อสินค้าหรือเสียค่าบริการเอง ไม่มีผู้สนับสนุนให้สินค้าหรือบริการฟรี และผู้เขียนรีวิวไม่ได้รับสิ่งตอบแทนในการเขียนรีวิว
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่