1. กุยแกกับซุนฮกแม้เป็นที่ปรึกษาเหมือนกัน แต่บทบาทต่างกัน ซุนฮกเป็นที่ปรึกษาเชิงนโยบาย กุยแกเป็นที่ปรึกษาเชิงเสนาธิการทัพ มีส่วนร่วมในสงครามหลายๆ สงคราม เพราะฉะนั้นประโยคนี้  "ซุนฮกกับซุนฮิวจะถูกลดบทบาทจนหมด" คงไม่ใช่ เพราะคนละบทบาท
2. ซุนฮกคือเสาหลักที่แท้จริงของวุยก๊ก ถ้าไม่มีซุนฮก โจโฉอาจไม่รับเหี้ยนเต้มาอยู่ด้วย ซึ่งน่าจะทำให้วุยก๊กไม่สามารถตั้งตัวเป็นใหญ่ได้อย่างที่เป็นอยู่ เพราะฉะนั้นประโยคนี้ "วุยก๊กจะเป็นใหญ่ได้มากกว่านั้น" คงไม่ใช่
3. สุมาอี้เป็นขุนพลชำนาญศึก คือเก่งทั้งกลศึกและความสามารถในการนำทัพ กุยแกแม้แสดงความสามารถหลายครั้งในการสงคราม แต่ก็เป็นเพียงกุนซือ ไม่เคยนำทัพด้วยตนเอง เพียงแต่ส่วนใหญ่ติดตามทัพไปให้คำปรึกษาแก่โจโฉในการทำศึกหรือด้านกลยุทธ์ การบัญชาทัพซึ่งเป็นภาระอันหนักอึ้ง ยังคงเป็นหน้าที่ของโจโฉ ซึ่งมาในสมัยหลังฮ่องเต้ของวุย เช่นโจยอย ไม่ค่อยนำทัพด้วยตัวเองเหมือนผู้เป็นปู่ หน้าที่นี้จึงตกแก่สุมาอี้ ซึ่งตำแหน่งคือแม่ทัพผู้บัญชาการสูงสุด กุยแกเองยังไม่เคยพิสูจน์ฝีมือให้ประจักษ์ในตำแหน่งหน้าที่นี้ เพราะฉะนั้นประโยคนี้ "ถ้ากุยแกยังอยู่ สุมาอี้จะไม่เกิด" คงไม่ใช่
4. กุยแกเองมีปัญหาด้านมนุษยสัมพันธ์ เป็นกุนซือที่ค่อนข้างเก็บตัว โดดเดี่ยว มองในแง่หนึ่งคือเป็นกุนซือในอุดมคติ ทำงานอย่างเดียว ไม่เล่นการเมือง ไม่เล่นพรรคพวก แต่ในด้านหนึ่ง การจำกัดบทบาทของตน ทำให้ความสามารถของเขาถูกจำกัดไปด้วย คือเป็นแค่ที่ปรึกษา เขาไม่มีโอกาสแสดงฝีมือด้านการบริหารบ้านเมืองแบบขงเบ้ง ไม่มีโอกาสเป็นแม่ทัพผู้ชำนาญศึกแล้วลงมาเล่นการเมืองแบบสุมาอี้ ซึ่งภาระที่มากมาย มารวมอยู่ในคนๆ เดียว โอกาสความผิดพลาดยิ่งสูงไปด้วย ถ้าอ่านสามก๊ก จะเห็นว่าทั้งขงเบ้งและสุมาอี้ต่างก็เคยผิดพลาดมาแล้วทั้งนั้น แต่กุยแกไม่เคยพลาดเลยสักครั้ง เพราะบทบาทของเขาค่อนข้างแคบหรือจำักัดกว่านั่นเอง นี่ยังไม่รวมว่ากุยแกอายุสั้น โอกาสแสดงฝีมือน้อยมาก ผลงานน้อยความผิดพลาดก็เลยน้อย นี่ก็เป็นเหตุผลหนึ่งว่าทำไมกุยแกจึงได้รับความชื่นชมมากกว่าขงเบ้งและสุมาอี้ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเขาเก่งกว่าทั้งสองคนนั้น เพราะฉะนั้นประโยคนี้ "ขงเบ้งอาจจะตายตั้งแต่ปะหน้ากับกุยแก" คงไม่ใช่