“ผมไม่ได้ล้มเหลว ผมเพียงแค่ค้นพบ 10,000 วิธีที่ไม่ได้ผล”
- Thomas Alva Edison (ขอนอกเรื่องหน่อย – เขามักถูกเข้าใจผิดว่าเป็นผู้คิดค้นหลอดไฟ แต่ในความเป็นจริงเขาเป็นบุคคลแรกที่จดสิทธิบัตรในการประดิษฐ์หลอดไฟจากนักวิทยาศาสตร์กว่า 20 คนที่คิดค้นหลอดไฟ และสามารถนำมาทำเป็นธุรกิจได้ – ข้อมูลจาก Wikipedia)
ฟังดูเท่ดีนะ คุณว่ามั้ย? หุหุ
ความล้มเหลวเป็นสิ่งที่มนุษย์กลัวที่สุดในชีวิตเลยล่ะ เหตุก็เพราะว่า ใครต่อใครต่างก็ยกย่องสรรเสริญคนที่ประสบความสำเร็จกันทั้งนั้น แม้แต่คุณเอง ยอมรับความจริงข้อนี้ซะดีๆ
คุณวางแผน คุณทำงานอย่างหนักเพื่อให้เป้าหมายสำเร็จตามแผน แต่สุดท้ายก็พบว่าคุณกำลังหมดตัว เหลือเพียงแต่หยาดเหงื่อและคราบน้ำตา …โอว
แต่มันก็โอเคอยู่นะครับ
ความจริงก็คือ ความล้มเหลวเป็นสิ่งที่ยอดเยี่ยมที่คุณสามารถเรียนรู้จากมันได้ ความล้มเหลวเป็นครูชั้นดีเลยล่ะ แต่… ผมพูดจริงๆเลยนะ ความล้มเหลวไม่ได้เป็นสิ่งที่ที่ทำให้คุณรู้สึกว่ามันยอดเยี่ยมอย่างที่มันเป็นเลย ส่วนใหญ่แล้วคนเราจะรู้สึกเจ็บปวด และสูญเสียความมั่นใจ ความรู้สึก และอะไรต่างๆในเวลาที่รู้สึกว่าเราล้มเหลว แต่ว่าความล้มเหลวนั้นก็ได้ให้บทเรียนบางอย่างกับคุณบ้างแน่นอน
จงเข้าใจว่าความล้มเหลวเป็นสิ่งจำเป็น
สิ่งที่คุณควรทำความเข้าใจก่อนเลย คือ ความล้มเหลวเป็นสิ่งที่จำเป็นจริงๆนะ
เป็นไปไม่ได้เลยที่คุณจะประสบความสำเร็จโดยไม่เคยทำผิดพลาดมาก่อน ความสำเร็จไม่ใช่สิ่งตรงข้ามกับความล้มเหลวครับ ความสำเร็จอยู่ติดๆกับความล้มเหลว เพียงแต่ว่ามันอยู่คนละฝั่งเท่านั้นเอง เหมือนเหรียญสองด้านน่ะครับ พอเห็นภาพใช่มั้ยครับ? จำไว้ว่าความสำเร็จจะมาหลังจากที่คุณพบล้มเหลวครั้งแล้วครั้งเล่า มีส่วนน้อยที่จะพบความสำเร็จจากการล้มเหลวแค่ครั้งเดียว จากประสบการณ์ของผมเองก็ไม่ได้ทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอันตั้งแต่ครั้งแรกเช่นกัน! หุหุ
ขอพูดให้เห็นภาพกว่าเดิมหน่อย
ย้อนกลับไปยังอดีตครับ ไม่กี่สิบปีเอง คุณจำครั้งแรกที่คุณหัดขี่จักรยานตอนคุณยังเด็กๆได้ใช่มั้ยครับ? คุณจำได้มั้ยว่าคุณล้มลงกี่ครั้ง? คุณจำได้มั้ยว่าคุณมีแผลกี่แผล? จำได้มั้ยว่าคุณร้องไห้เพราะหัดขี่จักรยานไปกี่ครั้ง? แล้วคุณล้มเลิกมั้ยล่ะ? คำตอบคือ ไม่!
หลังจากที่เราทุกคนทำผิดพลาดครั้งแล้วครั้งเล่า ในที่สุดพวกเราทุกคนก็ขี่จักรยานได้โดยที่ไม่เจ็บตัว! เห็นภาพชัดเจนหรือยังครับว่าความสำเร็จมาหลังจากความล้มเหลวเสมอ
แน่นอนว่าในตอนที่เรายังเด็กมันง่ายที่คุณจะล้มเหลว เพราะคุณยังเด็ก คุณยังไม่มีอัตตาในตัวคุณเอง ฮืม…แล้วมันเกี่ยวกันยังไง?
เพราะว่าตอนเป็นเด็กคุณไม่สนใจว่าความล้มเหลวจะทำให้ใครมองคุณยังไง คุณไม่สนใจด้วยซ้ำว่าความสำเร็จเป็นยังไง สิ่งที่คุณอยากทำอย่างเดียวคือ ขี่จักรยานให้เป็น! แต่เวลาทำให้คุณเติบโตขึ้นและสังคมรอบข้างก็ทำให้คุณเปลี่ยนไปในทางตรงข้าม พวกคุณแคร์สายตาคนอื่น คุณแคร์ความคิดคนอื่น ถ้าหากคุณล้มเหลวคนอื่นจะคิดยังไง คุณกลัวว่าคุณจะเป็นแกะดำไม่เหมือนแกะขาวที่เหมือนๆกันไปหมด ถูกมั้ย?
ดังนั้น การทำความเข้าใจว่าความล้มเหลวเป็นสิ่งจำเป็นต่อความสำเร็จ เป็นเพียงกำแพงแรกที่คุณต้องข้ามมันไปให้ได้
จงยึดมั่นความเข้าใจในความล้มเหลว
นี่เป็นสิ่งที่แยกระหว่างคนที่อ่อนแอและคนที่แข็งแกร่งออกจากกันอย่างสิ้นเชิง
ความเข้าใจในความล้มเหลวเป็นสิ่งที่สำคัญส่วนหนึ่งของการเติบโตและก้าวไปข้างหน้าไปสู่เป้าหมายที่คุณต้องการ ในขณะที่คุณกำลังจะล้มเหลว โลกกำลังแตกออกเป็นเสี่ยงๆ ผู้คนต่างก็พร้อมจะดูถูก เพื่อนบ้านพร้อมจะถากถางคุณ และนู่นนี่นั่นอีกมากมายที่เกิดขึ้นในหัวของคุณทั้งที่ความจริงมันยังไม่เกิด แต่ถ้าหากคุณเจอเหตุการณ์แบบนี้และคุณยังรักษาความเข้าใจในความล้มเหลวไว้ได้ ก้าวข้ามความรู้สึกเหล่านี้จนพบกับเป้าหมายของคุณ ถือว่าคุณแกร่งจริง!
ยิ้มรับความล้มเหลว
ถ้าหากคุณเป็นนักสังเกตุการณ์ที่ฉลาดพอ คุณจะเห็นว่าคุณสามารถเรียนรู้อะไรเยอะแยะจากความล้มเหลว นั่นเป็นสิ่งที่ยอดเยี่ยม เพราะว่าถ้าหากคุณทำผิดพลาด ก็ถึงเวลาที่คุณจะลองทำด้วยวิธีใหม่ หนทางใหม่ไปเรื่อยๆ มันต้องมีสักทางที่มันได้ผล
ในทางตรงกันข้าม ความสำเร็จไม่ค่อยสอนอะไรคุณเท่าไร เพราะว่าคุณทำสิ่งที่มันได้ผลแล้ว คุณก็อาจจะทำแบบเดิมซ้ำๆ ซ้ำๆ และซ้ำๆ เพราะมันทำแล้วได้ผลไงครับ แต่คุณจะไม่เติบโตขึ้นจากความสำเร็จมากเท่าไรนัก ดังนั้นแล้วจงท้าทายตัวเอง กล้าเผชิญหน้ากับความล้มเหลวและเรียนรู้จากมันซะ
มันอาจจะเจ็บปวดในตอนแรกๆ แต่ถ้าคุณเรียนรู้จากมัน คุณจะเติบโตขึ้นเรื่อยๆ เหมือนกับตอนที่คุณหัดขี่จักรยานครั้งแรกนั่นเอง
ขอให้คุณยิ้มให้กับความล้มเหลว
บทความจาก
Thinkdifferent.in.th/
บทความสำหรับคนท้อ - จงยิ้มรับให้กับความล้มเหลว
- Thomas Alva Edison (ขอนอกเรื่องหน่อย – เขามักถูกเข้าใจผิดว่าเป็นผู้คิดค้นหลอดไฟ แต่ในความเป็นจริงเขาเป็นบุคคลแรกที่จดสิทธิบัตรในการประดิษฐ์หลอดไฟจากนักวิทยาศาสตร์กว่า 20 คนที่คิดค้นหลอดไฟ และสามารถนำมาทำเป็นธุรกิจได้ – ข้อมูลจาก Wikipedia)
ฟังดูเท่ดีนะ คุณว่ามั้ย? หุหุ
ความล้มเหลวเป็นสิ่งที่มนุษย์กลัวที่สุดในชีวิตเลยล่ะ เหตุก็เพราะว่า ใครต่อใครต่างก็ยกย่องสรรเสริญคนที่ประสบความสำเร็จกันทั้งนั้น แม้แต่คุณเอง ยอมรับความจริงข้อนี้ซะดีๆ
คุณวางแผน คุณทำงานอย่างหนักเพื่อให้เป้าหมายสำเร็จตามแผน แต่สุดท้ายก็พบว่าคุณกำลังหมดตัว เหลือเพียงแต่หยาดเหงื่อและคราบน้ำตา …โอว
แต่มันก็โอเคอยู่นะครับ
ความจริงก็คือ ความล้มเหลวเป็นสิ่งที่ยอดเยี่ยมที่คุณสามารถเรียนรู้จากมันได้ ความล้มเหลวเป็นครูชั้นดีเลยล่ะ แต่… ผมพูดจริงๆเลยนะ ความล้มเหลวไม่ได้เป็นสิ่งที่ที่ทำให้คุณรู้สึกว่ามันยอดเยี่ยมอย่างที่มันเป็นเลย ส่วนใหญ่แล้วคนเราจะรู้สึกเจ็บปวด และสูญเสียความมั่นใจ ความรู้สึก และอะไรต่างๆในเวลาที่รู้สึกว่าเราล้มเหลว แต่ว่าความล้มเหลวนั้นก็ได้ให้บทเรียนบางอย่างกับคุณบ้างแน่นอน
จงเข้าใจว่าความล้มเหลวเป็นสิ่งจำเป็น
สิ่งที่คุณควรทำความเข้าใจก่อนเลย คือ ความล้มเหลวเป็นสิ่งที่จำเป็นจริงๆนะ
เป็นไปไม่ได้เลยที่คุณจะประสบความสำเร็จโดยไม่เคยทำผิดพลาดมาก่อน ความสำเร็จไม่ใช่สิ่งตรงข้ามกับความล้มเหลวครับ ความสำเร็จอยู่ติดๆกับความล้มเหลว เพียงแต่ว่ามันอยู่คนละฝั่งเท่านั้นเอง เหมือนเหรียญสองด้านน่ะครับ พอเห็นภาพใช่มั้ยครับ? จำไว้ว่าความสำเร็จจะมาหลังจากที่คุณพบล้มเหลวครั้งแล้วครั้งเล่า มีส่วนน้อยที่จะพบความสำเร็จจากการล้มเหลวแค่ครั้งเดียว จากประสบการณ์ของผมเองก็ไม่ได้ทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอันตั้งแต่ครั้งแรกเช่นกัน! หุหุ
ขอพูดให้เห็นภาพกว่าเดิมหน่อย
ย้อนกลับไปยังอดีตครับ ไม่กี่สิบปีเอง คุณจำครั้งแรกที่คุณหัดขี่จักรยานตอนคุณยังเด็กๆได้ใช่มั้ยครับ? คุณจำได้มั้ยว่าคุณล้มลงกี่ครั้ง? คุณจำได้มั้ยว่าคุณมีแผลกี่แผล? จำได้มั้ยว่าคุณร้องไห้เพราะหัดขี่จักรยานไปกี่ครั้ง? แล้วคุณล้มเลิกมั้ยล่ะ? คำตอบคือ ไม่!
หลังจากที่เราทุกคนทำผิดพลาดครั้งแล้วครั้งเล่า ในที่สุดพวกเราทุกคนก็ขี่จักรยานได้โดยที่ไม่เจ็บตัว! เห็นภาพชัดเจนหรือยังครับว่าความสำเร็จมาหลังจากความล้มเหลวเสมอ
แน่นอนว่าในตอนที่เรายังเด็กมันง่ายที่คุณจะล้มเหลว เพราะคุณยังเด็ก คุณยังไม่มีอัตตาในตัวคุณเอง ฮืม…แล้วมันเกี่ยวกันยังไง?
เพราะว่าตอนเป็นเด็กคุณไม่สนใจว่าความล้มเหลวจะทำให้ใครมองคุณยังไง คุณไม่สนใจด้วยซ้ำว่าความสำเร็จเป็นยังไง สิ่งที่คุณอยากทำอย่างเดียวคือ ขี่จักรยานให้เป็น! แต่เวลาทำให้คุณเติบโตขึ้นและสังคมรอบข้างก็ทำให้คุณเปลี่ยนไปในทางตรงข้าม พวกคุณแคร์สายตาคนอื่น คุณแคร์ความคิดคนอื่น ถ้าหากคุณล้มเหลวคนอื่นจะคิดยังไง คุณกลัวว่าคุณจะเป็นแกะดำไม่เหมือนแกะขาวที่เหมือนๆกันไปหมด ถูกมั้ย?
ดังนั้น การทำความเข้าใจว่าความล้มเหลวเป็นสิ่งจำเป็นต่อความสำเร็จ เป็นเพียงกำแพงแรกที่คุณต้องข้ามมันไปให้ได้
จงยึดมั่นความเข้าใจในความล้มเหลว
นี่เป็นสิ่งที่แยกระหว่างคนที่อ่อนแอและคนที่แข็งแกร่งออกจากกันอย่างสิ้นเชิง
ความเข้าใจในความล้มเหลวเป็นสิ่งที่สำคัญส่วนหนึ่งของการเติบโตและก้าวไปข้างหน้าไปสู่เป้าหมายที่คุณต้องการ ในขณะที่คุณกำลังจะล้มเหลว โลกกำลังแตกออกเป็นเสี่ยงๆ ผู้คนต่างก็พร้อมจะดูถูก เพื่อนบ้านพร้อมจะถากถางคุณ และนู่นนี่นั่นอีกมากมายที่เกิดขึ้นในหัวของคุณทั้งที่ความจริงมันยังไม่เกิด แต่ถ้าหากคุณเจอเหตุการณ์แบบนี้และคุณยังรักษาความเข้าใจในความล้มเหลวไว้ได้ ก้าวข้ามความรู้สึกเหล่านี้จนพบกับเป้าหมายของคุณ ถือว่าคุณแกร่งจริง!
ยิ้มรับความล้มเหลว
ถ้าหากคุณเป็นนักสังเกตุการณ์ที่ฉลาดพอ คุณจะเห็นว่าคุณสามารถเรียนรู้อะไรเยอะแยะจากความล้มเหลว นั่นเป็นสิ่งที่ยอดเยี่ยม เพราะว่าถ้าหากคุณทำผิดพลาด ก็ถึงเวลาที่คุณจะลองทำด้วยวิธีใหม่ หนทางใหม่ไปเรื่อยๆ มันต้องมีสักทางที่มันได้ผล
ในทางตรงกันข้าม ความสำเร็จไม่ค่อยสอนอะไรคุณเท่าไร เพราะว่าคุณทำสิ่งที่มันได้ผลแล้ว คุณก็อาจจะทำแบบเดิมซ้ำๆ ซ้ำๆ และซ้ำๆ เพราะมันทำแล้วได้ผลไงครับ แต่คุณจะไม่เติบโตขึ้นจากความสำเร็จมากเท่าไรนัก ดังนั้นแล้วจงท้าทายตัวเอง กล้าเผชิญหน้ากับความล้มเหลวและเรียนรู้จากมันซะ
มันอาจจะเจ็บปวดในตอนแรกๆ แต่ถ้าคุณเรียนรู้จากมัน คุณจะเติบโตขึ้นเรื่อยๆ เหมือนกับตอนที่คุณหัดขี่จักรยานครั้งแรกนั่นเอง
ขอให้คุณยิ้มให้กับความล้มเหลว
บทความจาก Thinkdifferent.in.th/