ในภาวะเยี่ยงนี้ เชื่อว่าหม่อมหลวงปนัดดา ดิศกุล ปลัดสำนักนายกฯ และรัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ คงจะรู้สึกผะอืดผะอม หรืออับอายขายหน้าอย่างที่สุด ที่คดีไมค์ทองคำฝังเพชรลุกลามบานปลายกลายเป็นข่าวใหญ่โตและโด่งดังไปทั่วโลก จนเป็นเหตุให้นายกรัฐมนตรีทนไม่ได้ ต้องสั่งระงับโครงการไปแล้ว..จะทำยังไง
พอเริ่มต้นเหยียบประตูทำเนียบได้ไม่กี่วัน คนดีที่พยายามชี้หน้าบอกว่าคนอื่นเลว ชั่ว ฟุ่มเฟือย ไม่รู้จักพอเพียง กลับกลายเป็นผู้ที่ถูกสังคมตั้งข้อเคลือบแคลงสงสัยในพฤติกรรมอย่างมากที่สุดในขณะนี้เสียเอง ในข้อกล่าวหาเดียวกันกับที่เคยกล่าวหาคนอื่น..และในเวลาไล่เลี่ยกัน
ถ้าผมเป็นหม่อมปนัดดาในขณะนี้ ผมคงอับอายขายหน้า ไม่กล้าสบตาใคร ไม่กล้าพบหน้าผู้คน ไม่กล้าออกไปบรรยายเรื่องความพอเพียงอีกต่อไป เพราะชะนักปักหลังเต็มพรีดไปหมด ทั้งไมค์ โคมไฟ ทีวี รางผ้าม่าน ล่าสุดยังมีโถสุขภัณฑ์โผล่มาอีกรายการหนึ่ง ของแพงๆทั้งนั้น..รสนิยมหรู !
แล้วอย่างนี้ ถ้าผมเป็นหม่อมปนัดดา ผมจะอยู่ในสังคมนี้ได้อย่างไร เพราะค่าที่ไปชี้หน้าด่าคนอื่นเมื่อวันก่อนนั้น จนทำให้สังคมหลงเข้าใจผิด แต่เมื่อภาพจริงกลับตาละปัตร์ออกมาอย่างนี้แล้ว คนอย่างหม่อมปนัดดาจะทนอยู่ในสังคมร่วมกับรัฐมนตรีอื่นๆ ทนอยู่ในสังคมปลัดสำนักนายกฯ ทนเห็นหน้าข้าราชการในทำเนียบอีกต่อไปได้อย่างไร..เป็นคำถาม !
ยิ่งถูกนายกรัฐมนตรี “สั่งสอบ”และไม่ยอมใช้ ให้กลับไปใช้ของเดิม นั่น เท่ากับเห็นว่ามีการทุจริตเกิดขึ้นแล้ว ก็เหมือนถูกตบหน้าฉาดใหญ่ จึงเหมือนเป็นจุดอ่อนและรอยด่างในรัฐบาลที่ผู้นำรัฐบาลบอกว่า “ต้องการกำจัดคอร์รัปชั่นทั้งระบบ” สุดท้าย กลับกลายเป็นว่ารัฐมนตรีในคณะของท่าน “ส่อ”อาการทุจริตเสียเอง..มันน่าช้ำใจ
ถ้าเป็นผม ผมต้องพิจารณาตัวเองแล้ว แสดงความรับผิดชอบแล้ว ไม่ต้องให้ใครมาแนะนำว่าควรทำอย่างไร ไม่ยอมให้ถูกปลด ถูกไล่ออกโทษฐานทุจริตคอร์รัปชั่น เพราะมันจะเป็นรอยด่างในชีวิตข้าราชการ ยิ่งเฉพาะกับวงศ์ตระกูลของตัวเอง ที่คนไทยทั่วไปให้ความเคารพ ถ้าเป็นผม ผมไม่อยู่แน่ๆ แต่สำหรับหม่อมปนัดดาคนนี้ ..ผมไม่รู้จริงๆ !!!
...ถ้าผมเป็นหม่อมปนัดดา ผมจะต้องทำอย่างไร ?...
พอเริ่มต้นเหยียบประตูทำเนียบได้ไม่กี่วัน คนดีที่พยายามชี้หน้าบอกว่าคนอื่นเลว ชั่ว ฟุ่มเฟือย ไม่รู้จักพอเพียง กลับกลายเป็นผู้ที่ถูกสังคมตั้งข้อเคลือบแคลงสงสัยในพฤติกรรมอย่างมากที่สุดในขณะนี้เสียเอง ในข้อกล่าวหาเดียวกันกับที่เคยกล่าวหาคนอื่น..และในเวลาไล่เลี่ยกัน
ถ้าผมเป็นหม่อมปนัดดาในขณะนี้ ผมคงอับอายขายหน้า ไม่กล้าสบตาใคร ไม่กล้าพบหน้าผู้คน ไม่กล้าออกไปบรรยายเรื่องความพอเพียงอีกต่อไป เพราะชะนักปักหลังเต็มพรีดไปหมด ทั้งไมค์ โคมไฟ ทีวี รางผ้าม่าน ล่าสุดยังมีโถสุขภัณฑ์โผล่มาอีกรายการหนึ่ง ของแพงๆทั้งนั้น..รสนิยมหรู !
แล้วอย่างนี้ ถ้าผมเป็นหม่อมปนัดดา ผมจะอยู่ในสังคมนี้ได้อย่างไร เพราะค่าที่ไปชี้หน้าด่าคนอื่นเมื่อวันก่อนนั้น จนทำให้สังคมหลงเข้าใจผิด แต่เมื่อภาพจริงกลับตาละปัตร์ออกมาอย่างนี้แล้ว คนอย่างหม่อมปนัดดาจะทนอยู่ในสังคมร่วมกับรัฐมนตรีอื่นๆ ทนอยู่ในสังคมปลัดสำนักนายกฯ ทนเห็นหน้าข้าราชการในทำเนียบอีกต่อไปได้อย่างไร..เป็นคำถาม !
ยิ่งถูกนายกรัฐมนตรี “สั่งสอบ”และไม่ยอมใช้ ให้กลับไปใช้ของเดิม นั่น เท่ากับเห็นว่ามีการทุจริตเกิดขึ้นแล้ว ก็เหมือนถูกตบหน้าฉาดใหญ่ จึงเหมือนเป็นจุดอ่อนและรอยด่างในรัฐบาลที่ผู้นำรัฐบาลบอกว่า “ต้องการกำจัดคอร์รัปชั่นทั้งระบบ” สุดท้าย กลับกลายเป็นว่ารัฐมนตรีในคณะของท่าน “ส่อ”อาการทุจริตเสียเอง..มันน่าช้ำใจ
ถ้าเป็นผม ผมต้องพิจารณาตัวเองแล้ว แสดงความรับผิดชอบแล้ว ไม่ต้องให้ใครมาแนะนำว่าควรทำอย่างไร ไม่ยอมให้ถูกปลด ถูกไล่ออกโทษฐานทุจริตคอร์รัปชั่น เพราะมันจะเป็นรอยด่างในชีวิตข้าราชการ ยิ่งเฉพาะกับวงศ์ตระกูลของตัวเอง ที่คนไทยทั่วไปให้ความเคารพ ถ้าเป็นผม ผมไม่อยู่แน่ๆ แต่สำหรับหม่อมปนัดดาคนนี้ ..ผมไม่รู้จริงๆ !!!