ที่ชายทุ่งเคยมีสาวน้อยน่ารักไร้เดียงสา "ส้ม" ออกวิ่งเล่นที่ชายทุ่งแถวๆบ้านของเธอตามปกติทุกวันอยู่เสมอ รอบๆบ้านของเธอช่างสนุกท้าทาย ดอกไม้ ใบหญ้า เป็นสนามและของเล่นของเธอ ต้นไม้ใหญ่ สะพาน ลำธาร คือเครื่องเล่น อุปกรณ์และภารกิจต่างๆที่เธอจินตาการขึ้นมาฝ่าฟัน สัตว์น้อยสัตว์ใหญ่ที่ชายทุ่งเป็นเพื่อนเล่นของเธอ เธอรู้สึกมีความสุขทุกวันกับชายทุ่งแดนสวรรค์ของเธอ ท้องฟ้ากว้างใหญ่ ก้อนเมฆปุกปุยน่ากินหวานฉ่ำ บางครั้งก็กลั่นตัวเป็นฝนรสหวานๆ ตกลงมาชโลมร่างกายและชายทุ่ง สัตว์น้อยใหญ่ พืชพรรณต่างก็ดีใจที่ฝนตก ออกมาเต้นรำ เบิกบาน สังสรรค์เรื่อยไป ทุกวันของส้มไม่เคยซ้ำกัน สวรรค์ชายทุ่งของส้มช่างหวานมัน อยากอยู่ที่นี่ตลอดไป ส้มคิดอย่างนั้น...อย่างน้อยก็เคยคิดอย่างนั้น
วันหนึ่งขณะที่ส้มวิ่งเล่นเบิกบานอยู่ที่ยอดเนินของชายทุ่ง สายลมแห่งฤดูใบไม้ผลิก็พัดมา ต้นไม้น้อยใหญ่แทงช่อออกใบใหม่ๆสวยสดงดงาม เขียวขจีทั่วไปทั้งทุ่ง สีเขียวอ่อนๆของยอดไม้ ใบอ่อนของต้นหญ้าช่างน่ารัก เบิกบาน และนำพาหัวใจส้มสู่การเติบโต สวรรค์น้อยๆของส้มสวยสดงดงามกว่าทุกวัน นอกจากนั้นสายลมแห่งฤดูใบไม้ผลินำพาเอาความสดชื่น เย็นชื้นมาอีกด้วย ส้มทั้งตื่นเต้นทั้งประทับใจกับสายลมแห่งฤดูใบไม้ผลิ หลังจากนั้นส้มก็เล่นกับสายลมทุกวัน สายลมช่างอ่อนโยน แสนดี พัดเอื่อยๆรอบตัวเธออย่างแผ่วเบา กระซิบข้างหู หัวเราะคิกคัก ไม่เคยห่างกัน ส้มหลงรักสายลมแห่งฤดูใบไม้ผลิหมดหัวใจ สายลมฯก็รักเธอเช่นกัน
3 เดือนผ่านไป
สายลมฯวันนี้พัดมาเป็นครั้งสุดท้าย กระซิบข้างๆหูส้มอีกครั้ง กล่าวอำลาอย่างเศร้าสร้อย
"ที่รักของข้า เจ้าคือคนรักของข้า หลังจากนี้ฤดูร้อน ฤดูใบไม้ร่วง และฤดูหนาวจะมาเยือน ข้าต้องไปแล้ว ลาก่อน สุดที่รักของข้า" สายลมฯกล่าวเสร็จก็พัดเอื่อยๆจากไป ส้มเสียใจร้องตะโกนสุดเสียง "สายลมแห่งฤดูใบไม้ผลิอย่าเพิ่งไป" แต่สายลมฯก็ยังคงพัดไป ส้มรีบวิ่งกลับบ้านไปหยิบกล่องไม้ปักทองขนาดเท่าหนังสือเล่มโตมาหนึ่งใบ วิ่งไล่ตามสายลมฯไปอย่างไม่ลดละ สายลมพัดผ่านลำธาร ส้มก็จะวิ่งฝ่าลำธารแล้วว่ายน้ำข้ามไป สายลมพัดผ่านป่าเขา ส้มก็จะวิ่งฝ่าขวากหนาทะลุป่าไป สายลมพัดผ่านหุบเ่หว ส้มก็จะวิ่งตะเกียกตะกายปีนป่ายขึ้นไป จนในที่สุดก็ตามทันสายลมฯ ส้มตะโกนบอกให้หยุดก่อน สายลมก็ไม่เคยหยุด ส้มจึงหยิบกล่องไม้ออกมาตะครุบเก็บสายลมไว้ ปิดผนึกล็อคกลอน แล้วเดินทางกลับบ้านด้วยความหวัง อารมณ์ดี
เมื่อกลับถึงชายทุ่ง ส้มเปิดดูกล่องไม้สวยงามของเธอ เธอไม่พบสิ่งใด สายลมที่เคยตะครุบจับไว้ ไม่พัดพา ไม่อาจพัดพา ... ส้มไม่เข้าใจทำไมสายลมไม่พัด ส้มไม่เข้าใจทำไมเธอไม่อาจครอบครองสายลม ส้มเสียใจนั่งร้องไห้เสียใจอยู่ที่ดินแดนสวรรค์ชายทุ่งของเธอ วันรุ่งขึ้นสายลมแห่งฤดูร้อนพัดมา ทักทายส้มแสนเศร้าอย่างเบิกบาน สายลมแห่งฤดูร้อนนำพามาเอาชีวิตชีวา ความร้อนแีรงกระฉับกระเฉงมาสู่ชายทุ่งแดนสวรรค์ของส้ม ดอกไม้บานสะพรั่งไปทั่ว ผีเสื้อออกโบยบิน นกร้องเพลง สัตว์ต่างๆเต้นรำ แต่ส้มแสนเศร้ายังคงนั่งจับเจ่าอยู่อย่างนั้น อยู่ที่กลางทุ่ง เธอนำกล่องไม้แสนสวยติดตัวไปด้วยเสมอ ไม่เคยห่างเลย เธอยังคงเฝ้าคอยสายลมแห่งฤดูใบไม้ผลิ ทั้งจากกล่องและจากท้องทุ่ง วันแล้ววันเล่าที่เธอเฝ้าคอย
3 เดือนผ่านไป
สายลมแห่งฤดูใบไม้ร่วงได้พัดผ่านมาที่ชายทุ่งของเธอ ใบไม้ที่เขียวสดใสได้เปลี่ยนสีเป็นสีแดงมั่ง สีเหลืองมั่ง แต่บางต้นก็ยังคงเป็นสีเขียว ดอกไม้ที่เคยออกดอกไว้เมื่อฤดูร้อน ก็เริ่มแปรเปลี่ยนกลายเป็นฝัก ออกลูกออกรวง พื้นหญ้าปกคลุมไปด้วยใบไม้ที่ร่วงรวย สีน้ำตาล สีแดง สีเหลือง คือสีหลักของฤดูนี้ สัตว์เล็กๆเริ่มหาอาหารตุนเอาไว้ สัตว์ใหญ่ๆเริ่มง่วงหงาวหาวนอน สะลึมสะลือ ทุกๆอย่างเคลื่อนที่ช้าลง ช้าลง ช้าลง ... แล้วฤดูหนาวก็เข้ามาเยือน สัตว์ป่าน้อยใหญ่หายไปหมด อาจจะมีบ้างสำหรับเจ้าขนปุย แต่ก็นานๆครั้งที่จะมาทักทายปลอบใจส้ม ที่กลางทุ่งสีขาว ชายทุ่งแดนสวรรค์ของส้มถูกชโลมไปด้วยหิมะสีขาว ต้นไม้ทิ้งใบลงจนหมด เหลือเพียงลำต้นโล้นเปล่าไว้โอบอุ้มหิมะไว้แทนใบ ลำต้นสีดำตัดกันกับหิมะสีขาวอย่างจงใจ น้ำค้างแข็งจับตัวเป็นหย่อมๆตามกิ่งก้าน สะท้อนแสงอาทิตย์ที่นานๆจะโผล่ทะลุผ่านหมอกมาซักที ระยิบระยับแวววาว สวยงามหรูหราท่ามกลางชายทุ่งแดนสวรรค์ของเธอ แต่ส้มแสนเศร้าก็ยังคงนั่งจุ้มปุ๊กอยู่กลางทุ่ง เธอยังคงเฝ้าคอยสายลมแห่งฤดูใบไม้ผลิ
และแล้วฤดูหนาวก็ผ่านไป
สายลมแห่งฤดูใบไม้ผลิก็หวนกลับมา เมื่อสายลมพัดมาความหนาวเย็นก็หายไป ต้นไม้โล้นโกร๋นก็ผลิใบสีเขียวอ่อนออกมาทั่วทั้งต้น ต้นหญ้าแตกหน่อแทงยอดทะลุพื้นดินขึ้นมารับแสงอาทิตย์อันอบอุ่น หมอกขาวค่อยๆจางลง ความสดใส เขียวชอุ่มเ้ข้ามาแทนที่ ชีวิตชีวากลับมาที่ชายทุ่งอีกครั้ง สายลมแห่งฤดูใบไม้ผลิพัดมากระซิบข้างหูส้มอย่างแผ่วเบา "สวัสดีส้ม จำเราได้มั้ย เราคือสายลมของเธอ" ส้มยังคงเมินเฉยๆ ตอบอย่างเศร้าๆว่า "เธอไม่ใช่สายลมฯของฉัน สายลมของฉันพัดผ่านไปแล้ว" ส้มยังคงเศร้าสร้อย เมื่อการรอคอยไม่ช่วยอะไร เธอก็ลุกขึ้นยืน แล้วออกเดินทางไป ที่ชายทุ่งแดนสวรรค์ของส้ม บัดนี้ไม่มีส้มเด็กน้อยที่เต็มไปด้วยสุขอีกต่อไป ส้มได้ออกเดินทางตามหาสายลมแห่งฤดูใบไม้ผลิของเธอ ตามหาอดีตที่ไม่มีวันหวนคืนมาพร้อมกับกล่องไม้ใบสวยของเธอ ทิ้งชายทุ่งแดนสวรรค์ของเธอไว้เบื้องหลัง หยิบเอาความหลังเปี่ยมสุขมาไว้เบื้องหน้า...
(ขอขอบคุณผู้อ่านทุกท่านครับ กรุณาวิจารณ์ติชม เพื่อที่ผู้เขียนจะได้นำเอาไปพัฒนาต่อไป ขอขอบคุณอีกครั้ง)
[นิทาน] เด็กหญิงผู้วิ่งไล่จับสายลม
วันหนึ่งขณะที่ส้มวิ่งเล่นเบิกบานอยู่ที่ยอดเนินของชายทุ่ง สายลมแห่งฤดูใบไม้ผลิก็พัดมา ต้นไม้น้อยใหญ่แทงช่อออกใบใหม่ๆสวยสดงดงาม เขียวขจีทั่วไปทั้งทุ่ง สีเขียวอ่อนๆของยอดไม้ ใบอ่อนของต้นหญ้าช่างน่ารัก เบิกบาน และนำพาหัวใจส้มสู่การเติบโต สวรรค์น้อยๆของส้มสวยสดงดงามกว่าทุกวัน นอกจากนั้นสายลมแห่งฤดูใบไม้ผลินำพาเอาความสดชื่น เย็นชื้นมาอีกด้วย ส้มทั้งตื่นเต้นทั้งประทับใจกับสายลมแห่งฤดูใบไม้ผลิ หลังจากนั้นส้มก็เล่นกับสายลมทุกวัน สายลมช่างอ่อนโยน แสนดี พัดเอื่อยๆรอบตัวเธออย่างแผ่วเบา กระซิบข้างหู หัวเราะคิกคัก ไม่เคยห่างกัน ส้มหลงรักสายลมแห่งฤดูใบไม้ผลิหมดหัวใจ สายลมฯก็รักเธอเช่นกัน
3 เดือนผ่านไป
สายลมฯวันนี้พัดมาเป็นครั้งสุดท้าย กระซิบข้างๆหูส้มอีกครั้ง กล่าวอำลาอย่างเศร้าสร้อย
"ที่รักของข้า เจ้าคือคนรักของข้า หลังจากนี้ฤดูร้อน ฤดูใบไม้ร่วง และฤดูหนาวจะมาเยือน ข้าต้องไปแล้ว ลาก่อน สุดที่รักของข้า" สายลมฯกล่าวเสร็จก็พัดเอื่อยๆจากไป ส้มเสียใจร้องตะโกนสุดเสียง "สายลมแห่งฤดูใบไม้ผลิอย่าเพิ่งไป" แต่สายลมฯก็ยังคงพัดไป ส้มรีบวิ่งกลับบ้านไปหยิบกล่องไม้ปักทองขนาดเท่าหนังสือเล่มโตมาหนึ่งใบ วิ่งไล่ตามสายลมฯไปอย่างไม่ลดละ สายลมพัดผ่านลำธาร ส้มก็จะวิ่งฝ่าลำธารแล้วว่ายน้ำข้ามไป สายลมพัดผ่านป่าเขา ส้มก็จะวิ่งฝ่าขวากหนาทะลุป่าไป สายลมพัดผ่านหุบเ่หว ส้มก็จะวิ่งตะเกียกตะกายปีนป่ายขึ้นไป จนในที่สุดก็ตามทันสายลมฯ ส้มตะโกนบอกให้หยุดก่อน สายลมก็ไม่เคยหยุด ส้มจึงหยิบกล่องไม้ออกมาตะครุบเก็บสายลมไว้ ปิดผนึกล็อคกลอน แล้วเดินทางกลับบ้านด้วยความหวัง อารมณ์ดี
เมื่อกลับถึงชายทุ่ง ส้มเปิดดูกล่องไม้สวยงามของเธอ เธอไม่พบสิ่งใด สายลมที่เคยตะครุบจับไว้ ไม่พัดพา ไม่อาจพัดพา ... ส้มไม่เข้าใจทำไมสายลมไม่พัด ส้มไม่เข้าใจทำไมเธอไม่อาจครอบครองสายลม ส้มเสียใจนั่งร้องไห้เสียใจอยู่ที่ดินแดนสวรรค์ชายทุ่งของเธอ วันรุ่งขึ้นสายลมแห่งฤดูร้อนพัดมา ทักทายส้มแสนเศร้าอย่างเบิกบาน สายลมแห่งฤดูร้อนนำพามาเอาชีวิตชีวา ความร้อนแีรงกระฉับกระเฉงมาสู่ชายทุ่งแดนสวรรค์ของส้ม ดอกไม้บานสะพรั่งไปทั่ว ผีเสื้อออกโบยบิน นกร้องเพลง สัตว์ต่างๆเต้นรำ แต่ส้มแสนเศร้ายังคงนั่งจับเจ่าอยู่อย่างนั้น อยู่ที่กลางทุ่ง เธอนำกล่องไม้แสนสวยติดตัวไปด้วยเสมอ ไม่เคยห่างเลย เธอยังคงเฝ้าคอยสายลมแห่งฤดูใบไม้ผลิ ทั้งจากกล่องและจากท้องทุ่ง วันแล้ววันเล่าที่เธอเฝ้าคอย
3 เดือนผ่านไป
สายลมแห่งฤดูใบไม้ร่วงได้พัดผ่านมาที่ชายทุ่งของเธอ ใบไม้ที่เขียวสดใสได้เปลี่ยนสีเป็นสีแดงมั่ง สีเหลืองมั่ง แต่บางต้นก็ยังคงเป็นสีเขียว ดอกไม้ที่เคยออกดอกไว้เมื่อฤดูร้อน ก็เริ่มแปรเปลี่ยนกลายเป็นฝัก ออกลูกออกรวง พื้นหญ้าปกคลุมไปด้วยใบไม้ที่ร่วงรวย สีน้ำตาล สีแดง สีเหลือง คือสีหลักของฤดูนี้ สัตว์เล็กๆเริ่มหาอาหารตุนเอาไว้ สัตว์ใหญ่ๆเริ่มง่วงหงาวหาวนอน สะลึมสะลือ ทุกๆอย่างเคลื่อนที่ช้าลง ช้าลง ช้าลง ... แล้วฤดูหนาวก็เข้ามาเยือน สัตว์ป่าน้อยใหญ่หายไปหมด อาจจะมีบ้างสำหรับเจ้าขนปุย แต่ก็นานๆครั้งที่จะมาทักทายปลอบใจส้ม ที่กลางทุ่งสีขาว ชายทุ่งแดนสวรรค์ของส้มถูกชโลมไปด้วยหิมะสีขาว ต้นไม้ทิ้งใบลงจนหมด เหลือเพียงลำต้นโล้นเปล่าไว้โอบอุ้มหิมะไว้แทนใบ ลำต้นสีดำตัดกันกับหิมะสีขาวอย่างจงใจ น้ำค้างแข็งจับตัวเป็นหย่อมๆตามกิ่งก้าน สะท้อนแสงอาทิตย์ที่นานๆจะโผล่ทะลุผ่านหมอกมาซักที ระยิบระยับแวววาว สวยงามหรูหราท่ามกลางชายทุ่งแดนสวรรค์ของเธอ แต่ส้มแสนเศร้าก็ยังคงนั่งจุ้มปุ๊กอยู่กลางทุ่ง เธอยังคงเฝ้าคอยสายลมแห่งฤดูใบไม้ผลิ
และแล้วฤดูหนาวก็ผ่านไป
สายลมแห่งฤดูใบไม้ผลิก็หวนกลับมา เมื่อสายลมพัดมาความหนาวเย็นก็หายไป ต้นไม้โล้นโกร๋นก็ผลิใบสีเขียวอ่อนออกมาทั่วทั้งต้น ต้นหญ้าแตกหน่อแทงยอดทะลุพื้นดินขึ้นมารับแสงอาทิตย์อันอบอุ่น หมอกขาวค่อยๆจางลง ความสดใส เขียวชอุ่มเ้ข้ามาแทนที่ ชีวิตชีวากลับมาที่ชายทุ่งอีกครั้ง สายลมแห่งฤดูใบไม้ผลิพัดมากระซิบข้างหูส้มอย่างแผ่วเบา "สวัสดีส้ม จำเราได้มั้ย เราคือสายลมของเธอ" ส้มยังคงเมินเฉยๆ ตอบอย่างเศร้าๆว่า "เธอไม่ใช่สายลมฯของฉัน สายลมของฉันพัดผ่านไปแล้ว" ส้มยังคงเศร้าสร้อย เมื่อการรอคอยไม่ช่วยอะไร เธอก็ลุกขึ้นยืน แล้วออกเดินทางไป ที่ชายทุ่งแดนสวรรค์ของส้ม บัดนี้ไม่มีส้มเด็กน้อยที่เต็มไปด้วยสุขอีกต่อไป ส้มได้ออกเดินทางตามหาสายลมแห่งฤดูใบไม้ผลิของเธอ ตามหาอดีตที่ไม่มีวันหวนคืนมาพร้อมกับกล่องไม้ใบสวยของเธอ ทิ้งชายทุ่งแดนสวรรค์ของเธอไว้เบื้องหลัง หยิบเอาความหลังเปี่ยมสุขมาไว้เบื้องหน้า...
(ขอขอบคุณผู้อ่านทุกท่านครับ กรุณาวิจารณ์ติชม เพื่อที่ผู้เขียนจะได้นำเอาไปพัฒนาต่อไป ขอขอบคุณอีกครั้ง)