เมื่อสัปดาห์ก่อนมีเรื่องตื่นเต้นแปลกๆเกิดขึ้นกับเรา คือเราได้รับการติดต่อมาจากบริษัทหนึ่งที่ค่อนข้างอยู่ในกระแสบ้านเราพอสมควร นั่นก็คือบีทอล์ค เขาเสนอมาให้เราเข้าร่วมกิจกรรม Speed Dating แบบไม่เห็นหน้า ตอนแรกก็งงว่าคือกิจกรรมอะไร จุดประสงค์คืออะไร ส่วนตัวแล้วเราเคยใช้บีทอล์คอยู่เหมือนกัน ส่วนใหญ่จะใช้ฟังก์ชั่นคลับเพราะมันช่วยให้เราหากลุ่มเพื่อนที่มีความสนใจเหมือนๆกัน คลับของบีทอล์คที่ใช้อยู่ก็เป็นพวกคลับคนโสดกับคลับท่องเที่ยว
ทางทีมงานบอกว่าเขาพยายามเลือกคนที่มาเข้าร่วมกิจกรรมจากคลับคนโสดบนบีทอล์คนี่แหละ เขาอยากจัดกิจกรรมสนุกๆ ให้ชายหญิงลองมาออกเดทนั่งคุยกันแบบไม่เห็นหน้า (คอนเซปท์คล้ายๆ The Voice + Take me out เลยอะ)
กติกาของกิจกรรมคือ
1) จะมีผู้ชายสามคนจากคลับคนโสดมาเดทกับเราแบบไม่เห็นหน้า
2) จากนั้นทีมงาน BeeTalk จะให้เราดูรูปของหนุ่มทั้งสามหลังจากกิจกรรมโดยจะยังไม่บอกว่ารูปไหนคือคนไหนที่ได้คุยไป
3) สุดท้ายทีมงานจะถามว่าจะเลือกไปออกเดททานอาหารเย็นกับใครโดยจะพิจารณาจากที่ได้คุยกันหรือหลังจากที่ได้เห็นรูปก็ได้ โดยทางบีทอล์คจะสนับสนุนค่าดินเนอร์ให้ แต่ย้ำว่าเราต้องเลือกคนใดคนนึง ไม่เลือกไม่ได้!!
ปกติเราก็ไม่ค่อยคุยกับคนแปลกหน้านะคะ แต่เห็นว่ากิจกรรมน่าสนใจและน่าสนุกดี แถมทางทีมงานน่าจะคัดคนมาพอสมควร คงจะไม่อันตรายอะไร เราก็เลยตอบตกลงไป
พอมาถึงวันที่จัดกิจกรรม เราเข้าไปในห้องก็เห็นผ้าม่านแบ่งห้องออกเป็นสองส่วน เราถูกจัดให้นั่งทางฝั่งข้างใน ส่วนฝั่งประตู ผู้ชายทั้งสามจะสลับเปลี่ยนกันเข้ามานั่งคนละสิบห้านาที บนโต๊ะไม่มีแก้วไวน์ ไม่มีฟิงเกอร์ฟู้ด หรือคัพเค้ก มีขวด Spy Classic ให้หนึ่งขวดพร้อมหลอดหนึ่งอัน ของทานเล่นเป็นโรล แต่คือนาทีนั้นคือไม่หิวเลย ตื่นเต้นมากก รู้สึกฟินเล็กน้อย ไม่คิดไม่ฝันว่าจะมีโอกาสที่หนุ่มสามคนจะมาแย่งจีบเราติดๆกันแบบนี้ ขณะที่กำลังนั่งฟินอยู่ให้ห้องคนเดียวทีมงานก็บอกว่าอีกสามนาทีหนุ่มคนแรกจะเข้ามาแล้วนะ เตรียมตัวให้พร้อม…
ภาพข้างล่างเป็นภาพบรรยากาศภายในห้องประชุมที่ถูกใช้เป็นสถานที่สำหรับ Speed Dating เป็นภาพที่ทางทีมงานถ่ายไว้ให้ก่อนออกไปจากห้องทิ้งให้เราอยู่กับหนุ่มคนที่หนึ่งตามลำพัง ยังไงต้องรบกวนขอเซ็นเซอร์นึดนึงนะคะ 55555
ก่อนที่จะเริ่มคุยเรารู้สึกประหม่าและตื่นเต้นมาก นึกไม่ออกเลยว่าจะคุยเรื่องอะไรดี ถ้าจะคุยเรื่องดินฟ้าอากาศ ก็คงไม่ถึงสิบห้านาทีเป็นแน่แท้ แต่พอชายหนุ่มหลังผ้าม่านคนแรกเริ่มชวนเราคุย กลับไม่ยากอย่างที่คิด การสนทนาเป็นไปอย่างสบายๆ ไม่ได้กดดันอะไร เรารู้สึกว่าเขาเป็นคนตลก เฮฮา ไม่ซีเรียส ชวนคุยเราได้ตลอด พวกเราคุยกันเรื่องมหาวิทยาลัย เขาบอกว่าเขาเพิ่งเรียนจบวิศวะเกษตรปีนี้ แถมยังโฆษณาว่า ถึงแม้ว่าเขาจะเป็นหนุ่มวิศวะ แต่ก็ไม่ได้เจ้าชู้นะ เขาเป็นคนเขินง่ายขี้อาย แล้วก็บอกว่าเขาไปเคยไปที่ม.กรุงเทพฯบ่อยสมัยที่เขาเป็นนักศึกษา (เรากำลังเรียนอยู่ที่ม.กรุงเทพฯ) บอกว่าที่มหาลัยเราสาวสวยตั้งแต่ปากซอยยันท้ายซอย (ปากหวานจริ๊งง) ตอนท้ายๆก่อนหมดเวลาสิบห้านาที เขาแอบดูเงาเราผ่านกระดานไวท์บอร์ด แล้วมาทายน้ำหนักเราว่าหนัก 47 กิโลกรัม!! นายบังอาจมาก! สุดท้ายเขาปิดท้ายด้วยมุขว่าอยากเป็นโทมินจุนอยากจะหยุดเวลาเอาไว้ตรงนี้…. เราคิดว่าเขาคุยสนุกดีนะ ดูเขาเป็นคนขี้เล่นสุดๆ อาจจะเป็นแบบนี้กับทุกคนที่เจอเลย แบบเฟรนลี่ๆ คิดว่าผู้หญิงหลายคนน่าจะชอบผู้ชายสไตล์นี้ค่ะ
กับคนที่สองนี่ เริ่มคุยก็เหมือนจะโอเคนะคะ คุยกันเรื่องทั่วไป เช่น มีพี่น้องกี่คน เดินทางมาที่นี่ยังไง ชอบกินอะไร ชอบกีฬาอะไร ดูหนังแนวไหน เลี้ยงสัตว์อะไร ฟังเพลงอะไร เล่นเครื่องดนตรีมั้ย แต่พอคุยกันไปเรื่อยๆ เริ่มไม่รู้เรื่อง แล้วก็เริ่มมีหัวข้อแปลกๆบ้าง เช่น อยู่ๆเขาก็พูดทำนองว่าเขาไม่ชอบผู้หญิงที่มีรอยสัก (เราก็ไม่ได้สักนะคะ), เรื่องขายตรงออนไลน์, วีกรรมในวัยเด็กของเขา, ดวงวิญญาณ, ผี, การเข้าฝัน เราก็เข้าใจเขานะว่าเขาพยายามหาหัวข้อชวนเราคุย เขาบอกว่าเขาชอบสีฉูดฉาด ซึ่งต่างจากเรามาก เขาชอบลิเวอร์พูล แต่เราชอบเชลซี มีหลายๆอย่างค่อนข้างไม่เหมือนกัน เขาดูเป็นหนุ่มติสๆ อยากทำอะไรก็ทำ ไม่คิดมาก แถมดูค่อนข้างน่าจะเล่นเกมส์เยอะ ส่วนตัวเราคิดว่าถ้าเล่นเกมส์เพื่อคลายเครียด ก็โอเคนะคะ แต่ถ้าติดจนงอมแงมเราก็ไม่ค่อยชอบ
กับคนที่สาม พอเริ่มพูดคุยกันนี่ เสียงเขาลอยมาก่อนเลย คือเสียงหล่อม้ากกก แต่ตอนนั้นก็ไม่ได้คิดว่าหน้าตาจะต้องหล่อเหลาแบบเทพบุตร จริงๆหัวข้อที่เราคุยกันก็เป็นเรื่องทั่วไปนะคะ คล้ายๆกับที่คุยกับคนที่สอง เราได้รู้ว่าเขาเพิ่งเรียนจบด้านกราฟฟิกดีไซน์มา แต่ตอนนี้มาทำงานเกี่ยวกับด้านไอที พอคุยๆไปเรามีความรู้สึกว่าเราสองคนมีอะไรที่คล้ายๆกัน คิดว่าไปด้วยกันได้ คุยด้วยแล้วเพลิน เรารู้สึกเป็นตัวของตัวเองได้ กล้าแหย่กล้ากวนเขา ตอนท้ายๆเขาก็บอกว่าเขาเนี่ย บุคลิกรูปร่างทะมัดทะแมงบึกบึน หล่อเข้มสไตล์บัวขาวนะ เราก็บอกไปว่าเราไม่มีปัญหา แหม ที่ญี่ปุ่นสาวๆกรี๊ดพี่บัวขาวเยอะแยะจะตาย 5555
หลังจากที่ได้มีโอกาสพูดคุยกับทั้งสาม ณ จุดๆนั้น ถ้าให้เราเลือกไปเดทเราก็คงจะเลือกคนที่สามค่ะ คราวนี้พอทางทีมงานบีทอล์คก็โชว์รูปภาพของหนุ่มทั้งสามให้เราดูตาม เราก็ยังไม่รู้นะคะว่าคนไหนคือคนไหน ก็ชี้รูปๆนึงไป สุดท้ายทีมงาน BeeTalk ถามว่าจะเลือกไปดินเนอร์กับใคร เราก็เลือกไปกับคนที่คุยแล้วรู้สึกถูกคอที่สุด คือคนที่สามค่ะ แต่มารู้ทีหลังว่าคนที่เราเลือกจากการที่ได้คุยกันเป็นคนเดียวกันกับในภาพที่เราเลือกไป อร๊ายยยยยย แบบนี้เรียกว่าพรมลิขิตใช่ไหมคะเนี่ย
ภาพด้านล่างเราเรียงให้แล้วนะคะ จากซ้ายไปขวาคือคนที่หนึ่ง สอง และสาม (ขออนุญาตเซนเซอร์เช่นกันค่ะ)
สรุปนะคะ เราคิดว่าการที่การได้เดทกับหนุ่มๆแบบมองไม่เห็นเขานี่ก็ตื่นเต้นไปอีกแบบนึงนะ แต่ละคนทำให้เรามโนไปได้ไกลเลยทีเดียว 5555 ถึงแม้ว่าบุคลิกภาพหน้าตาก็ถือว่าเป็นสิ่งสำคัญในการที่จะเลือกคบกับคนๆนึง แต่ว่าการคุยกันแล้วรู้สึกถูกคอ รู้สึกสบายใจ เป็นตัวของตัวเองได้ก็สำคัญไม่แพ้กันค่ะ และสิ่งที่สำคัญที่สุดที่เรารู้สึกหลังกิจกรรม คือเราต้องจดจ่อตั้งใจฟังกับสิ่งที่ฝั่งตรงข้ามพูดมากๆ ไม่ใช่แค่ฟังผ่านๆ แต่ให้ฟังแล้วคิดว่าเขาต้องการสื่อความหมายอะไร เขามีความรู้สึกอย่างไร ซึ่งเราคิดว่าการฟังเป็นทักษะสำคัญที่มักถูกมองข้ามในปัจจุบันค่ะ
สุดท้ายเป็นภาพ Dinner Date ของเรากับหนุ่มที่เราลองเลือกดูจากกิจกรรมค่ะ ทางบีทอล์คจัดให้ที่ The Roof Restaurant บนดาดฟ้าโรงแรม Siam@Siam อันนี้ค่อยยังชั่วหน่อย หลังจากที่หลอกให้เราไปสปีดเดทกับหนุ่มในห้องประชุม 55555
ขอบคุณที่อดทนอ่านจนจบค่ะ
เล่าประสบการณ์หญิง 1 ชาย 3 ออกเดทแบบไม่เห็นหน้า ปิดตา เปิดใจ ใช้หู!
ทางทีมงานบอกว่าเขาพยายามเลือกคนที่มาเข้าร่วมกิจกรรมจากคลับคนโสดบนบีทอล์คนี่แหละ เขาอยากจัดกิจกรรมสนุกๆ ให้ชายหญิงลองมาออกเดทนั่งคุยกันแบบไม่เห็นหน้า (คอนเซปท์คล้ายๆ The Voice + Take me out เลยอะ)
กติกาของกิจกรรมคือ
1) จะมีผู้ชายสามคนจากคลับคนโสดมาเดทกับเราแบบไม่เห็นหน้า
2) จากนั้นทีมงาน BeeTalk จะให้เราดูรูปของหนุ่มทั้งสามหลังจากกิจกรรมโดยจะยังไม่บอกว่ารูปไหนคือคนไหนที่ได้คุยไป
3) สุดท้ายทีมงานจะถามว่าจะเลือกไปออกเดททานอาหารเย็นกับใครโดยจะพิจารณาจากที่ได้คุยกันหรือหลังจากที่ได้เห็นรูปก็ได้ โดยทางบีทอล์คจะสนับสนุนค่าดินเนอร์ให้ แต่ย้ำว่าเราต้องเลือกคนใดคนนึง ไม่เลือกไม่ได้!!
ปกติเราก็ไม่ค่อยคุยกับคนแปลกหน้านะคะ แต่เห็นว่ากิจกรรมน่าสนใจและน่าสนุกดี แถมทางทีมงานน่าจะคัดคนมาพอสมควร คงจะไม่อันตรายอะไร เราก็เลยตอบตกลงไป
พอมาถึงวันที่จัดกิจกรรม เราเข้าไปในห้องก็เห็นผ้าม่านแบ่งห้องออกเป็นสองส่วน เราถูกจัดให้นั่งทางฝั่งข้างใน ส่วนฝั่งประตู ผู้ชายทั้งสามจะสลับเปลี่ยนกันเข้ามานั่งคนละสิบห้านาที บนโต๊ะไม่มีแก้วไวน์ ไม่มีฟิงเกอร์ฟู้ด หรือคัพเค้ก มีขวด Spy Classic ให้หนึ่งขวดพร้อมหลอดหนึ่งอัน ของทานเล่นเป็นโรล แต่คือนาทีนั้นคือไม่หิวเลย ตื่นเต้นมากก รู้สึกฟินเล็กน้อย ไม่คิดไม่ฝันว่าจะมีโอกาสที่หนุ่มสามคนจะมาแย่งจีบเราติดๆกันแบบนี้ ขณะที่กำลังนั่งฟินอยู่ให้ห้องคนเดียวทีมงานก็บอกว่าอีกสามนาทีหนุ่มคนแรกจะเข้ามาแล้วนะ เตรียมตัวให้พร้อม…
ภาพข้างล่างเป็นภาพบรรยากาศภายในห้องประชุมที่ถูกใช้เป็นสถานที่สำหรับ Speed Dating เป็นภาพที่ทางทีมงานถ่ายไว้ให้ก่อนออกไปจากห้องทิ้งให้เราอยู่กับหนุ่มคนที่หนึ่งตามลำพัง ยังไงต้องรบกวนขอเซ็นเซอร์นึดนึงนะคะ 55555
ก่อนที่จะเริ่มคุยเรารู้สึกประหม่าและตื่นเต้นมาก นึกไม่ออกเลยว่าจะคุยเรื่องอะไรดี ถ้าจะคุยเรื่องดินฟ้าอากาศ ก็คงไม่ถึงสิบห้านาทีเป็นแน่แท้ แต่พอชายหนุ่มหลังผ้าม่านคนแรกเริ่มชวนเราคุย กลับไม่ยากอย่างที่คิด การสนทนาเป็นไปอย่างสบายๆ ไม่ได้กดดันอะไร เรารู้สึกว่าเขาเป็นคนตลก เฮฮา ไม่ซีเรียส ชวนคุยเราได้ตลอด พวกเราคุยกันเรื่องมหาวิทยาลัย เขาบอกว่าเขาเพิ่งเรียนจบวิศวะเกษตรปีนี้ แถมยังโฆษณาว่า ถึงแม้ว่าเขาจะเป็นหนุ่มวิศวะ แต่ก็ไม่ได้เจ้าชู้นะ เขาเป็นคนเขินง่ายขี้อาย แล้วก็บอกว่าเขาไปเคยไปที่ม.กรุงเทพฯบ่อยสมัยที่เขาเป็นนักศึกษา (เรากำลังเรียนอยู่ที่ม.กรุงเทพฯ) บอกว่าที่มหาลัยเราสาวสวยตั้งแต่ปากซอยยันท้ายซอย (ปากหวานจริ๊งง) ตอนท้ายๆก่อนหมดเวลาสิบห้านาที เขาแอบดูเงาเราผ่านกระดานไวท์บอร์ด แล้วมาทายน้ำหนักเราว่าหนัก 47 กิโลกรัม!! นายบังอาจมาก! สุดท้ายเขาปิดท้ายด้วยมุขว่าอยากเป็นโทมินจุนอยากจะหยุดเวลาเอาไว้ตรงนี้…. เราคิดว่าเขาคุยสนุกดีนะ ดูเขาเป็นคนขี้เล่นสุดๆ อาจจะเป็นแบบนี้กับทุกคนที่เจอเลย แบบเฟรนลี่ๆ คิดว่าผู้หญิงหลายคนน่าจะชอบผู้ชายสไตล์นี้ค่ะ
กับคนที่สองนี่ เริ่มคุยก็เหมือนจะโอเคนะคะ คุยกันเรื่องทั่วไป เช่น มีพี่น้องกี่คน เดินทางมาที่นี่ยังไง ชอบกินอะไร ชอบกีฬาอะไร ดูหนังแนวไหน เลี้ยงสัตว์อะไร ฟังเพลงอะไร เล่นเครื่องดนตรีมั้ย แต่พอคุยกันไปเรื่อยๆ เริ่มไม่รู้เรื่อง แล้วก็เริ่มมีหัวข้อแปลกๆบ้าง เช่น อยู่ๆเขาก็พูดทำนองว่าเขาไม่ชอบผู้หญิงที่มีรอยสัก (เราก็ไม่ได้สักนะคะ), เรื่องขายตรงออนไลน์, วีกรรมในวัยเด็กของเขา, ดวงวิญญาณ, ผี, การเข้าฝัน เราก็เข้าใจเขานะว่าเขาพยายามหาหัวข้อชวนเราคุย เขาบอกว่าเขาชอบสีฉูดฉาด ซึ่งต่างจากเรามาก เขาชอบลิเวอร์พูล แต่เราชอบเชลซี มีหลายๆอย่างค่อนข้างไม่เหมือนกัน เขาดูเป็นหนุ่มติสๆ อยากทำอะไรก็ทำ ไม่คิดมาก แถมดูค่อนข้างน่าจะเล่นเกมส์เยอะ ส่วนตัวเราคิดว่าถ้าเล่นเกมส์เพื่อคลายเครียด ก็โอเคนะคะ แต่ถ้าติดจนงอมแงมเราก็ไม่ค่อยชอบ
กับคนที่สาม พอเริ่มพูดคุยกันนี่ เสียงเขาลอยมาก่อนเลย คือเสียงหล่อม้ากกก แต่ตอนนั้นก็ไม่ได้คิดว่าหน้าตาจะต้องหล่อเหลาแบบเทพบุตร จริงๆหัวข้อที่เราคุยกันก็เป็นเรื่องทั่วไปนะคะ คล้ายๆกับที่คุยกับคนที่สอง เราได้รู้ว่าเขาเพิ่งเรียนจบด้านกราฟฟิกดีไซน์มา แต่ตอนนี้มาทำงานเกี่ยวกับด้านไอที พอคุยๆไปเรามีความรู้สึกว่าเราสองคนมีอะไรที่คล้ายๆกัน คิดว่าไปด้วยกันได้ คุยด้วยแล้วเพลิน เรารู้สึกเป็นตัวของตัวเองได้ กล้าแหย่กล้ากวนเขา ตอนท้ายๆเขาก็บอกว่าเขาเนี่ย บุคลิกรูปร่างทะมัดทะแมงบึกบึน หล่อเข้มสไตล์บัวขาวนะ เราก็บอกไปว่าเราไม่มีปัญหา แหม ที่ญี่ปุ่นสาวๆกรี๊ดพี่บัวขาวเยอะแยะจะตาย 5555
หลังจากที่ได้มีโอกาสพูดคุยกับทั้งสาม ณ จุดๆนั้น ถ้าให้เราเลือกไปเดทเราก็คงจะเลือกคนที่สามค่ะ คราวนี้พอทางทีมงานบีทอล์คก็โชว์รูปภาพของหนุ่มทั้งสามให้เราดูตาม เราก็ยังไม่รู้นะคะว่าคนไหนคือคนไหน ก็ชี้รูปๆนึงไป สุดท้ายทีมงาน BeeTalk ถามว่าจะเลือกไปดินเนอร์กับใคร เราก็เลือกไปกับคนที่คุยแล้วรู้สึกถูกคอที่สุด คือคนที่สามค่ะ แต่มารู้ทีหลังว่าคนที่เราเลือกจากการที่ได้คุยกันเป็นคนเดียวกันกับในภาพที่เราเลือกไป อร๊ายยยยยย แบบนี้เรียกว่าพรมลิขิตใช่ไหมคะเนี่ย
ภาพด้านล่างเราเรียงให้แล้วนะคะ จากซ้ายไปขวาคือคนที่หนึ่ง สอง และสาม (ขออนุญาตเซนเซอร์เช่นกันค่ะ)
สรุปนะคะ เราคิดว่าการที่การได้เดทกับหนุ่มๆแบบมองไม่เห็นเขานี่ก็ตื่นเต้นไปอีกแบบนึงนะ แต่ละคนทำให้เรามโนไปได้ไกลเลยทีเดียว 5555 ถึงแม้ว่าบุคลิกภาพหน้าตาก็ถือว่าเป็นสิ่งสำคัญในการที่จะเลือกคบกับคนๆนึง แต่ว่าการคุยกันแล้วรู้สึกถูกคอ รู้สึกสบายใจ เป็นตัวของตัวเองได้ก็สำคัญไม่แพ้กันค่ะ และสิ่งที่สำคัญที่สุดที่เรารู้สึกหลังกิจกรรม คือเราต้องจดจ่อตั้งใจฟังกับสิ่งที่ฝั่งตรงข้ามพูดมากๆ ไม่ใช่แค่ฟังผ่านๆ แต่ให้ฟังแล้วคิดว่าเขาต้องการสื่อความหมายอะไร เขามีความรู้สึกอย่างไร ซึ่งเราคิดว่าการฟังเป็นทักษะสำคัญที่มักถูกมองข้ามในปัจจุบันค่ะ
สุดท้ายเป็นภาพ Dinner Date ของเรากับหนุ่มที่เราลองเลือกดูจากกิจกรรมค่ะ ทางบีทอล์คจัดให้ที่ The Roof Restaurant บนดาดฟ้าโรงแรม Siam@Siam อันนี้ค่อยยังชั่วหน่อย หลังจากที่หลอกให้เราไปสปีดเดทกับหนุ่มในห้องประชุม 55555
ขอบคุณที่อดทนอ่านจนจบค่ะ