ผมเคยเอามาแปะไว้ที่นี่เมื่อนานมาแล้ว เห็นว่าคติที่ได้ยังทันสมัยเสมอ ก็เลยเอาหนังมาฉายซ้ำเพราะกระทู้เก่าหายไปนานแล้ว ผมเอามาแปะอีกเพราะเห็นมีนักเรียนจำนวนมากชอบมาแปะให้คนในนี้แปลการบ้านให้โดยที่ตักเตือนกันไม่หวาดไม่ไหวว่าให้หัดทำเองบ้าง ก็เลยอยากให้นักเรียนที่เป็นฟืนเป็นไฟเวลาโดนเตือนนั้นได้ตระหนักว่า "..คนที่ขี้รดหัวเราก็ไม่ใช่ศัตรูไปเสียทุกคน.."
ต่อไปนี้คือนิทานเรื่องที่ว่า
เมื่อหลายปีก่อน ผมได้มีโอกาสไปเข้าหลักสูตรระยะสั้นที่หน่วยงานศูนย์ควบคุมโรคของสหรัฐฯ หรือที่รู้จักกันดีในนาม CDC ที่เมืองแอตแลนต้า รัฐจอร์เจีย ประเทศสหรัฐฯ นอกเหนือจากเนื้อหาวิชาการในหลักสูตรแล้ว สิ่งหนึ่งที่ผมอยากทำความเข้าใจก็คือแนวความคิดและวัฒนธรรมในการทำงานของเขา สบโอกาสวันหนึ่งก็เลยถามฝรั่งที่เขาสอนว่า หน่วยงานของท่านนี้ต้องทำงานทั่วโลกเพื่อแก้ปัญหาโรคภัยไข้เจ็บ นอกจากปัญหาโรคภัยโดยตรงแล้วก็มีปัญหาการต้องทำงานร่วมกับคนร้อยพ่อพันแม่ร้อยภาษา ต่างคนต่างคิด ต่างคนต่างมีวัฒนธรรมการทำงานของตัว แล้วท่านอบรมคนของท่านอย่างไรให้สามารถทำงานได้ราบรื่นที่สุดในสิ่งแวดล้อมหลากหลายอย่างนี้
เขาหัวเราะ แล้วก็ยื่นนิทานเรื่องนี้ให้อ่าน ผมอ่านแล้วก็พยักหน้าหงึกๆเห็นด้วย ก็เลยขอนำมาถ่ายทอดให้ได้อ่านกัน ณ ที่นี้
Once upon a time, there was a sparrow who disliked flying south for the winter. He dreaded the thought of leaving his comfortable home so much that he decided he would postpone the journey until the last minute. After bidding farewell to all his friends, he went back to his nest and remained there for an additional four weeks. Finally, the weather turned very cold and he could delay his departure no longer. As he took off and headed south, it began to rain heavily. In a very short time, ice began to collect on his wings. Almost collapsing from cold and exhaustion, he fell to the earth in a muddy barnyard.
As he was gasping for breath, a cow sauntered out of the barn and gently covered the sparrow with piles of shit. At first, the sparrow could think of nothing except this was an ugly way to die. But, as the shit slowly settled into his feathers, it comforted him and new life returned to his dying body. He found that he had room to breathe, and suddenly he became so happy and grateful that he started to sing. At that moment, a cat came into the barnyard and hearing the chirping of the sparrow, began digging into the warm shit to find out where the chirping sound was coming from. The cat finally uncovered the sparrow and gulped him down in one swallow.
NOW THIS STORY CONTAINS THREE MORALS
Not everyone who shits on you is your enemy...
Not everyone who takes shit off you is your friend...
When you are warm and comfortable, even if it is in a pile of shit, keep your mouth shut!
กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว มีนกกระจอกอยู่ตัวหนึ่งที่ไม่ชอบการต้องบินอพยพหนีหนาวลงไปทางใต้เอาเสียเลย (นกกระจอกฝรั่งนะครับ ของไทยนี่มันไม่ไปไหน) พอนีกถึงว่าต้องทิ้งรังที่แสนสบายไปก็ทำให้ตะครั่นตะครอติดหมัดขึ้นมาจนทำให้มันผลัดวันประกันพรุ่งไม่ยอมเดินทางเสียที กะว่าเอาไว้ให้จำเป็นถึงที่สุดค่อยไปก็ยังไม่สาย เมื่อเพื่อนฝูงพากันอำลาไปกันหมดแล้ว เจ้ากระจอกจอมอู้ก็กลับไปนอนอุตุต่อในรังได้อีกตั้งเดือน อย่างไรก็ตาม ในที่สุดอากาศก็หนาวมากขึ้นเรื่อยๆจนถึงจุดที่มันชักช้าต่อไปไม่ได้แล้ว มันเริ่มออกบินลงใต้ได้ไม่นานนักก็มีฝนตกหนัก น้ำฝนทำให้ปีกของมันเปียกปอนและความหนาวเย็นก็ทำให้น้ำแข็งเกาะปีกของมันหนักขึ้นเรื่อยๆ เมื่อทนเหนื่อยทนหนาวต่อไปไม่ไหว มันก็ร่วงแอ้กลงมานอนแอ้งแม้งรอความตายอยู่ในลานหน้าโรงนาของชาวนาคนหนึ่ง
ขณะที่เจ้านกกระจอกเจ้ากรรมนอนผงาบๆอยู่นั้นก็เผอิญมีวัวตัวหนึ่งเดินออกมาจากโรงนาพอดีแล้วก็ขี้ออกมากองใหญ่ จำเพาะจะต้องหล่นเผละลงมากลบเจ้านกจอมขี้เกียจจนมิดหัวมิดหู ตอนแรกเจ้านกกระจอกก็คิดอะไรไม่ออกนอกจากนึกอย่างเดียวว่า ซวยจริงตู เป็นวิธีตายที่น่าทุเรศมาก แต่เมื่อขี้วัวอุ่นๆซึมลงไปละลายน้ำแข็งออกจากขนของมันก็ทำให้มันอบอุ่นกระดิกกระเดี้ยได้มีเรี่ยวมีแรงขึ้นมาอีก นอกจากนั้นมันก็ยังมีช่องเหลือพอให้หายใจหายคอได้สบาย มันดีใจมากที่รอดตายได้อย่างปาฏิหาริย์จนมีสุ้มมีเสียงร้องเพลงออกมาดังลั่น เสียงเพลงของมันแว่วไปเข้าหูแมวของชาวนาที่เดินผ่านมาทางนั้นพอดี แมวก็สงสัยว่าเสียงนกมาจากไหนจึงลงมือคุ้ยกองขี้เพื่อหาให้เจอต้นตอของเสียง เมื่อคุ้ยหาจนเจอนกก็จับกินเป็นอาหารเสียอย่างหวานคอ
นิทานเรื่องนี้มีคติสอนใจอยู่สามประการ
1.คนที่ขี้รดหัวเราก็ไม่ใช่ศัตรูไปเสียทุกคน
2.คนที่โกยขี้ให้พ้นตัวเราก็ไม่ใช่ว่าจะเป็นมิตรไปเสียทุกคน และ
3.ตราบใดที่ยังอยู่สบายและอบอุ่น ถึงจะจมอยู่ในกองขี้ก็อย่าทะลึ่งปากมาก
จากคุณ : แอ๊ด ปากเกร็ด - [ 12 ต.ค. 48 15:29:12 ]
นิทานกระจอกๆ (รอบเท่าไหร่จำไม่ได้)
ต่อไปนี้คือนิทานเรื่องที่ว่า
เมื่อหลายปีก่อน ผมได้มีโอกาสไปเข้าหลักสูตรระยะสั้นที่หน่วยงานศูนย์ควบคุมโรคของสหรัฐฯ หรือที่รู้จักกันดีในนาม CDC ที่เมืองแอตแลนต้า รัฐจอร์เจีย ประเทศสหรัฐฯ นอกเหนือจากเนื้อหาวิชาการในหลักสูตรแล้ว สิ่งหนึ่งที่ผมอยากทำความเข้าใจก็คือแนวความคิดและวัฒนธรรมในการทำงานของเขา สบโอกาสวันหนึ่งก็เลยถามฝรั่งที่เขาสอนว่า หน่วยงานของท่านนี้ต้องทำงานทั่วโลกเพื่อแก้ปัญหาโรคภัยไข้เจ็บ นอกจากปัญหาโรคภัยโดยตรงแล้วก็มีปัญหาการต้องทำงานร่วมกับคนร้อยพ่อพันแม่ร้อยภาษา ต่างคนต่างคิด ต่างคนต่างมีวัฒนธรรมการทำงานของตัว แล้วท่านอบรมคนของท่านอย่างไรให้สามารถทำงานได้ราบรื่นที่สุดในสิ่งแวดล้อมหลากหลายอย่างนี้
เขาหัวเราะ แล้วก็ยื่นนิทานเรื่องนี้ให้อ่าน ผมอ่านแล้วก็พยักหน้าหงึกๆเห็นด้วย ก็เลยขอนำมาถ่ายทอดให้ได้อ่านกัน ณ ที่นี้
Once upon a time, there was a sparrow who disliked flying south for the winter. He dreaded the thought of leaving his comfortable home so much that he decided he would postpone the journey until the last minute. After bidding farewell to all his friends, he went back to his nest and remained there for an additional four weeks. Finally, the weather turned very cold and he could delay his departure no longer. As he took off and headed south, it began to rain heavily. In a very short time, ice began to collect on his wings. Almost collapsing from cold and exhaustion, he fell to the earth in a muddy barnyard.
As he was gasping for breath, a cow sauntered out of the barn and gently covered the sparrow with piles of shit. At first, the sparrow could think of nothing except this was an ugly way to die. But, as the shit slowly settled into his feathers, it comforted him and new life returned to his dying body. He found that he had room to breathe, and suddenly he became so happy and grateful that he started to sing. At that moment, a cat came into the barnyard and hearing the chirping of the sparrow, began digging into the warm shit to find out where the chirping sound was coming from. The cat finally uncovered the sparrow and gulped him down in one swallow.
NOW THIS STORY CONTAINS THREE MORALS
Not everyone who shits on you is your enemy...
Not everyone who takes shit off you is your friend...
When you are warm and comfortable, even if it is in a pile of shit, keep your mouth shut!
กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว มีนกกระจอกอยู่ตัวหนึ่งที่ไม่ชอบการต้องบินอพยพหนีหนาวลงไปทางใต้เอาเสียเลย (นกกระจอกฝรั่งนะครับ ของไทยนี่มันไม่ไปไหน) พอนีกถึงว่าต้องทิ้งรังที่แสนสบายไปก็ทำให้ตะครั่นตะครอติดหมัดขึ้นมาจนทำให้มันผลัดวันประกันพรุ่งไม่ยอมเดินทางเสียที กะว่าเอาไว้ให้จำเป็นถึงที่สุดค่อยไปก็ยังไม่สาย เมื่อเพื่อนฝูงพากันอำลาไปกันหมดแล้ว เจ้ากระจอกจอมอู้ก็กลับไปนอนอุตุต่อในรังได้อีกตั้งเดือน อย่างไรก็ตาม ในที่สุดอากาศก็หนาวมากขึ้นเรื่อยๆจนถึงจุดที่มันชักช้าต่อไปไม่ได้แล้ว มันเริ่มออกบินลงใต้ได้ไม่นานนักก็มีฝนตกหนัก น้ำฝนทำให้ปีกของมันเปียกปอนและความหนาวเย็นก็ทำให้น้ำแข็งเกาะปีกของมันหนักขึ้นเรื่อยๆ เมื่อทนเหนื่อยทนหนาวต่อไปไม่ไหว มันก็ร่วงแอ้กลงมานอนแอ้งแม้งรอความตายอยู่ในลานหน้าโรงนาของชาวนาคนหนึ่ง
ขณะที่เจ้านกกระจอกเจ้ากรรมนอนผงาบๆอยู่นั้นก็เผอิญมีวัวตัวหนึ่งเดินออกมาจากโรงนาพอดีแล้วก็ขี้ออกมากองใหญ่ จำเพาะจะต้องหล่นเผละลงมากลบเจ้านกจอมขี้เกียจจนมิดหัวมิดหู ตอนแรกเจ้านกกระจอกก็คิดอะไรไม่ออกนอกจากนึกอย่างเดียวว่า ซวยจริงตู เป็นวิธีตายที่น่าทุเรศมาก แต่เมื่อขี้วัวอุ่นๆซึมลงไปละลายน้ำแข็งออกจากขนของมันก็ทำให้มันอบอุ่นกระดิกกระเดี้ยได้มีเรี่ยวมีแรงขึ้นมาอีก นอกจากนั้นมันก็ยังมีช่องเหลือพอให้หายใจหายคอได้สบาย มันดีใจมากที่รอดตายได้อย่างปาฏิหาริย์จนมีสุ้มมีเสียงร้องเพลงออกมาดังลั่น เสียงเพลงของมันแว่วไปเข้าหูแมวของชาวนาที่เดินผ่านมาทางนั้นพอดี แมวก็สงสัยว่าเสียงนกมาจากไหนจึงลงมือคุ้ยกองขี้เพื่อหาให้เจอต้นตอของเสียง เมื่อคุ้ยหาจนเจอนกก็จับกินเป็นอาหารเสียอย่างหวานคอ
นิทานเรื่องนี้มีคติสอนใจอยู่สามประการ
1.คนที่ขี้รดหัวเราก็ไม่ใช่ศัตรูไปเสียทุกคน
2.คนที่โกยขี้ให้พ้นตัวเราก็ไม่ใช่ว่าจะเป็นมิตรไปเสียทุกคน และ
3.ตราบใดที่ยังอยู่สบายและอบอุ่น ถึงจะจมอยู่ในกองขี้ก็อย่าทะลึ่งปากมาก
จากคุณ : แอ๊ด ปากเกร็ด - [ 12 ต.ค. 48 15:29:12 ]