เลิฟ ซิก เดอะซีรีย์: กว่าจะเป็น ′ปุณณ์-โน่′ จิ้น-ฟิน-เว่อร์
กว่าจะเป็น ′ปุณณ์-โน่′ จิ้น-ฟิน-เว่อร์
แม้ใกล้จบเต็มที แต่กระแส Love Sick the Series-รักวุ่น วัยรุ่นแสบ ก็ยังแรงไม่เลิก
แรงขนาดบัตร "LoveSick Fan Meet #2" หมดเกลี้ยงหลังเปิดขายไม่กี่ชั่วโมง แถมหลายคนยังขอซื้อต่อโดยยอมจ่ายแพงกว่าหลายเท่า เพื่อให้ได้ใกล้ชิด "ปุณณ์-โน่" พระ-นาง เอ๊ย! ตัวเอกที่ ไวท์-ณวัชร์ พุ่มโพธิงาม และ กัปตัน-ชลธร คงยิ่งยง รับบท
"ตกใจครับ" กัปตัน วัย 16 เผยความรู้สึก เพราะแรกทำยังคุยกับ ราชิต กุศลคูณสิริ ผู้กำกับว่าคงไม่ดังนัก เพราะกะเจาะคนดูแค่กลุ่มหนึ่งเท่านั้น
ส่วนเขาเองก็ไม่หวังอะไร นอกจากแค่ "ไม่ถูกหลอก" เพราะก่อนหน้านี้เคยมีโมเดลลิ่งแห่งหนึ่งติดต่อมา หลังเห็นเขาในไอจี
"แต่พอไปแคสต์ก็บอกให้ถอดเสื้อผ้าถ่ายรูป" เขาเล่าแบบหวาดๆ
แน่นอนเขาไม่ถอด แต่ "รู้สึกโดนหลอกจนกลัวไปเลย"
กัปตันบอกด้วยว่า ก่อนหน้าจะมาแสดงชีวิตเขาวนเวียนอยู่กับการเรียนชั้น ม.5 ร.ร.สาธิตนานาชาติ ม.มหิดล กับการเล่นแบดมินตัน ในฐานะนักกีฬาประจำโรงเรียน แต่พอมาเล่น "LoveSick" กิจวัตรการซ้อมตั้งแต่ตี 5-7 โมง และหลังเลิกเรียนจนถึง 4-5 ทุ่ม ก็เริ่มไม่ไหว จึงตัดสินใจหยุด
เพราะ "การแสดงเป็นทางเลือกหนึ่งที่คนส่วนน้อยมากจะได้มาอยู่ตรงนี้" คือเหตุผล
"และถึงจะเหนื่อย แต่ทำแล้วก็มีความสุข"
ขณะที่แบดมินตันต้องแข่งขันกับคนอื่นจึงรู้สึกกดดัน
กระนั้นบทบาทใหม่ในฐานะนักแสดงก็ไม่ใช่ง่าย
"พอได้บท "โน่" เพื่อนก็ถาม "จะเล่นเหรอ เป็นเกย์นะโว้ย"
ซึ่งโดยความเป็นจริงเขาก็หวั่น-กัปตันรับ
"แต่ผู้กำกับก็ว่าเป็นเรื่องความรักวัยรุ่น เน้นเรื่องเพื่อน" เขาเล่าขำๆ
แม้ตอนนั้นจะขำไม่ออกก็เถอะ เพราะฉากแรกที่ให้เขาเดินไปกดกริ่งบ้าน "ปุณณ์" ก็ปาไป 11 เทก!!
ช่วงหลังๆ นั่นละ จึงค่อยราบรื่นหน่อย
บอกอีกว่า ก่อนหน้านั้นเขาเป็นคนเงียบๆ ไม่ค่อยมีเพื่อน แต่การแสดงที่ทำให้ได้พบปะผู้คนมากมาย ก็ทำให้เขาปรับตัวจนเข้ากับใครๆ ได้เยอะขึ้น แถมยังได้ร้องเพลง ที่ปกติ "ไม่กล้า" เพราะเคยเขิน ร้องไม่ออกตอนอยู่หน้าห้อง จนโดนเพื่อนหัวเราะใส่
หากครั้งนี้กลับได้ใช้ประกอบละครเลยทีเดียว
ส่วนประดาแฟนคลับที่มีทั้งไทย จีน เวียดนาม ฟิลิปปินส์ ฯลฯ นั้น "อยู่ดีๆ มาจากไหนก็ไม่สามารถรู้ได้" เจ้าตัวบอกพลางยิ้มกว้าง
กระนั้นก็ไม่อาจขานรับคำว่า "ดาราดัง" เพราะ "ผมเป็นแค่นักแสดงธรรมดาที่อาจจะมีคนชื่นชอบเฉยๆ ไม่ได้ดัง ถ้าดังก็คงเป็นพวกพี่ ณเดชน์ คูกิมิยะ, มาริโอ้ เมาเร่อ"
โดยคนหลังนั้นเขาชอบมาก เพราะนอกจากหล่อ แสดงเก่ง ยังเคยเป็นคู่จิ้นชาย-ชายในหนัง "รักแห่งสยาม" ซึ่งไปเป็นที่รู้จักในจีนเหมือนกัน เขาก็เลยแอบหวังว่า วันหนึ่ง "อาจจะเหมือนพี่โอ้" ที่ค่อยๆ ดังขึ้นเรื่อยๆ จากงานชิ้นต่อๆ มา
เพราะตอนนี้จาก "แค่อยากลองทำดู" เขาก็เริ่มชอบ จนตั้งเป้าว่า จบชั้นมัธยมเมื่อไหร่จะเรียนต่อในสาขาที่เกี่ยวข้อง
ไวท์ เองก็ว่าความรู้สึกเขาไม่ต่างจากกัปตันนัก
"ตกใจว่าทำไมคนกรี๊ดเยอะขนาดนี้ เวลาเจอก็วิ่งเข้าใส่ จะถ่ายรูปอย่างเดียวเลย" เล่าพลางหัวเราะ
แต่พอปรับตัวได้ จาก "งง" ก็กลายเป็น "อิ่มใจ" แทน
"บางทีเราถ่ายมาเหนื่อยๆ เลิกกองก็อยากกลับบ้าน แต่รู้ว่าแฟนคลับเสียเวลามารอ ก็ให้เขาถ่ายรูป"
เพราะหากไม่มีแฟนคลับคอยสนับสนุนเช่นนี้ ผลงานที่ตั้งใจทำกันสุดฝีมือก็คงไม่ประสบความสำเร็จ จนดังไกลไปถึงต่างประเทศ โดยเฉพาะเมืองจีน ที่สาวๆ ถึงขั้นตั้งฉายาให้เขาว่า "คุณชายผิวขาว" อีกทั้งยังชอบรอยยิ้มเขาสุดสุด
ดังนั้น "ถ้าไม่มีพวกเขาก็ไม่มีปุณณ์ ไม่มีไวท์"
นักศึกษาปี 1 สาขาการตลาด คณะบริหารธุรกิจ ม.กรุงเทพ บอกด้วยว่า ไม่เคยคิดเลยว่าชีวิตจะมาอยู่ ณ จุดนี้ เพราะแต่ไหนแต่ไรตั้งใจว่าหลังเรียนจบจะสานต่อธุรกิจยาจีน "ฮั้วลักเซียม" ของครอบครัว แต่เมื่อได้รับการชักชวนก็สนใจ
อย่างไรก็ตาม ความที่ "ปกติเป็นคนกลัวเรื่องภาพลักษณ์มาก" จึงขอผู้กำกับว่า อยากเปลี่ยนไปรับบท "กอล์ฟ" ที่แม้ไม่เด่นเท่า แต่ก็เป็น "ชายแท้"
แต่พอได้รับคำอธิบายว่า นั่นคือการแสดง ไวท์ซึ่งชีวิตจริงมี "เพื่อนชายใจสาว" หลายคน แถมบางคนคุ้นกันมาตั้งแต่เรียนประถม 1 จึงตอบรับ
แล้วก็สารภาพเขินๆ "คิดว่าโชคดีนะ ที่เล่น"
เพราะตอนนี้ไปไหนมาไหนก็ได้เจอคนที่รักเขาเยอะ
แม้ว่า กว่าจะเยอะต้อง "พยายามหนักจนเคยท้อ" ก็เถอะ
ท้อกับการถ่ายทำอันหนักหน่วง หนักชนิดเคยเริ่มต้นตั้งแต่บ่าย 2 โมงวันนี้ไปจนถึง 6 โมงเช้าของอีกวัน
ท้อกับการท่องบท เนื่องจากจำไม่เก่ง ต้องอาศัยอ่านหน้ากองแล้วเล่นเลย ดีที่ผู้กำกับอยากให้ดูเป็นธรรมชาติ บทจึงไม่ต้องเป๊ะมากนัก
แต่คนที่ "นิ่ง" เป็นทุนเดิมก็ไม่วายโดนวิจารณ์กระฉ่อนว่า "เล่นแข็ง"
"ตัวตนไวท์เป็นอย่างนี้อยู่แล้ว นิ่งๆ เงียบๆ เวลาพูดก็เหมือนในบท" เขาว่า
อย่างไรก็ตาม เขาน้อมรับคำวิจารณ์ "จะพยายามปรับตัวเองให้ดีขึ้น" ว่าอย่างนั้น
ซึ่งก็พอทำได้ ไม่เหมือนการปรับนิสัย ร้อนๆ ให้เย็นลง เพราะพยายามมาตั้งแต่เด็ก สมัยที่เคยมีเรื่องชกต่อยกับเพื่อน เพราะโมโหที่เขาแกล้งหรือว่าอะไรสักอย่าง หากก็ยังไม่เป็นอย่างใจ
อย่างไรก็ตาม ต่อไปต้องพยายามมากขึ้น ซึ่งรวมไปถึงเรื่องการระมัดระวังตัวเองมากขึ้นด้วย "มาอยู่ตรงนี้แล้วแปลกมาก เป็นคนธรรมดาดีๆ กลายเป็นมีคนติดตาม"
ไวท์ยังบอก "เมื่อก่อนมองว่าวงการมันเท่ อยากเป็นดารา อยากได้เงิน พอเข้ามามันก็สวยงามอย่างที่คิด แต่บางครั้งก็เหนื่อย"
หากก็เหมือนที่กัปตันบอกว่า "มันต้องแลกอยู่แล้ว"
แลกกับงานที่ชอบ กับแฟนคลับที่รัก และกับอีกหลายอย่างที่ดีๆ
คิดอย่างนี้ทั้งคู่จึงบอกพร้อมรอยยิ้มว่า "ยอม"!!
′ปุณณ์-โน่′ แมนๆ คุยกัน
"รู้สึกแปลกๆ อยู่ดีๆ ก็โดนจิ้นชาย" กัปตันว่าพลางเกาหัวกับกระแส "ปุณณ์-โน่"
ขณะที่ไวท์ว่า แรกเจอกันกับกัปตันนั้นก็รู้สึกเฉยๆ แต่พอนึกถึงยามเข้าพระเข้านางก็ "ทำใจไม่ได้"
"คิดว่าทำไมต้องเล่น กลัวมาก"
แต่หลังจากผู้กำกับพาไปใช้ชีวิต สร้างความคุ้นเคยที่พัทยาด้วยกัน 3 วัน เลยค่อยๆ ดีขึ้น จนตอนนี้รู้สึกสนิทสนมเหมือนเป็นพี่น้อง
ซึ่งถ้าจะให้เมาธ์ไวท์-คนพี่ว่า "กัปตันกินโคตรเก่งเลย กินทุกอย่าง เป็นเด็กพลังสูง ไปพัทยาปลุกไวท์ไปวิ่งตอนตี 5 เลิกกองคนอื่นกลับไปนอน เขาไปเข้าฟิตเนส ไปตีแบด"
เรื่องนี้กัปตัน ผู้เป็นน้องไม่เถียง แต่แย้งว่า ทำตามสั่งของผู้กำกับ เพราะบท "โน่" ต้องท้วมๆ หน่อย เจออะไรเลยซัดเรียบ
ก่อนขอฟ้องมั่ง "พี่ไวท์จะชอบแกล้งทุกคนในกอง"
แม้แต่กับ INDRYTIMES เจ้าของนิยายเรื่องนี้ ยังโดนแกล้งต่อยซะแขนเขียว จะมีก็แต่เขานี่แหละที่รอดด้วย "รักกันดี"
"แต่ผมชอบไปจี้เขา พี่ไวท์บ้าจี้รุนแรง"
อย่างไรก็ดีพี่น้องคู่นี้บอกว่า ต่อให้สนิทแค่ไหน ก็ไม่กล้าเล่น "ฉากจูบ"
"เราเป็นผู้ชาย น้องก็ผู้ชาย มาจูบกัน น่ากลัว" ไวท์ว่าพลางทำหน้าแหย
ขณะกัปตันแสดงท่าที "ขนลุก อี๋!!"
กระทั่งผู้กำกับต้องเจรจากว่าครึ่งชั่วโมง จึงกลายมาเป็นฉากจิกหมอนของคนดู, ฉากนั่งขำกับครอบครัวไวท์ และฉากที่แม่กัปตันสั่งปิดทีวีด้วย "แม่ไม่ยอมดู ส่วนผมเองก็ไม่กล้าดู"
หากก็นะ เพื่อให้แฟนๆ มีความสุข ก็ยอมเซอร์วิส
"เขาให้ทำอะไรก็ทำ กอด จับมือ ทำท่ารูปหัวใจ แค่นี้เขาก็ดีใจแล้ว" อันนี้ไวท์ว่า
โดยไม่วายย้ำ "แต่เราไม่ได้เป็นอย่างที่เขาคาดไว้ ไม่มีหวั่นไหว"
"ยังไม่รู้สึกนะ" กัปตันช่วยเสริม
เพราะถึงตัวจริงจะ "แบ๊วๆ หน่อย" ตามคำอธิบายของเจ้าตัว แถม "เหมือนผู้หญิงกว่าพี่ไวท์" แต่ก็ยังชอบผู้หญิง ยิ่งเป็นคนขาวๆ ดูน่ารัก และถ้าเข้าอกเข้าใจในตัวเขา ทั้งไม่ต้องตัวติดกันตลอดเวลา ยิ่งชอบบบบบ
เช่นเดียวกับไวท์ที่ "ชอบผู้หญิงเอาใจใส่เรามากๆ น่ารัก ขาวหมวย"
ส่วนเจอหรือยังนั้น
ทั้งคู่บอกพลางยิ้มกริ่ม "ก็รอดูกันต่อไป"
เพราะกัปตันบอก "ตอนนี้มุ่งแต่ทำงานกับเรียน แล้วก็จิ้นกับพี่ไวท์"
งั้นก็จัดไปเลยติ่ง!
มติชนรายวัน
วันที่ 15 กันยายน พ.ศ. 2557 ปีที่ 37 ฉบับที่ 13336
บทสัมภาษณ์เจาะลึกไวท์-กัปตัน Love Sick the Series โดยหนังสือพิมพ์มติชน--รู้มั้ยไวท์เคยคิดจะเปลี่ยนไปเล่นบท "กอล์ฟ"
กว่าจะเป็น ′ปุณณ์-โน่′ จิ้น-ฟิน-เว่อร์
แม้ใกล้จบเต็มที แต่กระแส Love Sick the Series-รักวุ่น วัยรุ่นแสบ ก็ยังแรงไม่เลิก
แรงขนาดบัตร "LoveSick Fan Meet #2" หมดเกลี้ยงหลังเปิดขายไม่กี่ชั่วโมง แถมหลายคนยังขอซื้อต่อโดยยอมจ่ายแพงกว่าหลายเท่า เพื่อให้ได้ใกล้ชิด "ปุณณ์-โน่" พระ-นาง เอ๊ย! ตัวเอกที่ ไวท์-ณวัชร์ พุ่มโพธิงาม และ กัปตัน-ชลธร คงยิ่งยง รับบท
"ตกใจครับ" กัปตัน วัย 16 เผยความรู้สึก เพราะแรกทำยังคุยกับ ราชิต กุศลคูณสิริ ผู้กำกับว่าคงไม่ดังนัก เพราะกะเจาะคนดูแค่กลุ่มหนึ่งเท่านั้น
ส่วนเขาเองก็ไม่หวังอะไร นอกจากแค่ "ไม่ถูกหลอก" เพราะก่อนหน้านี้เคยมีโมเดลลิ่งแห่งหนึ่งติดต่อมา หลังเห็นเขาในไอจี
"แต่พอไปแคสต์ก็บอกให้ถอดเสื้อผ้าถ่ายรูป" เขาเล่าแบบหวาดๆ
แน่นอนเขาไม่ถอด แต่ "รู้สึกโดนหลอกจนกลัวไปเลย"
กัปตันบอกด้วยว่า ก่อนหน้าจะมาแสดงชีวิตเขาวนเวียนอยู่กับการเรียนชั้น ม.5 ร.ร.สาธิตนานาชาติ ม.มหิดล กับการเล่นแบดมินตัน ในฐานะนักกีฬาประจำโรงเรียน แต่พอมาเล่น "LoveSick" กิจวัตรการซ้อมตั้งแต่ตี 5-7 โมง และหลังเลิกเรียนจนถึง 4-5 ทุ่ม ก็เริ่มไม่ไหว จึงตัดสินใจหยุด
เพราะ "การแสดงเป็นทางเลือกหนึ่งที่คนส่วนน้อยมากจะได้มาอยู่ตรงนี้" คือเหตุผล
"และถึงจะเหนื่อย แต่ทำแล้วก็มีความสุข"
ขณะที่แบดมินตันต้องแข่งขันกับคนอื่นจึงรู้สึกกดดัน
กระนั้นบทบาทใหม่ในฐานะนักแสดงก็ไม่ใช่ง่าย
"พอได้บท "โน่" เพื่อนก็ถาม "จะเล่นเหรอ เป็นเกย์นะโว้ย"
ซึ่งโดยความเป็นจริงเขาก็หวั่น-กัปตันรับ
"แต่ผู้กำกับก็ว่าเป็นเรื่องความรักวัยรุ่น เน้นเรื่องเพื่อน" เขาเล่าขำๆ
แม้ตอนนั้นจะขำไม่ออกก็เถอะ เพราะฉากแรกที่ให้เขาเดินไปกดกริ่งบ้าน "ปุณณ์" ก็ปาไป 11 เทก!!
ช่วงหลังๆ นั่นละ จึงค่อยราบรื่นหน่อย
บอกอีกว่า ก่อนหน้านั้นเขาเป็นคนเงียบๆ ไม่ค่อยมีเพื่อน แต่การแสดงที่ทำให้ได้พบปะผู้คนมากมาย ก็ทำให้เขาปรับตัวจนเข้ากับใครๆ ได้เยอะขึ้น แถมยังได้ร้องเพลง ที่ปกติ "ไม่กล้า" เพราะเคยเขิน ร้องไม่ออกตอนอยู่หน้าห้อง จนโดนเพื่อนหัวเราะใส่
หากครั้งนี้กลับได้ใช้ประกอบละครเลยทีเดียว
ส่วนประดาแฟนคลับที่มีทั้งไทย จีน เวียดนาม ฟิลิปปินส์ ฯลฯ นั้น "อยู่ดีๆ มาจากไหนก็ไม่สามารถรู้ได้" เจ้าตัวบอกพลางยิ้มกว้าง
กระนั้นก็ไม่อาจขานรับคำว่า "ดาราดัง" เพราะ "ผมเป็นแค่นักแสดงธรรมดาที่อาจจะมีคนชื่นชอบเฉยๆ ไม่ได้ดัง ถ้าดังก็คงเป็นพวกพี่ ณเดชน์ คูกิมิยะ, มาริโอ้ เมาเร่อ"
โดยคนหลังนั้นเขาชอบมาก เพราะนอกจากหล่อ แสดงเก่ง ยังเคยเป็นคู่จิ้นชาย-ชายในหนัง "รักแห่งสยาม" ซึ่งไปเป็นที่รู้จักในจีนเหมือนกัน เขาก็เลยแอบหวังว่า วันหนึ่ง "อาจจะเหมือนพี่โอ้" ที่ค่อยๆ ดังขึ้นเรื่อยๆ จากงานชิ้นต่อๆ มา
เพราะตอนนี้จาก "แค่อยากลองทำดู" เขาก็เริ่มชอบ จนตั้งเป้าว่า จบชั้นมัธยมเมื่อไหร่จะเรียนต่อในสาขาที่เกี่ยวข้อง
ไวท์ เองก็ว่าความรู้สึกเขาไม่ต่างจากกัปตันนัก
"ตกใจว่าทำไมคนกรี๊ดเยอะขนาดนี้ เวลาเจอก็วิ่งเข้าใส่ จะถ่ายรูปอย่างเดียวเลย" เล่าพลางหัวเราะ
แต่พอปรับตัวได้ จาก "งง" ก็กลายเป็น "อิ่มใจ" แทน
"บางทีเราถ่ายมาเหนื่อยๆ เลิกกองก็อยากกลับบ้าน แต่รู้ว่าแฟนคลับเสียเวลามารอ ก็ให้เขาถ่ายรูป"
เพราะหากไม่มีแฟนคลับคอยสนับสนุนเช่นนี้ ผลงานที่ตั้งใจทำกันสุดฝีมือก็คงไม่ประสบความสำเร็จ จนดังไกลไปถึงต่างประเทศ โดยเฉพาะเมืองจีน ที่สาวๆ ถึงขั้นตั้งฉายาให้เขาว่า "คุณชายผิวขาว" อีกทั้งยังชอบรอยยิ้มเขาสุดสุด
ดังนั้น "ถ้าไม่มีพวกเขาก็ไม่มีปุณณ์ ไม่มีไวท์"
นักศึกษาปี 1 สาขาการตลาด คณะบริหารธุรกิจ ม.กรุงเทพ บอกด้วยว่า ไม่เคยคิดเลยว่าชีวิตจะมาอยู่ ณ จุดนี้ เพราะแต่ไหนแต่ไรตั้งใจว่าหลังเรียนจบจะสานต่อธุรกิจยาจีน "ฮั้วลักเซียม" ของครอบครัว แต่เมื่อได้รับการชักชวนก็สนใจ
อย่างไรก็ตาม ความที่ "ปกติเป็นคนกลัวเรื่องภาพลักษณ์มาก" จึงขอผู้กำกับว่า อยากเปลี่ยนไปรับบท "กอล์ฟ" ที่แม้ไม่เด่นเท่า แต่ก็เป็น "ชายแท้"
แต่พอได้รับคำอธิบายว่า นั่นคือการแสดง ไวท์ซึ่งชีวิตจริงมี "เพื่อนชายใจสาว" หลายคน แถมบางคนคุ้นกันมาตั้งแต่เรียนประถม 1 จึงตอบรับ
แล้วก็สารภาพเขินๆ "คิดว่าโชคดีนะ ที่เล่น"
เพราะตอนนี้ไปไหนมาไหนก็ได้เจอคนที่รักเขาเยอะ
แม้ว่า กว่าจะเยอะต้อง "พยายามหนักจนเคยท้อ" ก็เถอะ
ท้อกับการถ่ายทำอันหนักหน่วง หนักชนิดเคยเริ่มต้นตั้งแต่บ่าย 2 โมงวันนี้ไปจนถึง 6 โมงเช้าของอีกวัน
ท้อกับการท่องบท เนื่องจากจำไม่เก่ง ต้องอาศัยอ่านหน้ากองแล้วเล่นเลย ดีที่ผู้กำกับอยากให้ดูเป็นธรรมชาติ บทจึงไม่ต้องเป๊ะมากนัก
แต่คนที่ "นิ่ง" เป็นทุนเดิมก็ไม่วายโดนวิจารณ์กระฉ่อนว่า "เล่นแข็ง"
"ตัวตนไวท์เป็นอย่างนี้อยู่แล้ว นิ่งๆ เงียบๆ เวลาพูดก็เหมือนในบท" เขาว่า
อย่างไรก็ตาม เขาน้อมรับคำวิจารณ์ "จะพยายามปรับตัวเองให้ดีขึ้น" ว่าอย่างนั้น
ซึ่งก็พอทำได้ ไม่เหมือนการปรับนิสัย ร้อนๆ ให้เย็นลง เพราะพยายามมาตั้งแต่เด็ก สมัยที่เคยมีเรื่องชกต่อยกับเพื่อน เพราะโมโหที่เขาแกล้งหรือว่าอะไรสักอย่าง หากก็ยังไม่เป็นอย่างใจ
อย่างไรก็ตาม ต่อไปต้องพยายามมากขึ้น ซึ่งรวมไปถึงเรื่องการระมัดระวังตัวเองมากขึ้นด้วย "มาอยู่ตรงนี้แล้วแปลกมาก เป็นคนธรรมดาดีๆ กลายเป็นมีคนติดตาม"
ไวท์ยังบอก "เมื่อก่อนมองว่าวงการมันเท่ อยากเป็นดารา อยากได้เงิน พอเข้ามามันก็สวยงามอย่างที่คิด แต่บางครั้งก็เหนื่อย"
หากก็เหมือนที่กัปตันบอกว่า "มันต้องแลกอยู่แล้ว"
แลกกับงานที่ชอบ กับแฟนคลับที่รัก และกับอีกหลายอย่างที่ดีๆ
คิดอย่างนี้ทั้งคู่จึงบอกพร้อมรอยยิ้มว่า "ยอม"!!
′ปุณณ์-โน่′ แมนๆ คุยกัน
"รู้สึกแปลกๆ อยู่ดีๆ ก็โดนจิ้นชาย" กัปตันว่าพลางเกาหัวกับกระแส "ปุณณ์-โน่"
ขณะที่ไวท์ว่า แรกเจอกันกับกัปตันนั้นก็รู้สึกเฉยๆ แต่พอนึกถึงยามเข้าพระเข้านางก็ "ทำใจไม่ได้"
"คิดว่าทำไมต้องเล่น กลัวมาก"
แต่หลังจากผู้กำกับพาไปใช้ชีวิต สร้างความคุ้นเคยที่พัทยาด้วยกัน 3 วัน เลยค่อยๆ ดีขึ้น จนตอนนี้รู้สึกสนิทสนมเหมือนเป็นพี่น้อง
ซึ่งถ้าจะให้เมาธ์ไวท์-คนพี่ว่า "กัปตันกินโคตรเก่งเลย กินทุกอย่าง เป็นเด็กพลังสูง ไปพัทยาปลุกไวท์ไปวิ่งตอนตี 5 เลิกกองคนอื่นกลับไปนอน เขาไปเข้าฟิตเนส ไปตีแบด"
เรื่องนี้กัปตัน ผู้เป็นน้องไม่เถียง แต่แย้งว่า ทำตามสั่งของผู้กำกับ เพราะบท "โน่" ต้องท้วมๆ หน่อย เจออะไรเลยซัดเรียบ
ก่อนขอฟ้องมั่ง "พี่ไวท์จะชอบแกล้งทุกคนในกอง"
แม้แต่กับ INDRYTIMES เจ้าของนิยายเรื่องนี้ ยังโดนแกล้งต่อยซะแขนเขียว จะมีก็แต่เขานี่แหละที่รอดด้วย "รักกันดี"
"แต่ผมชอบไปจี้เขา พี่ไวท์บ้าจี้รุนแรง"
อย่างไรก็ดีพี่น้องคู่นี้บอกว่า ต่อให้สนิทแค่ไหน ก็ไม่กล้าเล่น "ฉากจูบ"
"เราเป็นผู้ชาย น้องก็ผู้ชาย มาจูบกัน น่ากลัว" ไวท์ว่าพลางทำหน้าแหย
ขณะกัปตันแสดงท่าที "ขนลุก อี๋!!"
กระทั่งผู้กำกับต้องเจรจากว่าครึ่งชั่วโมง จึงกลายมาเป็นฉากจิกหมอนของคนดู, ฉากนั่งขำกับครอบครัวไวท์ และฉากที่แม่กัปตันสั่งปิดทีวีด้วย "แม่ไม่ยอมดู ส่วนผมเองก็ไม่กล้าดู"
หากก็นะ เพื่อให้แฟนๆ มีความสุข ก็ยอมเซอร์วิส
"เขาให้ทำอะไรก็ทำ กอด จับมือ ทำท่ารูปหัวใจ แค่นี้เขาก็ดีใจแล้ว" อันนี้ไวท์ว่า
โดยไม่วายย้ำ "แต่เราไม่ได้เป็นอย่างที่เขาคาดไว้ ไม่มีหวั่นไหว"
"ยังไม่รู้สึกนะ" กัปตันช่วยเสริม
เพราะถึงตัวจริงจะ "แบ๊วๆ หน่อย" ตามคำอธิบายของเจ้าตัว แถม "เหมือนผู้หญิงกว่าพี่ไวท์" แต่ก็ยังชอบผู้หญิง ยิ่งเป็นคนขาวๆ ดูน่ารัก และถ้าเข้าอกเข้าใจในตัวเขา ทั้งไม่ต้องตัวติดกันตลอดเวลา ยิ่งชอบบบบบ
เช่นเดียวกับไวท์ที่ "ชอบผู้หญิงเอาใจใส่เรามากๆ น่ารัก ขาวหมวย"
ส่วนเจอหรือยังนั้น
ทั้งคู่บอกพลางยิ้มกริ่ม "ก็รอดูกันต่อไป"
เพราะกัปตันบอก "ตอนนี้มุ่งแต่ทำงานกับเรียน แล้วก็จิ้นกับพี่ไวท์"
งั้นก็จัดไปเลยติ่ง!
มติชนรายวัน
วันที่ 15 กันยายน พ.ศ. 2557 ปีที่ 37 ฉบับที่ 13336