มะเร็งต่อมลูกหมากระยะสุดท้าย และสิทธิ์บัตรทอง

ผมไปเยี่ยมญาติที่ป่วยด้วยโรคมะเร็งต่อมลุกหมากที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่งในซอยย่านคลองตันมากครับ มีเรื่องอยากรบกวนเรียนถาม ก่อนอื่นต้องออกตัวว่าผมไม่ใช่แพทย์ เคารพวินิจฉัยและการตัดสินใจของแพทย์เสมอ และนี่คือข้อมูลที่เป็นกลางครับ

คนไข้ (ญาติ) 67 ปี มาด้วยปัสสาวะไม่ออก พบ CA Prostate เมื่อปี 2555 ค่า PSA> 1000 แพทย์ตัดสินใจ Orchiectomy ค่า PSA ไม่ลดทันที แต่คอ่ยๆลดลงและอาการทั่วไปดูดีขึ้น แต่พบ Bone Metastases ไปทั่ว ทั้งหมดนี้ใช้บัตรทองครับ

ปี 2557 ต้นปี คนไข้ขอไปปฏิบัติธรรมราว 2 เดือน ระหว่างนั้นคลื่นไส้ ทานไม่ได้ ปวดขา ปวดเอว กลับมาบ้าน ญาติพาไปรักษาหมอใกล้บ้าน เพราะเห็นว่าการไปรักษาตามสิทธิ์ยุ่งยากมาก ต้องไปคลินิกปฐมภูมิซึ่งไกลมาก กว่าจะส่งตัวไปยังโรงพยาบาลย่านคลองตันที่ต้องใช้เวลาอีกหนึ่งสัปดาห์ ช่วงนี้ผมคิดว่าคนไข้ loss f/u และคงไม่ได้บอกประวัติกับหมอใกล้บ้าน แต่รักษาตามอาการ

2 เดือนที่ผ่านมา อาการทรุดมาก น้ำหนักลดจากทานไม่ได้ เหนื่อย อ่อนเพลีย ปวดขา เอว ปัสสาวะอย่างน้อย 5 ครั้งต่อคืน จนบางครั้งอั้นไม่ได้ อุจจาระบางครั้งอั้นไม่ได้ สลับ constipated ผมแนะนำให้ญาติพากลับไปโรงพยาบาลต้นสังกัด

คลินิกปฐมภูมิส่งตัวไปโรงพยาบาลเมื่อ 7 กย แพทย์ uro ที่เคยรักษา (part time อาทิตย์ละ 1วัน) ไม่ได้ทำงานที่นี่แล้ว มีแพทย์ uro มาใหม่ part time เช่นกัน ไม่ตรวจอะไรมาก แต่นัดมาตรวจเลือด 27 กย แล้วให้กลับบ้าน

แพทย์ staff ของ รพ เห็นอ่อนแรงมาก ซีด จึงให้ admit (แพทย์ uro กลับไปแล้ว ) คนไช้ใช้สิทธิ์บัตรทอง แต่ รพ ไม่มีเตียงว่าง จึงให้อยู่ห้องพิเศษคู่ ราคา 2100 บาท จ่ายส่วนต่าง 1600 บาท

แพทย์เจ้าของไข้ (staff ประจำ เป็นหมอ med) ให้เลือด 2 ถุง ยาแก้ปวด
ปัญหาที่เกิดขึ้นและผมรบกวนถามในห้องนี้คือ
1. คนไข้และญาติไม่ทราบแผนการรักษา เมื่อถามแพทย์หญิงเจ้าของไข้ จะบอกว่าต้องรอถามแพทย์ uro ที่มาสัปดาห์ละครั้ง สรุปว่าใครคือเจ้าของไข้กันแน่ครับ
2. ทุกครั้งที่ญาติถามอาการและแผนการรักษา แพทย์เจ้าของไข้จะไม่พอใจมาก ผมได้อยู่ในวันที่ญาติถามตอนแพทย์ round บ่าย แพทย์ตวาดว่าต้องถามแพทย์ uro เมื่อญาติสอบถามอย่างสุภาพว่าจะรบกวนติดต่อแพทย์ uro ได้ไหม แพทย์ท่านนี้เดินออกจากห้องและส่งเสียงดังว่า "ไปเลยลุง อยากถามอะไรก็ไปถามเอาเองเลย  ไปเลย"
  อนึ่ง คนไข้และญาติตกใจ และไม่สบายใจมาก ที่ถามแผนการรักษาเพราะต้องเตรียมตัวด้านการเงิน เนื่องจากต้องจ่ายค่าห้องวันละ 1600 บาททุกวันโดยไม่รู้สถานะและแผนการรักษาใดๆ คนไข้ไม่ใช่ผู้มีฐานะ
3. ญาติรอจนวันเสาร์ (หนึ่งสัปดาห์ต่อมา) เพราะคิดว่า แพทย์ uro จะมาดู แต่ปรากฏว่าไม่ได้ขึ้นมา จึงไปรอพบที่หน้าห้องตรวจก่อนท่านกลับ ท่านบอกเพียงว่าให้รอตรวจเลือดตามคิววันที่ 27 ตค ผมรบกวนถามในห้องนี้ครับว่าตรวจเลยโดยไม่ต้องรอได้หรือไม่ครับ เหตุใดต้องรอ หรือนี่คือแนวทางปฏิบัติตามปกติครับ
4. ไม่มีกำหนด discharge และ ไม่แจ้งแผนการรักษา (อันนี้ถ้ามองในแง่ดี ผมคิดว่าแพทย์คงเห็นคนไข้ยังไม่ดีขึ้น หลังให้เลือดดูมีกำลัง และทานอะไรได้บ้าง แต่พอหลังจากนั้นก็ทานไม่ได้อีก แต่ควรแจ้งญาติไหมครับ เผอิญผมเข้าไปดูในเวปไซต์โรงพยาบาล พบว่าพันธกิจหลักข้อแรกคือการบริหารการเงินให้มั่นคงครับ เลยอดคิดไมไ่ด้ว่าโรงพยาบาลปรับปรุงตึก เพิ่มห้องพิเศษ ขึ้นราคาค่าห้อง และเตียงบัตรทองเต็ม คือหนึ่งในกลยุทธ์)
5. กรณีเช่นนี้ ขอย้ายไป รพ อื่นของรัฐได้ไหมครับ (เชื่อเช่นกันว่า รพ คงไม่ยอมส่งตัวให้)
6. รบกวนแพทย์ในห้องนี้ช่วยประเมินจากอาการที่เล่ามาข้างต้นครับ ว่าขณะนี้แพทย์รักษาแบบ supportive ใช่ไหมครับ หากแพทย์สงสัยว่ามะเร็งลามไปอวัยวะอื่นจะส่งตรวจไหมครับ ตามวิธีรักษาของบัตรทอง หรือแพทย์แน่ใจได้เลยจากประสบการณ์และการดำเนินของโรคครับ ญาติกลุ้มใจกับการต้องอยู่โรงพยาบาลโดยทราบเพียงว่ารอตรวจเลือดตามคิววันที่ 27 ครับ (พยาบาลบอกว่าตรวจค่า PSA ครับ)
7. รบกวนประเมินว่า หากย้ายไป รพ รัฐ โดยไม่ใช้สิทธิ์บัตรทอง อยู่สามัญ แล้วนำเงินเดือนละสี่หมื่นห้าพันบาทที่ต้องจ่ายเป็นค่าห้องให้ รพ นี้มาเป็นค่ายาค่ารักษาจะดีกว่ากันไหมครับ
8. หากค่ายามีราคาแพงมาก คนไข้ไม่มีกำลังจ่าย รพ รัฐจะส่งกลับมาต้นสังกัดตามสิทธิ์ไหมครับ และรพ ต้นสังกัดจะให้ยาหรือไม่
9. ข้อนี้ขอโทษนะครับ ผมไม่ได้อวดรู้เลยจริงๆ แค่ขอความรู้เท่านั้นนะครับว่า ทางเลือกในการรักษา (หากยังมีอยู่) คือการให้ยาต้าน Hormone ผมขอเรียนถามว่า โดยปกติแล้ว สิทธิ์บัตรทองจะได้ยาตัวไหนครับ ระหว่าง Ketoconazole Prednisolone, Docetaxel Prednisolone หรือ Prednisolone only ครับ และยาเหล่านี้ราคาเท่าไหร่ครับ
10. จากข้อ 9 ยาตัวไหนที่จากประสบการณ์ของท่านแล้ว คิดว่าได้ผลดีครับ คนไข้ไม่มีกำลังพอที่จะใช้ Abiratorone แน่นอนครับ

ผมขอรบกวนแพทย์และเพื่อนๆในห้องนี้กรุณาให้คำปรึกษาด้วยครับ ขอบพระคุณอย่างสูงสุดครับ
ปล ต้องขอโทษอีกครั้งและออกตัวว่าเขียนตามข้อเท็จจริงโดยไม่อคติครับ และไม่มีเจตนาอวดรู้ทางการแพทย์ใดๆครับ ดังที่กล่าวแล้วว่าเคารพวินิจฉัยและการตัดสินใจของแพทย์เสมอว่าไตร่ตรองดีแล้ว ซึ่งผมก็ได้ให้กำลังใจกับคนไข้และญาติที่ดูแล (เป็นสามีภรรยาชราแล้วทั้งคู่) ว่าให้วางใจแพทย์และโรงพยาบาลครับ แต่ผมยอมรับจริงๆว่าค่อนข้างไม่สบายใจครับ
แก้ไขข้อความเมื่อ
คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 1
ยาวไปครับ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่