สมมติว่ามีมิจฉาทิฐิบางคนกระทำการจาบจ้วงต่อ พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ต่อหน้าต่อตาท่าน และแม้จะมีผู้หวังดีได้ตักเตือนไปบ้างแล้ว แต่ด้วยทิฐิอันเหนียวแน่น จน ชัดเจนแล้วว่า คงไม่สามารถคุยด้วยเหตุผลได้อีกต่อไป ในกรณีเช่นนี้ หากยึดตามหลักการที่ถูกต้อง ตามคำสอนที่แท้จริงของพระศาสดา ตามความสอดคล้องกับการปฏิบัติธรรม ตามความเล็งถึงผลดีผลเสียที่จะเกิดขึ้น ตามจุดมุ่งหมายแห่งพระธรรมวินัยนี้ ตามพระบัญญัติ ตามกฏแห่งกรรม ท่านคิดว่า บุคคลควรปฏิบัติเช่นไร
1. ชี้แจง ปกป้อง ตอบโต้ ถกเถียง เพื่อชักจูงให้เขาเปลี่ยนทิฐินั้น
2. ปล่อยวาง วางเฉย ทำใจให้เป็นอุเบกขา
3. ระงับจิตใจ ไม่ให้ขุ่นเคือง ไม่มีความโกรธ ความแค้น ความพยาบาทในบุคคล นั้นๆ
4. แผ่เมตตาให้ด้วยความจริงใจ ปราถนาแต่ให้เขาพบแต่ความสุข
5. อื่นๆ (ตามที่ท่านคิดว่าควรจะต้องทำ )
(ทั้งหมดนี้ เป็นการสมมติขึ้น ไม่เกี่ยวกับกระทู้ของผู้หนึ่งผู้ใด และในที่ไหนๆทั้งสิ้น และยังสมมติให้ผู้นั้นมีความเห็นผิดอย่างชัดเจนแล้ว ไม่จำเป็นต้องทบทวนตนเองว่าอาจจะเป็นฝ่ายเข้าใจผิดเสียเองก็ได้ ในกรณีนี้ สมมติให้แล้วเช่นกัน เพียงเพื่อ หาคำตอบที่พึงจะต้องทำ ที่ควรต้องทำ เพื่อความชัดเจน และเพื่อหาแก่นแท้ของคำสอน ตามความเข้าใจของแต่ละคน)
หากมีใครจาบจ้วงพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์
1. ชี้แจง ปกป้อง ตอบโต้ ถกเถียง เพื่อชักจูงให้เขาเปลี่ยนทิฐินั้น
2. ปล่อยวาง วางเฉย ทำใจให้เป็นอุเบกขา
3. ระงับจิตใจ ไม่ให้ขุ่นเคือง ไม่มีความโกรธ ความแค้น ความพยาบาทในบุคคล นั้นๆ
4. แผ่เมตตาให้ด้วยความจริงใจ ปราถนาแต่ให้เขาพบแต่ความสุข
5. อื่นๆ (ตามที่ท่านคิดว่าควรจะต้องทำ )
(ทั้งหมดนี้ เป็นการสมมติขึ้น ไม่เกี่ยวกับกระทู้ของผู้หนึ่งผู้ใด และในที่ไหนๆทั้งสิ้น และยังสมมติให้ผู้นั้นมีความเห็นผิดอย่างชัดเจนแล้ว ไม่จำเป็นต้องทบทวนตนเองว่าอาจจะเป็นฝ่ายเข้าใจผิดเสียเองก็ได้ ในกรณีนี้ สมมติให้แล้วเช่นกัน เพียงเพื่อ หาคำตอบที่พึงจะต้องทำ ที่ควรต้องทำ เพื่อความชัดเจน และเพื่อหาแก่นแท้ของคำสอน ตามความเข้าใจของแต่ละคน)