สวัสดีค่ะเพื่อนๆชาวพันทิป วันนี้เราอยากจะแบ่งปันประสบการณ์เรื่องซื้อรถค่ะ
เรื่องมีอยู่ว่า...
สามีเรามีแพลนว่าจะเปลี่ยนรถใหม่ (จากซีวิค เป็นฟอร์จูนเนอร์เพื่อรองรับน้ำหนักภรรยาที่มากขึ้น และลูกน้อยวัยกำลังซน ฮาๆ)
เราก็เลยช่วยกันเสาะหาโชว์รูมโตโยต้าที่มีคนรู้จักทำอยู่ และเปรียบเทียบส่วนลด+ของแถม จนได้พบเจอกับโชว์รูม”มิตรภาพ”ย่านปทุมธานี แถวแยกบางคูวัด ซึ่งมีคนรู้จักกันเป็นเซลล์อยู่ที่นี่ (สมมติว่าชื่อ”จี้”นะคะ ย่อมาจาก..”จี้กูนี่แหละ” ฮาๆ)
เราตกลงซื้อขายฟอร์จูนเนอร์ กันที่ราคา 1,214,000 บาท (ครั้งแรกพี่จี้บอกราคาที่ 1,209,000 แต่ต่อมาแจ้งว่าบอกราคาผิด เพราะสับสนรุ่น อันนี้เข้าใจได้ค่ะ)
พี่จี้ตกลงให้ส่วนลดเงินสด 68,000 บาท พร้อมอุปกรณ์ตกแต่งรถแบบครบเซ็ต และ แถม พรบ (ไม่รวมประกันภัยชั้นหนึ่ง)
ครอบครัวเราโอเค จึงทำสัญญาจองรถ จ่ายเงิน 5,000 บาทตามระเบียบ พร้อมส่งต่อน้องซีวิคให้กับโตโยต้าชัวร์ด้วยในคราวเดียวกัน
ทางฝั่งพี่จี้ ก็เร่งๆเรื่องเอกสาร ไฟแนนซ์ สัญญาต่างๆ โน่นนี่ ตามที่เซลล์พึงจะทำ สามีเรางานแสนจะยุ่งก็ปลีกตัวไปให้ แล้วเราตกลงกันว่า จะมีการส่งมอบรถกันในวันศุกร์
ทุกอย่างดูเหมือนจะราบรื่นดี มีเพียงสามีที่คอยโทรตามเรื่องว่ารถเป็นยังไง ได้สีตามที่ตกลงไหม? ส่งทันตามวันรึเปล่า? ซึ่งพี่จี้ก็รับปากอย่างดี ว่าได้แน่นอน ตามกำหนด ตามสเปคแน่ๆ
เมื่อถึงวันพฤหัสซิบ่ดี ก็มีเค้าลางของความโชคร้ายมาเยือน (ใครที่ไม่ชอบอ่านยาวๆ อาจข้ามมาอ่านบรรทัดต่อไปได้เลยนะคะ)
1.ช่วงเช้าพี่จี้โทรมาแจ้งว่ารถที่สั่งไว้ขึ้นเทรลเลอร์ตั้งแต่เมื่อวานแล้ว น่าจะถึงโชว์รูมช่วงบ่ายวันนี้...
2.ช่วงบ่ายปรากฏว่ารถไม่เข้า อาจจะตกหล่นขนส่งมาไม่ครบ พี่จี้จึงแจ้งว่าคงไม่สามารถส่งมอบรถได้ทันในวันศุกร์
3.ทางเราจึงแจ้งความประสงค์ว่า งั้นเปลี่ยนเป็นรถสีดำก็ได้ (เดิมสั่งสีเทาเข้ม) เพื่อที่อยากให้ส่งมอบทันในวันศุกร์ ทางโชว์รูมก็ตกลงตามนั้น
4.ช่วงเย็นพี่จี้โทรมาแจ้งว่าคิดคำนวณราคาต้นทุนกำไรผิดพลาด ขาดไป 30,000 บาท ซึ่งทางเราต้องรับผิดชอบเงินจำนวน 30,000 บาทนี้ (ช็อคสิจ๊ะพี่น้อง ถ้าต้องจ่ายเพิ่ม 30,000 โชว์รูมอื่นถูกกว่านะตัวเธอ) ทางเรายืนยันที่จะไม่จ่ายเพิ่มเพราะเรารู้สึกว่ามันเป็นความผิดพลาดภายในส่วนของเซลล์กันเองอ่ะ จึงขอคุยกับหัวหน้าฝ่ายขาย หัวหน้าก็เข้าข้างลูกน้องว่า มันเป็นเงินที่เราต้องรับผิดชอบจ้า ถ้าเราไม่จ่ายเพิ่มก็ไม่สามารถออกรถได้ เพราะถือว่าจ่ายเงินไม่ครบ เราจึงพูดถึงส่วนลดเงินสด 68,000 บาท ว่าถ้าต้องจ่ายเพิ่ม ก็ลดไปแค่ 38,000 นี่นา...
หัวหน้าเซลล์พูดกลับมาว่า ส่วนลดเงินสดอะไรกันค่ะ ไม่เห็นมีระบุในสัญญาจองเลย เลย เลย เลย....(เสียงก้องในหู พร้อมกับความเงิบของเรา เรา เรา เรา)
แม้เราจะแย้งว่า แต่รายละเอียดที่เคยคุยกันครั้งแรกก็ระบุว่า ทางโชว์รูมให้ส่วนลด 68,000 บาทจริงๆ แต่มันก็เป็นลายมือสามีเรา มิใช่ลายมือเซลล์ ถ้าอยากฟ้องก็เชิญไปฟ้องเลย (หัวหน้าเซลล์ท้าทายมากอ่ะ เราไม่รู้จะฟ้องใคร ขอแวะมาฟ้องพันทิปก่อน กราบ)
ความผิดพลาดของเราอยู่ตรงนี้แหละค่ะ เราลืมตรวจสัญญาจองให้ละเอียดถี่ถ้วน มันไม่ได้ระบุในสัญญาจริงๆด้วย ทำไมเราพลาดเรื่องง่ายๆอย่างนี้นะ มีเพียงกระดาษที่เขียนไว้ในวันแรกที่เราเข้าไปดูรถที่โชว์รูม แต่นั่นก็เป็นลายมือสามีเราอีกนั่นแหละ พยานที่ไปด้วยก็มีเพียงแม่สามีซึ่งก็เป็นคนในครอบครัวอยู่ดี TT__TT
นั่นเป็นเพราะบ้านเราคงไว้ใจเซลล์ซึ่งเป็นคนรู้จักมากเกินไป จนลืมตรวจตราเอกสารให้ถ้วนถี่ นี่คือบทเรียนจากการที่ไว้ใจสินะ
ความรู้สึกในตอนนี้คือ เหมือนเรากำลังถูกหลอกให้ทำสัญญาซื้อรถในราคาใหม่ที่มัดมือชก ถ้าไม่จ่ายเพิ่ม ไม่ออกรถให้ ถ้ายกเลิกสัญญาก็สูญเงินจอง นี่ยังดีที่ยกเลิกการขายน้องซีวิคได้ทัน T_T
เราเลยอยากเล่าเรื่องนี้เป็นอุทาหรณ์ให้เพื่อนๆที่กำลังจะซื้อรถค่ะ ตรวจสอบเอกสารให้ละเอียดละเอี๊ยดละเอียดน๊า ตกลงราคา ส่วนลดอะไรยังไงเท่าไหร่ ของแถมอะไร จดลงสัญญาให้หมดเลยจ้า อย่างน้อยก็ใช้เป็นหลักฐานยืนยันได้ในทางกฎหมาย
ส่วนเรายังมึนๆอึนๆกับคดีที่พลิกผัน จนกลายเป็นคนผิดที่จ่ายเงินไม่ครบ(เหรอ?)
พรุ่งนี้สามีเราจะไปที่โชว์รูม เพื่อยกเลิกเรื่องการซื้อรถ และจะพยายามนำเงินจองคืนมา (ตั้งห้าพันแน่ะ ซื้อนมให้ลูกได้หลายลังทีเดียวเชียว)
เรายังไม่รู้ว่าเรื่องนี้จะจบลงยังไง
จริงๆเราเครียดนะคะ แต่อยากเล่าสู่กันฟังแบบสบายๆ และพยายามมองให้มันขำ
ขอให้เพื่อนๆเจอเซลล์ที่ดีๆ รับผิดชอบในคำพูดนะคะ กรณีเราเก็บไว้เป็นกรณีศึกษาละกัน
บทเรียนเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า อย่าไว้ใจทาง อย่าวางใจเซลล์ (และหัวหน้าเซลล์)
จุดจบจากการที่ไว้ใจเซลล์....(อุทาหรณ์เตือนใจคนซื้อรถค่ะ)
เรื่องมีอยู่ว่า...
สามีเรามีแพลนว่าจะเปลี่ยนรถใหม่ (จากซีวิค เป็นฟอร์จูนเนอร์เพื่อรองรับน้ำหนักภรรยาที่มากขึ้น และลูกน้อยวัยกำลังซน ฮาๆ)
เราก็เลยช่วยกันเสาะหาโชว์รูมโตโยต้าที่มีคนรู้จักทำอยู่ และเปรียบเทียบส่วนลด+ของแถม จนได้พบเจอกับโชว์รูม”มิตรภาพ”ย่านปทุมธานี แถวแยกบางคูวัด ซึ่งมีคนรู้จักกันเป็นเซลล์อยู่ที่นี่ (สมมติว่าชื่อ”จี้”นะคะ ย่อมาจาก..”จี้กูนี่แหละ” ฮาๆ)
เราตกลงซื้อขายฟอร์จูนเนอร์ กันที่ราคา 1,214,000 บาท (ครั้งแรกพี่จี้บอกราคาที่ 1,209,000 แต่ต่อมาแจ้งว่าบอกราคาผิด เพราะสับสนรุ่น อันนี้เข้าใจได้ค่ะ)
พี่จี้ตกลงให้ส่วนลดเงินสด 68,000 บาท พร้อมอุปกรณ์ตกแต่งรถแบบครบเซ็ต และ แถม พรบ (ไม่รวมประกันภัยชั้นหนึ่ง)
ครอบครัวเราโอเค จึงทำสัญญาจองรถ จ่ายเงิน 5,000 บาทตามระเบียบ พร้อมส่งต่อน้องซีวิคให้กับโตโยต้าชัวร์ด้วยในคราวเดียวกัน
ทางฝั่งพี่จี้ ก็เร่งๆเรื่องเอกสาร ไฟแนนซ์ สัญญาต่างๆ โน่นนี่ ตามที่เซลล์พึงจะทำ สามีเรางานแสนจะยุ่งก็ปลีกตัวไปให้ แล้วเราตกลงกันว่า จะมีการส่งมอบรถกันในวันศุกร์
ทุกอย่างดูเหมือนจะราบรื่นดี มีเพียงสามีที่คอยโทรตามเรื่องว่ารถเป็นยังไง ได้สีตามที่ตกลงไหม? ส่งทันตามวันรึเปล่า? ซึ่งพี่จี้ก็รับปากอย่างดี ว่าได้แน่นอน ตามกำหนด ตามสเปคแน่ๆ
เมื่อถึงวันพฤหัสซิบ่ดี ก็มีเค้าลางของความโชคร้ายมาเยือน (ใครที่ไม่ชอบอ่านยาวๆ อาจข้ามมาอ่านบรรทัดต่อไปได้เลยนะคะ)
1.ช่วงเช้าพี่จี้โทรมาแจ้งว่ารถที่สั่งไว้ขึ้นเทรลเลอร์ตั้งแต่เมื่อวานแล้ว น่าจะถึงโชว์รูมช่วงบ่ายวันนี้...
2.ช่วงบ่ายปรากฏว่ารถไม่เข้า อาจจะตกหล่นขนส่งมาไม่ครบ พี่จี้จึงแจ้งว่าคงไม่สามารถส่งมอบรถได้ทันในวันศุกร์
3.ทางเราจึงแจ้งความประสงค์ว่า งั้นเปลี่ยนเป็นรถสีดำก็ได้ (เดิมสั่งสีเทาเข้ม) เพื่อที่อยากให้ส่งมอบทันในวันศุกร์ ทางโชว์รูมก็ตกลงตามนั้น
4.ช่วงเย็นพี่จี้โทรมาแจ้งว่าคิดคำนวณราคาต้นทุนกำไรผิดพลาด ขาดไป 30,000 บาท ซึ่งทางเราต้องรับผิดชอบเงินจำนวน 30,000 บาทนี้ (ช็อคสิจ๊ะพี่น้อง ถ้าต้องจ่ายเพิ่ม 30,000 โชว์รูมอื่นถูกกว่านะตัวเธอ) ทางเรายืนยันที่จะไม่จ่ายเพิ่มเพราะเรารู้สึกว่ามันเป็นความผิดพลาดภายในส่วนของเซลล์กันเองอ่ะ จึงขอคุยกับหัวหน้าฝ่ายขาย หัวหน้าก็เข้าข้างลูกน้องว่า มันเป็นเงินที่เราต้องรับผิดชอบจ้า ถ้าเราไม่จ่ายเพิ่มก็ไม่สามารถออกรถได้ เพราะถือว่าจ่ายเงินไม่ครบ เราจึงพูดถึงส่วนลดเงินสด 68,000 บาท ว่าถ้าต้องจ่ายเพิ่ม ก็ลดไปแค่ 38,000 นี่นา...
หัวหน้าเซลล์พูดกลับมาว่า ส่วนลดเงินสดอะไรกันค่ะ ไม่เห็นมีระบุในสัญญาจองเลย เลย เลย เลย....(เสียงก้องในหู พร้อมกับความเงิบของเรา เรา เรา เรา)
แม้เราจะแย้งว่า แต่รายละเอียดที่เคยคุยกันครั้งแรกก็ระบุว่า ทางโชว์รูมให้ส่วนลด 68,000 บาทจริงๆ แต่มันก็เป็นลายมือสามีเรา มิใช่ลายมือเซลล์ ถ้าอยากฟ้องก็เชิญไปฟ้องเลย (หัวหน้าเซลล์ท้าทายมากอ่ะ เราไม่รู้จะฟ้องใคร ขอแวะมาฟ้องพันทิปก่อน กราบ)
ความผิดพลาดของเราอยู่ตรงนี้แหละค่ะ เราลืมตรวจสัญญาจองให้ละเอียดถี่ถ้วน มันไม่ได้ระบุในสัญญาจริงๆด้วย ทำไมเราพลาดเรื่องง่ายๆอย่างนี้นะ มีเพียงกระดาษที่เขียนไว้ในวันแรกที่เราเข้าไปดูรถที่โชว์รูม แต่นั่นก็เป็นลายมือสามีเราอีกนั่นแหละ พยานที่ไปด้วยก็มีเพียงแม่สามีซึ่งก็เป็นคนในครอบครัวอยู่ดี TT__TT
นั่นเป็นเพราะบ้านเราคงไว้ใจเซลล์ซึ่งเป็นคนรู้จักมากเกินไป จนลืมตรวจตราเอกสารให้ถ้วนถี่ นี่คือบทเรียนจากการที่ไว้ใจสินะ
ความรู้สึกในตอนนี้คือ เหมือนเรากำลังถูกหลอกให้ทำสัญญาซื้อรถในราคาใหม่ที่มัดมือชก ถ้าไม่จ่ายเพิ่ม ไม่ออกรถให้ ถ้ายกเลิกสัญญาก็สูญเงินจอง นี่ยังดีที่ยกเลิกการขายน้องซีวิคได้ทัน T_T
เราเลยอยากเล่าเรื่องนี้เป็นอุทาหรณ์ให้เพื่อนๆที่กำลังจะซื้อรถค่ะ ตรวจสอบเอกสารให้ละเอียดละเอี๊ยดละเอียดน๊า ตกลงราคา ส่วนลดอะไรยังไงเท่าไหร่ ของแถมอะไร จดลงสัญญาให้หมดเลยจ้า อย่างน้อยก็ใช้เป็นหลักฐานยืนยันได้ในทางกฎหมาย
ส่วนเรายังมึนๆอึนๆกับคดีที่พลิกผัน จนกลายเป็นคนผิดที่จ่ายเงินไม่ครบ(เหรอ?)
พรุ่งนี้สามีเราจะไปที่โชว์รูม เพื่อยกเลิกเรื่องการซื้อรถ และจะพยายามนำเงินจองคืนมา (ตั้งห้าพันแน่ะ ซื้อนมให้ลูกได้หลายลังทีเดียวเชียว)
เรายังไม่รู้ว่าเรื่องนี้จะจบลงยังไง
จริงๆเราเครียดนะคะ แต่อยากเล่าสู่กันฟังแบบสบายๆ และพยายามมองให้มันขำ
ขอให้เพื่อนๆเจอเซลล์ที่ดีๆ รับผิดชอบในคำพูดนะคะ กรณีเราเก็บไว้เป็นกรณีศึกษาละกัน
บทเรียนเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า อย่าไว้ใจทาง อย่าวางใจเซลล์ (และหัวหน้าเซลล์)