เราทำกะหมอบุญเมื่อ 3 ปีที่แล้ว เราโทรไปถามเขาก็บอกได้คิวในเดือนถัดไป

วันที่ไปทำ งดน้ำงดอาหาร ไปตั้งแต่6โมงเช้า ตอนนั้นนั่งรถเกือบ2ชม. ถึงประมาณ7โมงครึ่ง
เราไปถึง มีคนยืนรอเต็มเลย เยอะมาก เด็กสาววัยรุ่น  กระเทย มีหมด
เรานัดได้คิวที่4 พยาบาลเขาจะเรียกเราไปแล้วใช้ไวท์บอร์ดขีดยาวๆบนจมูกเรา
ก่อนทำก็เข้าไปคุยกับหมอ หมอบอกต้องทำใจนะ เป็นคนเนื้อตรงจมูกไม่เยอะ  เสริมมาอาจจะไม่ได้โด่งเท่าไหร่ และอาจจะเบี้ยว!!!
เพราะฐานจมูกเป็นกระดูกที่ไม่เท่ากัน  ถ้าจะไม่ให้เบี้ยวเลยต้องกรอให้บางลง

หมอบอกแต่มันก็ไม่เบี้ยวมาก คือไม่สังเกตก็ไม่เห็น ตอนนั้นหมอไม่ให้เราถาม ไม่ให้อธิบาย ไม่ให้พูดอะไร จับๆแล้วถามว่าตกลงจะทำใช่ไหม?

เราก็บอกค่ะ


จำวันขึ้นเตียงได้เลย เราต่อจากกระเทยคนที่3  คนที่สองเข้าไปพยาบาลก็พาเราไปล้างหน้าเช็ดเครื่องสำอางให้เกลี้ยง แล้วก็ทสอะไรไม่รู้เย็นๆบนหน้าเรา เพื่อคลีนหน้ามั้ง

นั่นรอ เห็นคนที่สองเดินออกมา สวยมาก จากตอนเข้าไปโคตระดั้งแหมบ คือ ผิดเป็นคนละคนแล้วมันไม่ช้ำไง คนนั้นโชคดีมาก เนื้อเยอะ ได้ดั้งโด่งเวอร์...

พอถึงคิว หมอเรียกไป
นอนบนเตียง
ล็อกมือ(มันมือ-เท้ากับเตียง)
จากนั้น หมอบอกหลับตาไปเลย ไม่ต้องลืมตามา คือ  อาการตอนนั้น อยากจะแก้เชือกแล้ววิ่งออกมาบอกว่า"หนูไม่อยากทำแล้ว แงแง"

หมอเหลาสิลิโคนแล้วทาบบนจมูก  เหลาแล้วทาบ อยู่4-5รอบ(นานกว่าคนอื่นมาก หมอบอกว่าจมูกทรงแบบเราต้องเหลาให้พอดีไม่งั้นเบี้ยวตามแกนสิลิโคน

พอเหลาเสร็จฉีดยาชา 5 จุด
ปีกจมูก 2 ดั้งจมูก 2  ปลายจมูก 1
(อย่าถามว่าตรงไหนเจ็บสุด ปลายจมูกอ่อนสุดคือตรงนั้นเป็นส่วนที่ไม่มีกระดูก เจ็บจนน้ำตาไหลเองโดยธรรมชาติ เกร็งบีบจนเตียงยับหมด การฉีดยาชาจะฉีดลึกกว่าฉีดยาทั่วไป เพราะต้องให้ยาชาเข้าไปในโพรงจมูกลึกๆ ไม่งั้นมันจะไม่ชา)

จากนั้น ยาชาออกฤทธิ์ ก็ไม่รู้สึกว่าอะไร เหมือนไม่มีจนูกอยู่บนหน้า สัมผัสยังไงก็ไม่เจ็บ
เรายังลืมตา หมอดุว่า  หลับตาได้แล้ว ห้ามลืมตา
พอเราหลับปุ๊ป หมอใช้มีดกรีดแซะดั้งแล้วยัดซิลิโคนเข้าไป แบบไม่ให้เราตั้งตัว ไม่ถึง2นาทีเสร็จ (ตอนทำไม่เจ็บเลย เจ็บแต่ตอนฉีดยาชา) แล้วลุกจากเตียง


ลงมาชั้นล่างรอรับยา
แล้วก็พยาบาลนัดตัดไหม 7 วัน
แผลจะเห็นแค่ไหมละลายที่เย็บตรงรูจมูก ส่วนบวมมีนิดหน่อย แต่รอยช้ำรอยเขียวไม่มีเลย
คือดีตรงนี้แหละ

กลับบ้าน
คืนแรกปวดมาก
- ประคบเย็นทั้งคืน (ซื้อที่ประคบเจลใสๆสีฟ้าตามร้านขายยา + น้ำแข็ง1ถุง ใส่กระติ๊กแช่ที่ประคบลงไป แล้วนอนหงาย โปะให้นานที่สุด จนกว่าจะหมดเย็นก็เอาไปแช่ใหม่แล้วมาประคบต่อ ทำแบบเนี้ยทุกวันจนกว่าจะยุบ 3-4 วันก็ยุบแล้ว)
- ต้องนอนหงายนะ ห้ามนอนตะแคง หรือนอนคว่ำประมาณ1อาทิตย์
- ถ้าปวดแผลกินยาพาราที่หมอให้มาทุก4ชั่วโมง คืนแรกไม่ต้องห่วงปวดแน่นอน  ทั้งคน พูดเลย!! ปวดแบบทรมานจนปวดหัวอ่า แต่เป็นแค่วันเดียว
-ทานยาให้ครบที่หมอให้มา
-ห้ามก้มหน้า ก้มต่ำ
- ต้องคอยระวัง อย่าให้จมูกสัมผัสหรือกระแทกอย่างรุนแรง
- ทาขี้ผึ้งที่เป็นยาหลอดๆทุกวัน ตรงที่เย็บไหมไว้ พยายามอย่าใช้มือสัมผัสกับอย่าไหมและแผลโดยตรง
-ล้างหน้าได้ แต่เว้นตรงจมูก แผลห้ามโดนน้ำเด็ดขาด!!
-หลังทำห้ามกินไข่ ของหมักดอง  ส้มตำ ของดอง ห้ามใส่แว่น 1เดือน ห้ามดำน้ำ 3 เดือน
-ดื่มน้ำใบบัวบกทุกวัน (ต้องหามาดื่มนะคะไม่งั้นจะบวมช้ำเห็นชัด เราซื้อขวดละ20บาทที่บิ๊กซี ซื้อมา15ขวด กินวันละ2ขวด)
-ไปไหนไหนได้ แต่ถ้าจะให้ดีอยู่บ้านเถอะ เราลางาน3วัน แต่จริงๆรอยช้ำหายตั้งแต่วันแรก  แต่เราอยากพักผ่อนให้เต็มที่ ไม่อยากให้กระทบกระเทือน


วันที่2-4จะบวมเห็นชัดนะ และอาจจะมีรอยเขียวช้ำนิดเดียวเป็นขีดๆตรงสันดั้งจมูก เนื้อจากแรงยัดของหมอ แต่บางคนก็ไม่เป็น ส่วนมากจะแทบไม่มีรอยให้เห็น

วันที่7ตัดไหม พยาบาลตัวให้มืออย่างหนัก เหมือนไปโกรธใครมา (อ่อพยาบาลก็คือภรรยาคุณหมอบุญถิ่นนั่นแหละ) แบบตัดแล้วดึงไหมจึ๊ก!! ใครที่บอกเหมือนจักจี๊ เหมือนมดกัด บอกเลยอย่าไปเชื่อ แม่มดึงจนเลือดซิบๆ

ก็พอวันที่6-7มัยก็ยุบแล้วนะ  ส่วนตัวคิดว่าหมอบุญถิ่นมือโปรนะ แกค่อนข้างชำนาญ คือพอเราทำเสร็จแล้วแวะไปที่ทำงาน เพื่อนบอกหน้าเปลี่ยนเลย เหมือนลูกครึ่ง5555 แล้วก็นัดหมอไปทำตามเราอีก 2  คน คนแรกอายุ 27 อักคนน้องอายุ 18 ไปทำมากันก็ได้โด่งเวอร์ๆ โคตระอิจฉาอ่า