สวัสดีค่ะเพื่อนๆ ชาวพันธ์ทิพย์ ปีที่แล้วดิฉันเคยโพสต์เกี่ยวกับเรื่องตั๋วเครื่องบินที่ถูกบริษัทเอาท์ บาวด์ ทราเวล เซอร์วิส ฉ้อโกงไปสามารถใช้คำนี้ได้เพราะได้แจ้งความดำเนินคดีแล้ว ..และมีน้องคนนึงในพันธ์ทิพย์ได้มาอ่านเจอกระทู้เก่าของดิฉัน ทำให้น้องคนนั้นไหวตัวทัน และได้เงินคืน ดิฉันจึงอยากจะมาเตือนให้เพื่อนๆ ที่นี่ให้ทราบถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นกับดิฉันเมื่อปีที่แล้วอีกครั้งค่ะ กระทู้ที่แล้วที่ลบไปอาจจะเป็นเพราะความโกรธเลยใส่อารมณ์ด่ากราดมากไปหน่อย กระทู้นี้จึงจะขอเรียบเรียงเรื่องราวที่เกิดขึ้นจริงเพื่อเตือนเพื่อนๆว่ามิจฉาชีพในคราบของเอเจนซี่จองตั๋วเครื่องบินนั้นมันมีจริงๆค่ะ
ประมาณเดือนกันยายนปีที่แล้ว มีเฟสที่ชื่อว่าจำหน่ายตั๋วเครื่องบินราคาถูก แอดมาเป็นเพื่อน เป็นผู้หญิงชื่ออ้อย แอดมาประมาณว่าถ้าอยากได้ตั๋วเครื่องบินเธอสามารถหาให้เราได้นะ เนื่องจากดิฉันมีแฟนเป็นคนสก๊อตแลนด์ และอยู่ในระหว่างเตรียมเอกสารยื่นวีซ่าท่องเที่ยว ดิฉันจึงสนใจ และพูดคุยกับคุณอ้อยตลอด รวมถึงปรึกษาเรื่องการเดินทาง จนถือว่าเชื่อใจเธอในระดับหนึ่ง ณ ตอนนั้น ดิฉันทำงานในหน่วยงานราชการแห่งหนึ่งในจังหวัดเชียงใหม่ เจ้านายของดิฉันบอกให้หาตั๋วเครื่องบินเพื่อเดินทางไปฮ่องกง ดิฉันจึงติดต่อคุณอ้อย คุณอ้อยได้แจ้งราคา แต่ต่อมาเจ้านายของดิฉันเกิดเปลี่ยนใจไปใช้อีกบริษัทหนึ่ง ดิฉันจึงเกรงใจคุณอ้อย และบอกเธอว่า ไม่เป็นไร เดี๋ยวถ้าวีซ่าผ่านดิฉันจะซื้อตั๋วที่คุณอ้อยไม่ต้องกลัวนะคะ หลังจากนั้นไม่นาน คุณอ้อยแจ้งว่ามีตั๋วว่างอยู่ที่นึง ถ้าดิฉันต้องการจองต้องจ่ายเงินภายในวันนั้นเลย ไม่งั้นตั๋วหายากมาก ( เนื่องจากดิฉันจะเดินทางไปในช่วงคริสมาสต์ 20 ธันวาคม จึงกลัวว่าจะไม่มีตั๋ว หรือตั๋วราคาแพงเป็นแสน และคุณอ้อยบอกดิฉันว่าสามารถคืนตั๋วได้ถ้าวีซ่าไม่ผ่านแต่เสียเงินประมาณ 4,000 บาท) ดิฉันจึงบอกแฟนโอนเงินมาจากสก๊อตแลนด์วันนั้น เสียค่าโอนไปเกือบสามพันบาท โอนทาง ATM ธนาคารกรุงเทพสาขาบิ๊กซีเชียงใหม่ เป็นจำนวนเงิน 46,195 บาท (รวมค่าประกันเดินทาง 695) ในวันที่ 25 ตุลาคม ทั้งที่ตอนนั้นยังไม่ได้รับวีซ่า กว่าดิฉันจะได้ใบเสร็จจากบริษัท ก็ประมาณอาทิตย์นึง และสามารถเช็ค My trip online ได้ ณ ตอนนั้นดิฉันคิดว่าดิฉันได้ตั๋วแล้วแน่นอน จึงไม่ได้เอะใจอะไร
หลังจากนั้นดิฉันก็ได้รับวีซ่าเรียบร้อยแล้ว ดิฉันประมาณวันที่ 13 ธันวาคม แฟนดิฉันคิดว่าดิฉันอาจจะต้องอยู่นานกว่าที่ระบุไว้เนื่องจากมีงานแต่งงานของเพื่อนสนิท จึงขอเปลี่ยนไฟท์บินกลับ คุณอ้อยบอกว่าค่าเปลี่ยนไฟล์บิน 2,500 บาท ( ตอนแรกแจ้งว่า 2,000) ดิฉันก็โอนออนไลน์ให้ทันที หลังจากนั้นประมาณวันที่ 17 ดิฉันเข้าไปเช็คตั๋วใน my trip ปรากฎว่า ตั๋วถูกยกเลิก ดิฉันจึงโทรไปถาม KLM สายการบินที่ทางบริษัทแจ้งมา ปรากฎว่าไฟท์นั้นยกเลิกจริง ดิฉันพยายามสอบถามข้อมูลว่าตั๋วของดิฉันได้จ่ายเงินหรือยัง ทาง KLM แจ้งว่าให้ดิฉันติดต่อกับ เอเจนซี่ โดยตรง ดิฉันจึงคิดว่าทำไมไฟท์ยกเลิกบริษัทเอาท์ บาวด์ ทราเวล เซอร์วิส ถึงไม่แจ้งมา จึงโทรไปสอบถามทางคุณอ้อย คุณอ้อยบอกว่าจะถามเจ้านายให้ ซึ่งคือคุณเพชร และมีเลขาชื่อคุณก้อย คอยรับโทรศัพท์ให้ หลังจากที่คุยกับคุณก้อยเลขาซึ่งในวันที่ 18 ช่วงเช้าถึงบ่ายไฟท์บินก็กลับมาเช็คได้อีก และตอนเย็นก็ยกเลิกอีก ดิฉันกังวลมากจึงโทรกระหน่ำไปยังทั้งสามคน แต่ได้รับคำแนะนำ (ที่หลอกลวง ) จากคุณเพชร ว่าสบายครับคุณเก๋ได้บินแน่นอน พูดชักแม่น้ำทั้งห้า พูดดีมาก แต่ไม่จริงเลยซักอย่าง ให้ทั้งสไกด์ ไว้ติดต่อตลอดเวลา จนดิฉันคิดว่าไม่น่าจะหลอกลวงค่ะ จนอีกครั้งวันที่ 19 เช้าถึงเย็นเช็ค my trip ได้แต่เที่ยงคืน ตั๋วถูกยกเลิก ทั้งที่ดิฉันจะบินพรุ่งนี้แล้ว
เช้าวันที่ 20 ดิฉันเดินทางจากเชียงใหม่แต่เช้า ไปถึงสุวรรณภูมิ เวลาประมาณ 8 โมง และเอาเอาพาสปอร์ตไปเช็คอินที่ตู้ของ KLM ปรากฎว่าตั๋วไม่มีในระบบไม่สามารถเช็คอินได้ ดิฉันเข่าอ่อนไปหมดค่ะ โทรหาคุณเพชร ปิดมือถือ โทรไปทางบริษัท ก็ไม่มีคนรับ ติดต่อใครไม่ได้ โทรหาคุณอ้อย 50 สาย แล้วแฟนดิฉันก็โทรมา บอกว่าเค้าโทรไปถาม KLM และได้ทราบว่า บริษัทเอาท์ บาวด์ ทราเวล เซอร์วิส ได้จองตั๋วและยกเลิก ทั้งหมด 22 ครั้ง ทำให้แฟนดิฉันรู้ว่ากำลังถูกหลอก และซื้อตั๋วให้ดิฉันในไฟท์เดียวกันที่ยังเหลือที่นั่งสุดท้ายพอดี ดิฉันจึงโทรหาคุณอ้อยอีกครั้งคุณอ้อยรับค่ะ ดิฉันก็ถามว่า ทำกับดิฉันอย่างงี้ได้อย่างไร ทั้งที่วีซ่าที่ทำ คุณก็รู้ว่ามันยากลำบากแค่ไหน คุณอ้อยได้แต่พูดว่าเธอแค่ลูกน้อง เธอไม่สามารถทำอะไรได้ แต่จะบอกคุณเพชรให้ว่าให้คืนเงินดิฉัน ดิฉันคิดว่าดิฉันพลาดเองที่ไปเชื่อใจคุณอ้อยบอกเธอว่าจะไปห้าเดือน เพราะคดีฉ้อโกงนั้นจะเป็นคดีอาญาได้ต้องแจ้งความภายในแค่ 3 เดือนเท่านั้นไม่งั้นจะเป็นคดีทางแพ่งเท่านั้น
หลังจากที่ดิฉันไปถึงสก๊อตแลนด์ ดิฉันไม่ละความพยายามค่ะ ดิฉันจึงจ้างทนายที่เมืองไทยเป็นจำนวนเงิน 10,000 บาท มอบอำนาจส่งไปรษณีย์จากสก๊อตแลนด์เพื่อให้ทนายไปแจ้งความให้ทันภายในสามเดือน และดิฉันจะกลับเมืองไทยไปให้ปากคำในปลายเดือนพฤษภาคม แต่เนื่องจากร้อยเวรที่รับเรื่องของดิฉันย้ายไปที่จังหวัดอื่น จึงมอบเรื่องให้ตำรวจอีกท่านดูแลคดีนี้แทน ดิฉันจึงนัดไปให้ปากคำในวันที่ 18 กรกฏาคม ดิฉันบอกตำรวจว่าดิฉันต้องการแค่ 60,000 บาท จบเรื่องค่าตั๋ว ค่าทนาย นี่ไม่รวมค่าตั๋วเครื่องบินเชียงใหม่กรุงเทพ ค่าโอน ค่าส่งจม ฯลฯ หลังจากนั้นไม่นานตำรวจก็ออกหมายเรียกให้คุณเพชรไปรับข้อกล่าวหาในวันที่ 15 กันยายน คุณเพชรไปตามนัดค่ะ แต่อ้างว่าเงินไม่พอ จึงนัดตำรวจอีกทีในวันที่ 25 กันยายน แต่ไม่มาตามนัด ทางตำรวจได้โทรถามคุณเพชรอ้างว่าไปออกทัวร์ จึงนัดอีกทีวันที่ 9 กันยายน ปรากฎว่าวันที่ 9 นี้ก็ไม่มาอีกตามเคย
เนื่องจากว่าที่ดิฉันได้คุยกับน้องคนนึงในพันธ์ทิพย์ เธอได้เอาเงินมัดจำให้บริษัทไป 40,000 กว่าบาท แต่ไม่ได้หลักฐานใดๆกลับมา และพรุ่งนี้ต้องโอนอีก 100,000 บาท เธอจึงสงสัยและเซิร์ทหาข้อมูลจนเจอกระทู้ดิฉัน เธอได้ส่งเมลล์มาสอบถาม ดิฉันก็แนะนำไปตามความจริงว่าน้องอย่าให้นะ ของพี่ยังไม่ได้คืนเลย ดังนั้นน้องจึงไปบอกคุณพ่อของน้อง คุณพ่อของน้องก้อได้แจ้งความ และไปหาคุณเพชรถึงบริษัท คุณเพชรก็ไม่ได้มีท่าทีเกรงกลัวต่อกฎหมายแต่อย่างใด ประมาณว่าอยากฟ้องก็ฟ้องไป ดังนั้นคุณพ่อของน้องจึงบอกว่า ไม่สนใจจะเอาเงินคืน อยากจะเอาเข้าคุกให้หลาบจำ คุณเพชรจึงคืนเงินให้ ดิฉันไม่สนใจที่จะเอาเงินแล้ว และอยากจะฟ้องร้องคดีให้ คุณเพชร คุณอ้อย คุณก้อย ทั้งหมด จาก บริษัทเอาท์ บาวด์ ทราเวล เซอร์วิส นั้นได้รับความผิดทางอาญา จำคุก เพื่อจะให้ได้หลาบจำและไม่ทำแบบนี้กับคนอื่น ๆ อีก ทั้งที่เป็นบริษัทที่ออกบู๊ทการท่องเที่ยวต่างๆ มากมาย ดิฉันจึงกลัวว่าจะมีผู้ตกเป็นเหยื่อเพิ่มขึ้นอีกหลายราย ดิฉันจึงอยากได้คำแนะนำจากเพื่อนๆ ผู้รู้ว่าดิฉันควรจะทำอย่างไรถึงจะจัดการกับบริษัทนี้ได้อย่างรวดเร็ว
ขอความกรุณาทีมงานพันธ์ทิพย์ว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นจริงทุกประการ มีหลักฐานการแจ้งความดำเนินคดีแล้ว หากผู้ถูกกล่าวหาหรือเอาท์ บาวด์ ทราเวล เซอร์วิส แจ้งลบกระทู้เหมือนเช่นกระทู้แรก ขอให้ทีมงานพิจารณาถึงผลร้ายที่จะเกิดขึ้นกับสังคมเหมือนที่เกิดขึ้นกับดิฉันและน้องอีกคนค่ะ
เอเจนซี่โกงเงินค่าตั๋วเครื่องบิน
ประมาณเดือนกันยายนปีที่แล้ว มีเฟสที่ชื่อว่าจำหน่ายตั๋วเครื่องบินราคาถูก แอดมาเป็นเพื่อน เป็นผู้หญิงชื่ออ้อย แอดมาประมาณว่าถ้าอยากได้ตั๋วเครื่องบินเธอสามารถหาให้เราได้นะ เนื่องจากดิฉันมีแฟนเป็นคนสก๊อตแลนด์ และอยู่ในระหว่างเตรียมเอกสารยื่นวีซ่าท่องเที่ยว ดิฉันจึงสนใจ และพูดคุยกับคุณอ้อยตลอด รวมถึงปรึกษาเรื่องการเดินทาง จนถือว่าเชื่อใจเธอในระดับหนึ่ง ณ ตอนนั้น ดิฉันทำงานในหน่วยงานราชการแห่งหนึ่งในจังหวัดเชียงใหม่ เจ้านายของดิฉันบอกให้หาตั๋วเครื่องบินเพื่อเดินทางไปฮ่องกง ดิฉันจึงติดต่อคุณอ้อย คุณอ้อยได้แจ้งราคา แต่ต่อมาเจ้านายของดิฉันเกิดเปลี่ยนใจไปใช้อีกบริษัทหนึ่ง ดิฉันจึงเกรงใจคุณอ้อย และบอกเธอว่า ไม่เป็นไร เดี๋ยวถ้าวีซ่าผ่านดิฉันจะซื้อตั๋วที่คุณอ้อยไม่ต้องกลัวนะคะ หลังจากนั้นไม่นาน คุณอ้อยแจ้งว่ามีตั๋วว่างอยู่ที่นึง ถ้าดิฉันต้องการจองต้องจ่ายเงินภายในวันนั้นเลย ไม่งั้นตั๋วหายากมาก ( เนื่องจากดิฉันจะเดินทางไปในช่วงคริสมาสต์ 20 ธันวาคม จึงกลัวว่าจะไม่มีตั๋ว หรือตั๋วราคาแพงเป็นแสน และคุณอ้อยบอกดิฉันว่าสามารถคืนตั๋วได้ถ้าวีซ่าไม่ผ่านแต่เสียเงินประมาณ 4,000 บาท) ดิฉันจึงบอกแฟนโอนเงินมาจากสก๊อตแลนด์วันนั้น เสียค่าโอนไปเกือบสามพันบาท โอนทาง ATM ธนาคารกรุงเทพสาขาบิ๊กซีเชียงใหม่ เป็นจำนวนเงิน 46,195 บาท (รวมค่าประกันเดินทาง 695) ในวันที่ 25 ตุลาคม ทั้งที่ตอนนั้นยังไม่ได้รับวีซ่า กว่าดิฉันจะได้ใบเสร็จจากบริษัท ก็ประมาณอาทิตย์นึง และสามารถเช็ค My trip online ได้ ณ ตอนนั้นดิฉันคิดว่าดิฉันได้ตั๋วแล้วแน่นอน จึงไม่ได้เอะใจอะไร
หลังจากนั้นดิฉันก็ได้รับวีซ่าเรียบร้อยแล้ว ดิฉันประมาณวันที่ 13 ธันวาคม แฟนดิฉันคิดว่าดิฉันอาจจะต้องอยู่นานกว่าที่ระบุไว้เนื่องจากมีงานแต่งงานของเพื่อนสนิท จึงขอเปลี่ยนไฟท์บินกลับ คุณอ้อยบอกว่าค่าเปลี่ยนไฟล์บิน 2,500 บาท ( ตอนแรกแจ้งว่า 2,000) ดิฉันก็โอนออนไลน์ให้ทันที หลังจากนั้นประมาณวันที่ 17 ดิฉันเข้าไปเช็คตั๋วใน my trip ปรากฎว่า ตั๋วถูกยกเลิก ดิฉันจึงโทรไปถาม KLM สายการบินที่ทางบริษัทแจ้งมา ปรากฎว่าไฟท์นั้นยกเลิกจริง ดิฉันพยายามสอบถามข้อมูลว่าตั๋วของดิฉันได้จ่ายเงินหรือยัง ทาง KLM แจ้งว่าให้ดิฉันติดต่อกับ เอเจนซี่ โดยตรง ดิฉันจึงคิดว่าทำไมไฟท์ยกเลิกบริษัทเอาท์ บาวด์ ทราเวล เซอร์วิส ถึงไม่แจ้งมา จึงโทรไปสอบถามทางคุณอ้อย คุณอ้อยบอกว่าจะถามเจ้านายให้ ซึ่งคือคุณเพชร และมีเลขาชื่อคุณก้อย คอยรับโทรศัพท์ให้ หลังจากที่คุยกับคุณก้อยเลขาซึ่งในวันที่ 18 ช่วงเช้าถึงบ่ายไฟท์บินก็กลับมาเช็คได้อีก และตอนเย็นก็ยกเลิกอีก ดิฉันกังวลมากจึงโทรกระหน่ำไปยังทั้งสามคน แต่ได้รับคำแนะนำ (ที่หลอกลวง ) จากคุณเพชร ว่าสบายครับคุณเก๋ได้บินแน่นอน พูดชักแม่น้ำทั้งห้า พูดดีมาก แต่ไม่จริงเลยซักอย่าง ให้ทั้งสไกด์ ไว้ติดต่อตลอดเวลา จนดิฉันคิดว่าไม่น่าจะหลอกลวงค่ะ จนอีกครั้งวันที่ 19 เช้าถึงเย็นเช็ค my trip ได้แต่เที่ยงคืน ตั๋วถูกยกเลิก ทั้งที่ดิฉันจะบินพรุ่งนี้แล้ว
เช้าวันที่ 20 ดิฉันเดินทางจากเชียงใหม่แต่เช้า ไปถึงสุวรรณภูมิ เวลาประมาณ 8 โมง และเอาเอาพาสปอร์ตไปเช็คอินที่ตู้ของ KLM ปรากฎว่าตั๋วไม่มีในระบบไม่สามารถเช็คอินได้ ดิฉันเข่าอ่อนไปหมดค่ะ โทรหาคุณเพชร ปิดมือถือ โทรไปทางบริษัท ก็ไม่มีคนรับ ติดต่อใครไม่ได้ โทรหาคุณอ้อย 50 สาย แล้วแฟนดิฉันก็โทรมา บอกว่าเค้าโทรไปถาม KLM และได้ทราบว่า บริษัทเอาท์ บาวด์ ทราเวล เซอร์วิส ได้จองตั๋วและยกเลิก ทั้งหมด 22 ครั้ง ทำให้แฟนดิฉันรู้ว่ากำลังถูกหลอก และซื้อตั๋วให้ดิฉันในไฟท์เดียวกันที่ยังเหลือที่นั่งสุดท้ายพอดี ดิฉันจึงโทรหาคุณอ้อยอีกครั้งคุณอ้อยรับค่ะ ดิฉันก็ถามว่า ทำกับดิฉันอย่างงี้ได้อย่างไร ทั้งที่วีซ่าที่ทำ คุณก็รู้ว่ามันยากลำบากแค่ไหน คุณอ้อยได้แต่พูดว่าเธอแค่ลูกน้อง เธอไม่สามารถทำอะไรได้ แต่จะบอกคุณเพชรให้ว่าให้คืนเงินดิฉัน ดิฉันคิดว่าดิฉันพลาดเองที่ไปเชื่อใจคุณอ้อยบอกเธอว่าจะไปห้าเดือน เพราะคดีฉ้อโกงนั้นจะเป็นคดีอาญาได้ต้องแจ้งความภายในแค่ 3 เดือนเท่านั้นไม่งั้นจะเป็นคดีทางแพ่งเท่านั้น
หลังจากที่ดิฉันไปถึงสก๊อตแลนด์ ดิฉันไม่ละความพยายามค่ะ ดิฉันจึงจ้างทนายที่เมืองไทยเป็นจำนวนเงิน 10,000 บาท มอบอำนาจส่งไปรษณีย์จากสก๊อตแลนด์เพื่อให้ทนายไปแจ้งความให้ทันภายในสามเดือน และดิฉันจะกลับเมืองไทยไปให้ปากคำในปลายเดือนพฤษภาคม แต่เนื่องจากร้อยเวรที่รับเรื่องของดิฉันย้ายไปที่จังหวัดอื่น จึงมอบเรื่องให้ตำรวจอีกท่านดูแลคดีนี้แทน ดิฉันจึงนัดไปให้ปากคำในวันที่ 18 กรกฏาคม ดิฉันบอกตำรวจว่าดิฉันต้องการแค่ 60,000 บาท จบเรื่องค่าตั๋ว ค่าทนาย นี่ไม่รวมค่าตั๋วเครื่องบินเชียงใหม่กรุงเทพ ค่าโอน ค่าส่งจม ฯลฯ หลังจากนั้นไม่นานตำรวจก็ออกหมายเรียกให้คุณเพชรไปรับข้อกล่าวหาในวันที่ 15 กันยายน คุณเพชรไปตามนัดค่ะ แต่อ้างว่าเงินไม่พอ จึงนัดตำรวจอีกทีในวันที่ 25 กันยายน แต่ไม่มาตามนัด ทางตำรวจได้โทรถามคุณเพชรอ้างว่าไปออกทัวร์ จึงนัดอีกทีวันที่ 9 กันยายน ปรากฎว่าวันที่ 9 นี้ก็ไม่มาอีกตามเคย
เนื่องจากว่าที่ดิฉันได้คุยกับน้องคนนึงในพันธ์ทิพย์ เธอได้เอาเงินมัดจำให้บริษัทไป 40,000 กว่าบาท แต่ไม่ได้หลักฐานใดๆกลับมา และพรุ่งนี้ต้องโอนอีก 100,000 บาท เธอจึงสงสัยและเซิร์ทหาข้อมูลจนเจอกระทู้ดิฉัน เธอได้ส่งเมลล์มาสอบถาม ดิฉันก็แนะนำไปตามความจริงว่าน้องอย่าให้นะ ของพี่ยังไม่ได้คืนเลย ดังนั้นน้องจึงไปบอกคุณพ่อของน้อง คุณพ่อของน้องก้อได้แจ้งความ และไปหาคุณเพชรถึงบริษัท คุณเพชรก็ไม่ได้มีท่าทีเกรงกลัวต่อกฎหมายแต่อย่างใด ประมาณว่าอยากฟ้องก็ฟ้องไป ดังนั้นคุณพ่อของน้องจึงบอกว่า ไม่สนใจจะเอาเงินคืน อยากจะเอาเข้าคุกให้หลาบจำ คุณเพชรจึงคืนเงินให้ ดิฉันไม่สนใจที่จะเอาเงินแล้ว และอยากจะฟ้องร้องคดีให้ คุณเพชร คุณอ้อย คุณก้อย ทั้งหมด จาก บริษัทเอาท์ บาวด์ ทราเวล เซอร์วิส นั้นได้รับความผิดทางอาญา จำคุก เพื่อจะให้ได้หลาบจำและไม่ทำแบบนี้กับคนอื่น ๆ อีก ทั้งที่เป็นบริษัทที่ออกบู๊ทการท่องเที่ยวต่างๆ มากมาย ดิฉันจึงกลัวว่าจะมีผู้ตกเป็นเหยื่อเพิ่มขึ้นอีกหลายราย ดิฉันจึงอยากได้คำแนะนำจากเพื่อนๆ ผู้รู้ว่าดิฉันควรจะทำอย่างไรถึงจะจัดการกับบริษัทนี้ได้อย่างรวดเร็ว
ขอความกรุณาทีมงานพันธ์ทิพย์ว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นจริงทุกประการ มีหลักฐานการแจ้งความดำเนินคดีแล้ว หากผู้ถูกกล่าวหาหรือเอาท์ บาวด์ ทราเวล เซอร์วิส แจ้งลบกระทู้เหมือนเช่นกระทู้แรก ขอให้ทีมงานพิจารณาถึงผลร้ายที่จะเกิดขึ้นกับสังคมเหมือนที่เกิดขึ้นกับดิฉันและน้องอีกคนค่ะ