สวัสดีครับ พี่น้องชาวพันทิป
ผมจะมาเล่าประสบการณ์การเดินทาง พักผ่อน ที่เกาะสีชัง และ Yellow House รีสอร์ท ซึ่งผมประทับใจบริการจากที่นี่สุดๆครับ
เชิญเพลิดเพลินบันเทิงใจกันได้เลยครับ
เมื่อเดือนสิงหาที่ผ่านมาพวกเราชาวแก๊งรู้สึกได้ว่า ช่วงนี้พวกเราต้องการจะพักผ่อนจากการสอบ การเรียน การทำงานหนัก
หลบหนีจากเมืองกรุง ที่แสนจะวุ่นวาย และฝนที่ตกลงมา ชวนให้หงุดหงิดนั้น เราก็มีความเห็นตรงกันว่า เราควรจะพักกันบ้างนะ
สมองหนักๆ แบบนี้ มองตาก็รู้กันว่าเราต้องการ ทะเล ความสงบ และเบียร์เย็นๆ สัก 2 วัน 1 คืน ไม่รอช้า เราจึงหาเวลาได้ตรงกัน
เป็นช่วงต้นเดือนกันยานี้แหละ
เกาะเสม็ด เกาะช้าง เกาะล้าน เป็นสถานที่ที่เพื่อนๆเสนอมา แต่รู้สึกมันวุ่นวาย และไม่อยากเดินทางนาน ผมก็เสนอเกาะสีชัง
เป็นเกาะที่ผมคิดอยากจะไปมานานแสนนาน
พอทุกอย่างพร้อม เราออกเดินทางจากกรุงเทพเช้าวันอาทิตย์ที่ 7 ก.ย. 57 ขึ้นรถ บขส. จากเอกมัยมาลงศรีราชาใช้เวลาพอ
ประมาณ และต่อสามล้อมาลงเกาะลอย
มาซื้อตั๋วขึ้นเรือตอน 11 โมง ก็มีพี่คนนึงเสนอที่พัก เช่ามอไซค์ ต่างๆ พวกเราต้องการบรรยายกาศสงบ สะอาด และไม่วุ่นวาย
พี่เค้าก็แนะนำ Yellow House ให้เรา เปิดรูปมาเราทุกคนต่างโดนใจ ที่สำคัญพี่เค้าบอกว่าพึ่งเปิดได้ไม่นาน พี่เค้าบอกว่า ทางขึ้น
รีสอร์ทจะมีบันไดน้อยๆ ประมาณ 20 ขั้นนะจ๊ะ โอเคร พวกเราแมนๆ เตะบอลคุยกันครับ อยู่แล้วไม่หวั่นกับบันได 20 ขั้นหรอก
แต่พี่เค้าบอกว่าอันนี้ต้องเช่ามอไซค์กับเค้าด้วยนะ ก็จัดมา 2 คัน เช่าแบบค้างคืน คันละ 300 บาท จัดแจงเสร็จสรรพขึ้นเรือออก
เดินทาง มีฝนตกปอยๆมาส่งตลอดทาง
มาถึงเกาะทางที่พักโทรมาบอกว่าสกายแล็ปมารอรับเราแล้ว และมอไซค์ 2 คันอยู่ที่รีสอร์ทเรียบร้อยแล้วคร้า อันนี้ประทับใจมาก
คือพี่เค้าโทรมาหาเราเองเลย ดูแลกันดีตั้งแต่ยังไม่ถึงเกาะ
นั่งสกายแล็ปมาถึงรีสอร์ท เจอกับพี่นุช สาวใหญ่ ยิ้มเก่ง คอยต้อนรับพวกเราหน้าทางขึ้นรีสอร์ท นั้นคือบันไดเล็กๆ 20 ขั้น แต่ทำ
แต่ละคนหอบ หาอ๊อกซิเจนกันแทบไม่ทันกันเลยล่ะ
ขึ้นมาเจอวิวทะเลสุดสายตา น้ำสีเขียว และลมพัดกระทบใบหน้า อาการเหนื่อยก็หายไปแทบจะทันที
เช็คอินเกือบบ่ายได้ห้องเบอร์ 8 พวกเราที่มีสารเอ็นโดรฟินหลั่งทั่วร่างกาย ก็ขอฝากของไว้ก่อน หยิบกุญแจมอไซค์ ขึ้นรถสาร์ท
หาข้าวลงกระเพราะกัน
ก่อนออกมาพี่นุชบอกว่าเดี๋ยว 5 โมงเย็นจะพาไปตกหมึก บริการเบ็ดฟรีจร้า ยิ่งสุดแสนประทับใจ ออกมาขับรถ
แวะไหว้พระวัดถ้ำพระเหลือง ดูศิลาจารึก ร.5
ขึ้นไปขอพรรอยพระพุทธบาท บนยอดเขา ที่นี่วิวสวยมากมองเห็นได้ทั่วเกาะเลย
ลงมาก็ลืมไปเลยว่าหิวข้าว เลือกร้านส้มตำ จัดเต็มกันมากแต่ราคาเหมือนอยู่บนฝั่ง คุ้มค่าราคาที่จ่ายไปมากๆ กลับเข้าที่พักเกือบ
บ่าย 3 เปลี่ยนเสื้อผ้าไปเล่นน้ำที่หาดถ้ำพัง เล่นน้ำพายเรือคายัค ยันพระอาทิตย์ตก บอกได้คำเดียวว่าสุดแสนงดงามมาก แต่เราไม่ได้
เอามือถือไป ไม่มีรูปที่นี่มาให้ชม
กลับมาที่พัก 6 โมงกว่า ลืมไปเรามีนัดตกหมึกกับพี่นุช ไม่รอช้าอาบน้ำถลาไป แหลมผาเขาขาด สถานที่ตกปลาของชาวเกาะ เจอ
พี่นุชเหวี่ยงเบ็ดลงผา ชักลอกดึงปลาหมึกตัวเป็นๆขึ้นมาจากทะเล พวกเราเลือกเบ็คคนละคันประชันฝีมือใครจะได้หมึกก่อนกัน
ตกได้บ้างไม่ได้บ้าง พวกเราอาศัยช่วงเวลานี้นั่งคุยกับพี่นุชแลกเปลี่ยนความคิดกัน ฝนเริ่มมา เราก็กลับมาที่รีสอร์ท แวะซื้อเบียร์ กับ
แกล้ม ทะเลเผาเข้าไปด้วย เข้ามาเจอแม่พี่นุชซึ่งเป็นเจ้าของรีสอร์ท เลยชวนเข้าร่วมวงด้วยกันเลย...
...เป็นค่ำคืนที่มีคนรู้ใจอยู่ข้างๆ คนหน้าใหม่ๆ เสียงหัวเราะ และความจริงใจให้กัน ที่เหลือคือความสุขล้วนๆ
ก่อนเข้านอนพี่นุชบอก ตอนเช้าสัก 8 โมงจะพาไปหาหอยนางรมกินกันแบบสดๆ แต่เช้ามาไม่มีใครตื่นจึงได้แต่บ่นเสียดายไปตามๆกัน
แม่พี่นุชเตรียมอาหารเช้า ชา กาแฟ โกโก้ พร้อมไว้ให้พวกเราแล้ว
เวลายังมี ที่เที่ยวยังไปไม่หมด น้ำมันรถก็มี เราไปต่อกันที่ศาลเจ้าพ่อเขาใหญ่ ต่อด้วยพระราชวังจุฑาธุชราชฐาน สะพานอัษฎางค์
แต่ในส่วนพิพิธภัณฑ์เค้าปิดวันจันทร์ เป็นสิ่งที่พวกเราพลาดมาก
เมื่อถึงเวลาเรากลับไปเอาสัมภาระที่ Yellow House ร่ำลาพี่นุช แม่พี่นุช เก็บภ่ายภาพกันไว้ให้นึกถึง บริการที่ไม่มีวันลืม อาจหา
ที่ไหนไม่ได้ รีสอร์ทที่เหมือนกับว่าเรามาอยู่บ้านญาติ อบอุ่น และสุขใจ
ขึ้นเรือกลับขึ้นฝั่งบ่าย 3 พอเรือได้เวลาออก มองกลับไปที่เกาะสีชัง รู้สึกว่ายังไม่ได้ไปอีกตั้งหลายที่เลย แต่ยังไง
...ผมสัญญา ว่าจะกลับไปอีก
ขอบคุณที่อ่านจนถึงบรรทัดนี้ ทีแรกว่าจะรีวิวสั้นๆ แต่อารมณ์มันพาไปก็ตามนี้แล้วกันครับ
ใครมีข้อสงสัย หรืออยากจะถามตรงส่วนไหนถามได้เลยครับ
[CR] [CR] Yellow House เกาะสีชัง "ผมสัญญา ว่าจะกลับไปอีก"
ผมจะมาเล่าประสบการณ์การเดินทาง พักผ่อน ที่เกาะสีชัง และ Yellow House รีสอร์ท ซึ่งผมประทับใจบริการจากที่นี่สุดๆครับ
เชิญเพลิดเพลินบันเทิงใจกันได้เลยครับ
เมื่อเดือนสิงหาที่ผ่านมาพวกเราชาวแก๊งรู้สึกได้ว่า ช่วงนี้พวกเราต้องการจะพักผ่อนจากการสอบ การเรียน การทำงานหนัก
หลบหนีจากเมืองกรุง ที่แสนจะวุ่นวาย และฝนที่ตกลงมา ชวนให้หงุดหงิดนั้น เราก็มีความเห็นตรงกันว่า เราควรจะพักกันบ้างนะ
สมองหนักๆ แบบนี้ มองตาก็รู้กันว่าเราต้องการ ทะเล ความสงบ และเบียร์เย็นๆ สัก 2 วัน 1 คืน ไม่รอช้า เราจึงหาเวลาได้ตรงกัน
เป็นช่วงต้นเดือนกันยานี้แหละ
เกาะเสม็ด เกาะช้าง เกาะล้าน เป็นสถานที่ที่เพื่อนๆเสนอมา แต่รู้สึกมันวุ่นวาย และไม่อยากเดินทางนาน ผมก็เสนอเกาะสีชัง
เป็นเกาะที่ผมคิดอยากจะไปมานานแสนนาน
พอทุกอย่างพร้อม เราออกเดินทางจากกรุงเทพเช้าวันอาทิตย์ที่ 7 ก.ย. 57 ขึ้นรถ บขส. จากเอกมัยมาลงศรีราชาใช้เวลาพอ
ประมาณ และต่อสามล้อมาลงเกาะลอย
มาซื้อตั๋วขึ้นเรือตอน 11 โมง ก็มีพี่คนนึงเสนอที่พัก เช่ามอไซค์ ต่างๆ พวกเราต้องการบรรยายกาศสงบ สะอาด และไม่วุ่นวาย
พี่เค้าก็แนะนำ Yellow House ให้เรา เปิดรูปมาเราทุกคนต่างโดนใจ ที่สำคัญพี่เค้าบอกว่าพึ่งเปิดได้ไม่นาน พี่เค้าบอกว่า ทางขึ้น
รีสอร์ทจะมีบันไดน้อยๆ ประมาณ 20 ขั้นนะจ๊ะ โอเคร พวกเราแมนๆ เตะบอลคุยกันครับ อยู่แล้วไม่หวั่นกับบันได 20 ขั้นหรอก
แต่พี่เค้าบอกว่าอันนี้ต้องเช่ามอไซค์กับเค้าด้วยนะ ก็จัดมา 2 คัน เช่าแบบค้างคืน คันละ 300 บาท จัดแจงเสร็จสรรพขึ้นเรือออก
เดินทาง มีฝนตกปอยๆมาส่งตลอดทาง
มาถึงเกาะทางที่พักโทรมาบอกว่าสกายแล็ปมารอรับเราแล้ว และมอไซค์ 2 คันอยู่ที่รีสอร์ทเรียบร้อยแล้วคร้า อันนี้ประทับใจมาก
คือพี่เค้าโทรมาหาเราเองเลย ดูแลกันดีตั้งแต่ยังไม่ถึงเกาะ
นั่งสกายแล็ปมาถึงรีสอร์ท เจอกับพี่นุช สาวใหญ่ ยิ้มเก่ง คอยต้อนรับพวกเราหน้าทางขึ้นรีสอร์ท นั้นคือบันไดเล็กๆ 20 ขั้น แต่ทำ
แต่ละคนหอบ หาอ๊อกซิเจนกันแทบไม่ทันกันเลยล่ะ
ขึ้นมาเจอวิวทะเลสุดสายตา น้ำสีเขียว และลมพัดกระทบใบหน้า อาการเหนื่อยก็หายไปแทบจะทันที
เช็คอินเกือบบ่ายได้ห้องเบอร์ 8 พวกเราที่มีสารเอ็นโดรฟินหลั่งทั่วร่างกาย ก็ขอฝากของไว้ก่อน หยิบกุญแจมอไซค์ ขึ้นรถสาร์ท
หาข้าวลงกระเพราะกัน
ก่อนออกมาพี่นุชบอกว่าเดี๋ยว 5 โมงเย็นจะพาไปตกหมึก บริการเบ็ดฟรีจร้า ยิ่งสุดแสนประทับใจ ออกมาขับรถ
แวะไหว้พระวัดถ้ำพระเหลือง ดูศิลาจารึก ร.5
ขึ้นไปขอพรรอยพระพุทธบาท บนยอดเขา ที่นี่วิวสวยมากมองเห็นได้ทั่วเกาะเลย
ลงมาก็ลืมไปเลยว่าหิวข้าว เลือกร้านส้มตำ จัดเต็มกันมากแต่ราคาเหมือนอยู่บนฝั่ง คุ้มค่าราคาที่จ่ายไปมากๆ กลับเข้าที่พักเกือบ
บ่าย 3 เปลี่ยนเสื้อผ้าไปเล่นน้ำที่หาดถ้ำพัง เล่นน้ำพายเรือคายัค ยันพระอาทิตย์ตก บอกได้คำเดียวว่าสุดแสนงดงามมาก แต่เราไม่ได้
เอามือถือไป ไม่มีรูปที่นี่มาให้ชม
กลับมาที่พัก 6 โมงกว่า ลืมไปเรามีนัดตกหมึกกับพี่นุช ไม่รอช้าอาบน้ำถลาไป แหลมผาเขาขาด สถานที่ตกปลาของชาวเกาะ เจอ
พี่นุชเหวี่ยงเบ็ดลงผา ชักลอกดึงปลาหมึกตัวเป็นๆขึ้นมาจากทะเล พวกเราเลือกเบ็คคนละคันประชันฝีมือใครจะได้หมึกก่อนกัน
ตกได้บ้างไม่ได้บ้าง พวกเราอาศัยช่วงเวลานี้นั่งคุยกับพี่นุชแลกเปลี่ยนความคิดกัน ฝนเริ่มมา เราก็กลับมาที่รีสอร์ท แวะซื้อเบียร์ กับ
แกล้ม ทะเลเผาเข้าไปด้วย เข้ามาเจอแม่พี่นุชซึ่งเป็นเจ้าของรีสอร์ท เลยชวนเข้าร่วมวงด้วยกันเลย...
...เป็นค่ำคืนที่มีคนรู้ใจอยู่ข้างๆ คนหน้าใหม่ๆ เสียงหัวเราะ และความจริงใจให้กัน ที่เหลือคือความสุขล้วนๆ
ก่อนเข้านอนพี่นุชบอก ตอนเช้าสัก 8 โมงจะพาไปหาหอยนางรมกินกันแบบสดๆ แต่เช้ามาไม่มีใครตื่นจึงได้แต่บ่นเสียดายไปตามๆกัน
แม่พี่นุชเตรียมอาหารเช้า ชา กาแฟ โกโก้ พร้อมไว้ให้พวกเราแล้ว
เวลายังมี ที่เที่ยวยังไปไม่หมด น้ำมันรถก็มี เราไปต่อกันที่ศาลเจ้าพ่อเขาใหญ่ ต่อด้วยพระราชวังจุฑาธุชราชฐาน สะพานอัษฎางค์
แต่ในส่วนพิพิธภัณฑ์เค้าปิดวันจันทร์ เป็นสิ่งที่พวกเราพลาดมาก
เมื่อถึงเวลาเรากลับไปเอาสัมภาระที่ Yellow House ร่ำลาพี่นุช แม่พี่นุช เก็บภ่ายภาพกันไว้ให้นึกถึง บริการที่ไม่มีวันลืม อาจหา
ที่ไหนไม่ได้ รีสอร์ทที่เหมือนกับว่าเรามาอยู่บ้านญาติ อบอุ่น และสุขใจ
ขึ้นเรือกลับขึ้นฝั่งบ่าย 3 พอเรือได้เวลาออก มองกลับไปที่เกาะสีชัง รู้สึกว่ายังไม่ได้ไปอีกตั้งหลายที่เลย แต่ยังไง
...ผมสัญญา ว่าจะกลับไปอีก
ขอบคุณที่อ่านจนถึงบรรทัดนี้ ทีแรกว่าจะรีวิวสั้นๆ แต่อารมณ์มันพาไปก็ตามนี้แล้วกันครับ
ใครมีข้อสงสัย หรืออยากจะถามตรงส่วนไหนถามได้เลยครับ