เห็นคุณเกตุวดีเขียนไว้ เกี่ยวกับ Hormones เลยเอามาลงให้อ่านกันดู
(คำเตือน: บทความนี้สปอยล์ความฟินทั้งหลายแหล่ในซีรี่ส์ Hormones ใครเป็นติ่งฮอร์โมนแต่ยังไม่ได้ดู จงไปดูก่อนจะอ่านบทความนี้นะคะ)
ตอนนี้ เกตุวดีติดละครอยู่ 2 เรื่องค่ะ เรื่องแรก คือเรื่องรอยรักหักเหลี่ยมตะวัน
ดิฉันสนใจเรื่องนี้เพราะหนังเกี่ยวข้องกับญี่ปุ่น...สนแค่นั้นจริงจริ๊ง รูปลักษณ์พระเอกเป็นเหตุผลรอง สาบานได้
แม้ฉาก อุปกรณ์ เสื้อผ้านักแสดงของละครเรื่องนี้จะมีความเป็นญี่ปุ่นสูงมาก แต่ดิฉันก็ตกใจในความไท้ยไทยอันเกลื่อนกลาดจอของละครเรื่องนี้ มุขคลาสสิคในละครไทยทั่วไปก็ยังมีให้เห็นให้จิ้นอยู่อย่างเต็มเปี่ยม อาทิ
- รถพระเอกเฉี่ยวจักรยานนางเอก พระเอกลงไปช่วย “คุณเป็นอะไรไหมครับ” แล้วปิ๊งนางเอกในแว้บแรกพบ
(นางเอกแสนดีก็บอกว่า “ความผิดฉันเองค่ะ ให้ฉันชดใช้นะคะ” ทั้งๆ ที่รถพระเอกเป็นรถหรูไฮโซ ชีวิตจริง เราคงจะแกล้งล้มขาหักแล้วเรียกค่าเสียหายจากเจ้าของรถหรูแทน)
- มีอันธพาลมาแกล้งถล่มร้านนางเอก พระเอกโคตรแมนก็บังเอิญผ่านมาและเข้าไปช่วยเหลืออย่างแมนๆ
- ตัวอิจฉา ในที่นี้ คือ นังไอโกะ คู่หมั้นพระเอก ก็ตามหึงพระเอกและเซ้าซี้เรื่องการแต่งงานอย่างบ้าคลั่ง แค่ดูสีกิโมโนนางก็รู้แล้วว่า ยัยนี่น่ะ ตัวร้าย
อะไรแบบนี้...
ละครอีกเรื่องที่ดิฉันติด คือ Hormones วัยว้าวุ่น ซีรี่ส์สะท้อนชีวิตวัยรุ่นไทย กลับมีความเป็นญี่ปุ่นสูงกว่ารอยรักหักเหลี่ยมตะวันเสียอีก ดิฉันดูมา 2 ตอนแล้ว ยิ่งดูยิ่งตกใจที่ตัวละครในเรื่อง ช่างมีพฤติกรรมคล้ายคลึงกับคนญี่ปุ่นเหลือเกิน
ตัวละครที่ดูเป็นญี่ปุ่นสุด ดิฉันยกให้คู่ของน้องหมอก (ไมเคิล) กับน้องของขวัญ (แพทตี้ อังศุมาลิน) ค่ะ
หมอกแอบปลื้มของขวัญ เพื่อนร่วมชั้นเรียนอยู่เงียบๆ ฮีชวนของขวัญไปถ่ายรูปด้วยกัน นัยว่าจะสอนเทคนิคการถ่ายภาพด้วยกล้องฟิล์มให้ หงิมๆ เงียบๆ แต่ก็พยายามใจดีและทำอะไรดีๆเพื่อสาวที่ตัวเองปลื้ม หนุ่มญี่ปุ่น เวลาชอบใคร ก็ทำแบบนี้ค่ะ
ส่วนของขวัญ มีความเป็นญี่ปุ่นมากกว่าหมอกยิ่งขึ้นไปอีกค่ะ เวลาหมอกสอนถ่ายรูป นางจะยิ้มคิกขุ หัวเราะเขินๆ ทำจมูกย่นเล็กๆ เวลาถือกล้อง นางไม่ได้จับแบบโปรฯ แต่นางจะทำท่าเงอะๆ งะๆ จับผิดจับถูก (ซึ่งน้องหมอกของเราก็จะได้โอกาสจับมือนาง)
นางจะยิ้มสดใสเสมอ ไม่บ่นว่าแดดร้อน พามาถ่ายกลางแดดทำไมยะ ผิวฉันเสียหมด อะไรแบบนี้ นางจะสงบปากสงบคำ ทุกโมเม้นท์ นางจะดูน่ารักมุ้งมิ้ง น่าทะนุถนอมไปหมด... และนี่คือ ลักษณะพื้นฐานของสาวญี่ปุ่นค่ะ
ดิฉันจำได้ว่า มีฉากหนึ่ง หมอกสอนเรื่องความไวแสง การปรับโฟกัส ความเร็วชัตเตอร์ ฮีบรรยายพรวดๆ ไปประมาณ 5 นาที พอมีสติระลึกขึ้นได้ ฮีก็ถามของขวัญว่า “เข้าใจไหม” ของขวัญทำตางงๆ แต่ยิ้ม แล้วก็ตอบแบบไม่มั่นใจนิดๆ ว่า “อื้ม! เข้าใจ” แล้วก็หัวเราะเหะๆ
ถ้าจะเพิ่มความเป็นญี่ปุ่นเข้าไปในซีนนี้อีกนิด หมอกต้องโชว์ป๋าแบบเก๊กๆ สไตล์หนุ่มญี่ปุ่น อาจเดินไปจับหัวหรือดีดหน้าผากของขวัญเบาๆ พร้อมพูดว่า “บอกว่าเข้าใจได้ไง ยากจะตาย เด็กโง่” ของขวัญก็ต้องแลบลิ้นนิดๆ แล้วหัวเราะเหะๆ...ประมาณนั้น หึๆ
ตัวละครอีกตัวที่ดิฉันทึ่งในความคล้ายคลึงคนญี่ปุ่นมาก คือ น้องขนมปังค่ะ นางจีบหนุ่มได้สไตล์สาวญี่ปุ่นมากกกกก
น้องขนมปังทำให้พวกเราทึ่งตั้งแต่ episode 1 ด้วยวิธีขอเบอร์ผู้ชายแบบเนียนๆ
ในเรื่อง หนุ่มที่นางหมายปอง คือ ต้าร์ ได้เดินมาส่งนางที่สถานี BTS นางบอกว่า ไม่ต้องไปส่งหนูหรอก ถึงบ้านแล้วจะโทรบอก แล้วก็ได้เบอร์นายต้าร์มาแบบเนียนๆ จากนั้น นางก็โทรไปปลุกนายต้าร์ทุกเช้า
นี่เป็นเทคนิคดั้งเดิมที่สาวญี่ปุ่นใช้จีบหนุ่มแบบเนียนๆ ค่ะ อาจขอเบอร์ ขอ Line โดยการอ้างโน่นอ้างนี่ เช่น เพื่อปรึกษาเรื่องงาน ถ้าอยู่ชมรมในมหาลัยเดียวกัน พวกนางก็จะขอให้หนุ่มช่วยติว ช่วยสอนกิจกรรมต่างๆ ให้ เช่น ถ้าสาวอยู่ชมรมเทนนิส นางก็อาจขอให้หนุ่มที่นางเล็งไปช่วยเลือกซื้อไม้เทนนิสด้วยกันหน่อย ถ้าเป็นพนักงานออฟฟิศอยู่บริษัทเดียวกัน นางก็อาจบอกว่า มีเรื่องอยากปรึกษาเกี่ยวกับโปรเจ็ค แล้วก็ชวนไปทานข้าวเย็นกัน วันถัดๆ ไปก็เอาคุ้กกี้แฮนด์เม้ด เบนโตะ หรืออะไรสักอย่างไปให้หนุ่ม นัยว่าแสดงความขอบคุณที่คุณหนุ่มได้ช่วยเหลือนาง หนุ่มๆ ก็จะปลื้มดีใจ รู้สึกว่าตัวเองมีค่า เป็นประโยชน์ ความสัมพันธ์รักก็จะค่อยๆ งอกเงย
กล่าวโดยย่อ คือ กรณีที่หนุ่มที่สาวญี่ปุ่นเขาเล็งยังไม่ได้สนใจนาง นางก็สร้างเหตุผลร้อยแปดเพื่อขอความช่วยเหลือ จากนั้นก็แสดงความขอบคุณเขาโดยการส่งเมสเสจขอบคุณ นำของเล็กๆ น้อยๆ ไปให้ ชวนไปเลี้ยงข้าวขอบคุณ อะไรก็ว่าไป
อีกเทคนิคหนึ่งที่น้องขนมปังใช้ได้อย่างเด็ดดวง คือ การแอบบังคับทางอ้อมให้ผู้ชายพูดหรือแสดงความรู้สึก เช่น …
1) นางโทรไปปลุกนายต้าร์ตอนเช้าวันเสาร์ ซึ่งเป็นวันหยุด นายต้าร์บอกว่า ไหนๆ ก็ตื่นแล้ว วันนี้ว่างไหม ไปดูหนังกัน แทนที่นางจะระริกระรี้รีบตอบเยส นางกลับถามไปว่า “ชวนไปเดทหรือเปล่า” แล้วค่อยตอบโอเค
ประโยคแรกของนางทำให้ต้าร์รู้สึกตื่นเต้นตึกตัก ประโยคที่สอง (ที่ตอบโอเค) ทำให้ต้าร์รู้สึกดีใจ แหม่….มีชั้นเชิงกว่าตอบเยสเฉยๆ ตั้งเยอะ
2) ตอนที่ต้าร์กับขนมปังยืนคุยกันที่ชานชาลา BTS
ขนมปัง : คิดไงถึงมาทำดีกับปังอะ
ต้าร์ : ก็อยากทำดีด้วยอ่ะ
....ซึ่งบทสนทนานี้ก็นำไปสู่เรื่องรักกุ๊กกิ๊กและการขอเป็นแฟนในที่สุด
3) นางชมที่ต้าร์หมั่นเพียรซื้อขนมเบื้องมาให้ตามที่นางขอ และนางปล่อยหมัดฮุกมาอีกหมัดว่า…
ขนมปัง : พี่ทำหยั่งงี้ไม่คิดว่าปังจะหวั่นไหวบ้างเหรอ (โปรดสังเกต: นางกำลังเปิดช่องให้หนุ่ม)
ต้าร์: ก็แอบอยากให้หวั่นไหวอยู่นะ (ขนมปังเลียปากหวานหมู เหยื่อเริ่มติดเบ็ดตรูแล้ว)
ยัง….บทสนทนานี้ยังไม่จบแค่นี้…
ขนมปัง : แล้วถ้าหวั่นไหวทำไงต่ออะ (ชั้นต้องบีบบังคับให้พี่ต้าร์บอกรักชั้นให้ได้!)
ต้าร์ : ก็จะหาแฟนให้ไง แต่มันไม่ค่อยหล่อนะ ชื่อโอฬารเหมือนมันจะชอบปังอะ (โอฬารคือชื่อจริงของต้าร์)
ขนมปัง : (ยิ้มขวยเขิน) งั้นฝากบอกตาโอฬารด้วยนะว่าวันจันทร์อย่าลืมขนมเบื้องด้วยนะ (ทุกอย่างเป็นไปตามแผน)
น้องขนมปังก็เลยได้ต้าร์เป็นแฟนโดยที่ตัวเองไม่ต้องบอกรัก บอกชอบก่อน แต่ใช้คำถามค่อยๆ ชี้ทาง (สว่าง) ให้ต้าร์บอกนางได้!
นางอ่านสามก๊กมาสามรอบแล้วหรือไร ถึงสามารถวางแผนได้แยบยลเช่นนี้
กลยุทธ์นี้ เหมาะมากสำหรับสาวที่แอบชอบหนุ่มญี่ปุ่นที่ขี้อาย พวกที่ไม่ยอมพูดหรือแสดงความรู้สึกตัวเองค่ะ เช่น เดทกันมาหลายรอบ หนุ่มไม่ยอมสารภาพรักสักที ระหว่างเดทครั้งที่ 5 นางอาจหันไปถามหนุ่มว่า “นี่ตกลงเราเป็นอะไรกันอ่ะ” หนุ่มจะได้ตอบไปว่า “ก็แฟนไง” นางจะได้เริ่มเค้าท์วันแรกที่คบกัน อะไรแบบนี้...ได้เลย
หรือบางที สาวญี่ปุ่นจะชอบพูดประโยคบอกรักอ้อมๆ แบบนี้ค่ะ
“เวลาอยู่กับนายแล้วเรามีความสุขจังเลย/เป็นตัวของตัวเองจังเลย”
หนุ่มญี่ปุ่นพอฟังแล้วก็จะตัวลอย และสามารถสานต่อได้ว่า “ถ้าอย่างนั้นมาอยู่อย่างนี้เรื่อยไปนะ” (นัยว่า ขอสาวคบเป็นแฟน) หรือ “ เราก็เหมือนกัน...งั้นมาคบกันดีไหม” อะไรแบบนี้
ส่วนคู่ที่ไม่เหมือนคนญี่ปุ่นเลย คือคู่ของภู (มาร์ช) กับเต้ย (ปันปัน) ค่ะ
ขอสรุปเป็นตารางเปรียบเทียบดังนี้
การกระทำของภู เต้ย
- จู๋จี๋กันในซูเปอร์มาร์เก้ต เต้ยเอาพริกหวานมาถูหน้าภู เป็นการหยอกล้อ (ไม่รู้จะบรรยายฉากนั้นว่าอย่างไร ขอโทษ...)
- ภูกับเต้ยช่วยกันทำอาหาร แบ่งหน้าที่กันคนละครึ่งๆ
- ทำพิซซ่า โดยเริ่มตั้งแต่การนวดแป้ง
- เอะอะดูหนังกับช้อปปิ้งที่สยามพาราก้อน
- ตอนเลิกเรียน เต้ยมารอหน้าห้องภู
การกระทำของหนุ่มสาวญี่ปุ่น
- เดินดูของในซุปเปอร์เงียบๆ คุยกันหนุงหนิงพองามว่า คืนนี้จะทำอะไรกินดี จำได้ว่า สมัยดิฉันกับแฟนเก่าชาวญี่ปุ่นไปเดินซูเปอร์ฯด้วยกัน ดิฉันเป็นคนเข็นรถเข็นเสียด้วยซ้ำ
- ผู้หญิงเป็นฝ่ายทำอาหาร ฝ่ายชายอาจอ่านหนังสือพิมพ์หรือนอนดูทีวีรอ จะไม่ค่อยมายุ่งในครัว
- ทำพาสต้า-สปาเก็ตตี้ ทำง่ายและหน้าตาดูอินเตอร์ ดูดี รสชาติอร่อย
- ทำกิจกรรมที่หลากหลายกว่านี้ ถ้าเป็นเด็กม.ปลายก็ ไปถ่ายสติ๊กเกอร์ ไปสวนสนุก ไปดูซากุระหรือใบไม้เปลี่ยนสี ร้องคาราโอเกะ นั่งคุยกันในสวนสาธารณะ
- ไม่ค่อยบอกให้คนอื่นรู้ เวลาเดท ต้องนัดเจอกันที่อื่นที่ไม่ใช่ที่ที่เพื่อนในโรงเรียนจะเห็นอย่างอล่างฉ่าง เขาอายเพื่อนๆ (ส่วนใหญ่มักเป็นประตูใหญ่หน้าโรงเรียน...ซึ่งดิฉันคิดว่า คนทั่วไปก็เห็นกันอยู่ดี)
เห็น Trailer ตอนที่ 3 แล้วยิ่งลุ้น อยากให้ถึงเสาร์หน้าเร็วๆ ค่ะ ฝากขอบคุณค่าย GTH ผู้กำกับ นักแสดง คนเขียนบท และทุกๆ คนที่ทำซีรี่ส์ดีๆ มาให้วัยรุ่นอย่างดิฉันดู
ด้วยรักและติ่ง
เกตุวดี
http://www.marumura.com/talkative/?id=5725
จีบหนุ่ม/สาวญี่ปุ่นอย่างไร : บทเรียนจากซีรี่ส์ Hormones
(คำเตือน: บทความนี้สปอยล์ความฟินทั้งหลายแหล่ในซีรี่ส์ Hormones ใครเป็นติ่งฮอร์โมนแต่ยังไม่ได้ดู จงไปดูก่อนจะอ่านบทความนี้นะคะ)
ตอนนี้ เกตุวดีติดละครอยู่ 2 เรื่องค่ะ เรื่องแรก คือเรื่องรอยรักหักเหลี่ยมตะวัน
ดิฉันสนใจเรื่องนี้เพราะหนังเกี่ยวข้องกับญี่ปุ่น...สนแค่นั้นจริงจริ๊ง รูปลักษณ์พระเอกเป็นเหตุผลรอง สาบานได้
แม้ฉาก อุปกรณ์ เสื้อผ้านักแสดงของละครเรื่องนี้จะมีความเป็นญี่ปุ่นสูงมาก แต่ดิฉันก็ตกใจในความไท้ยไทยอันเกลื่อนกลาดจอของละครเรื่องนี้ มุขคลาสสิคในละครไทยทั่วไปก็ยังมีให้เห็นให้จิ้นอยู่อย่างเต็มเปี่ยม อาทิ
- รถพระเอกเฉี่ยวจักรยานนางเอก พระเอกลงไปช่วย “คุณเป็นอะไรไหมครับ” แล้วปิ๊งนางเอกในแว้บแรกพบ
(นางเอกแสนดีก็บอกว่า “ความผิดฉันเองค่ะ ให้ฉันชดใช้นะคะ” ทั้งๆ ที่รถพระเอกเป็นรถหรูไฮโซ ชีวิตจริง เราคงจะแกล้งล้มขาหักแล้วเรียกค่าเสียหายจากเจ้าของรถหรูแทน)
- มีอันธพาลมาแกล้งถล่มร้านนางเอก พระเอกโคตรแมนก็บังเอิญผ่านมาและเข้าไปช่วยเหลืออย่างแมนๆ
- ตัวอิจฉา ในที่นี้ คือ นังไอโกะ คู่หมั้นพระเอก ก็ตามหึงพระเอกและเซ้าซี้เรื่องการแต่งงานอย่างบ้าคลั่ง แค่ดูสีกิโมโนนางก็รู้แล้วว่า ยัยนี่น่ะ ตัวร้าย
อะไรแบบนี้...
ละครอีกเรื่องที่ดิฉันติด คือ Hormones วัยว้าวุ่น ซีรี่ส์สะท้อนชีวิตวัยรุ่นไทย กลับมีความเป็นญี่ปุ่นสูงกว่ารอยรักหักเหลี่ยมตะวันเสียอีก ดิฉันดูมา 2 ตอนแล้ว ยิ่งดูยิ่งตกใจที่ตัวละครในเรื่อง ช่างมีพฤติกรรมคล้ายคลึงกับคนญี่ปุ่นเหลือเกิน
ตัวละครที่ดูเป็นญี่ปุ่นสุด ดิฉันยกให้คู่ของน้องหมอก (ไมเคิล) กับน้องของขวัญ (แพทตี้ อังศุมาลิน) ค่ะ
หมอกแอบปลื้มของขวัญ เพื่อนร่วมชั้นเรียนอยู่เงียบๆ ฮีชวนของขวัญไปถ่ายรูปด้วยกัน นัยว่าจะสอนเทคนิคการถ่ายภาพด้วยกล้องฟิล์มให้ หงิมๆ เงียบๆ แต่ก็พยายามใจดีและทำอะไรดีๆเพื่อสาวที่ตัวเองปลื้ม หนุ่มญี่ปุ่น เวลาชอบใคร ก็ทำแบบนี้ค่ะ
ส่วนของขวัญ มีความเป็นญี่ปุ่นมากกว่าหมอกยิ่งขึ้นไปอีกค่ะ เวลาหมอกสอนถ่ายรูป นางจะยิ้มคิกขุ หัวเราะเขินๆ ทำจมูกย่นเล็กๆ เวลาถือกล้อง นางไม่ได้จับแบบโปรฯ แต่นางจะทำท่าเงอะๆ งะๆ จับผิดจับถูก (ซึ่งน้องหมอกของเราก็จะได้โอกาสจับมือนาง)
นางจะยิ้มสดใสเสมอ ไม่บ่นว่าแดดร้อน พามาถ่ายกลางแดดทำไมยะ ผิวฉันเสียหมด อะไรแบบนี้ นางจะสงบปากสงบคำ ทุกโมเม้นท์ นางจะดูน่ารักมุ้งมิ้ง น่าทะนุถนอมไปหมด... และนี่คือ ลักษณะพื้นฐานของสาวญี่ปุ่นค่ะ
ดิฉันจำได้ว่า มีฉากหนึ่ง หมอกสอนเรื่องความไวแสง การปรับโฟกัส ความเร็วชัตเตอร์ ฮีบรรยายพรวดๆ ไปประมาณ 5 นาที พอมีสติระลึกขึ้นได้ ฮีก็ถามของขวัญว่า “เข้าใจไหม” ของขวัญทำตางงๆ แต่ยิ้ม แล้วก็ตอบแบบไม่มั่นใจนิดๆ ว่า “อื้ม! เข้าใจ” แล้วก็หัวเราะเหะๆ
ถ้าจะเพิ่มความเป็นญี่ปุ่นเข้าไปในซีนนี้อีกนิด หมอกต้องโชว์ป๋าแบบเก๊กๆ สไตล์หนุ่มญี่ปุ่น อาจเดินไปจับหัวหรือดีดหน้าผากของขวัญเบาๆ พร้อมพูดว่า “บอกว่าเข้าใจได้ไง ยากจะตาย เด็กโง่” ของขวัญก็ต้องแลบลิ้นนิดๆ แล้วหัวเราะเหะๆ...ประมาณนั้น หึๆ
ตัวละครอีกตัวที่ดิฉันทึ่งในความคล้ายคลึงคนญี่ปุ่นมาก คือ น้องขนมปังค่ะ นางจีบหนุ่มได้สไตล์สาวญี่ปุ่นมากกกกก
น้องขนมปังทำให้พวกเราทึ่งตั้งแต่ episode 1 ด้วยวิธีขอเบอร์ผู้ชายแบบเนียนๆ
ในเรื่อง หนุ่มที่นางหมายปอง คือ ต้าร์ ได้เดินมาส่งนางที่สถานี BTS นางบอกว่า ไม่ต้องไปส่งหนูหรอก ถึงบ้านแล้วจะโทรบอก แล้วก็ได้เบอร์นายต้าร์มาแบบเนียนๆ จากนั้น นางก็โทรไปปลุกนายต้าร์ทุกเช้า
นี่เป็นเทคนิคดั้งเดิมที่สาวญี่ปุ่นใช้จีบหนุ่มแบบเนียนๆ ค่ะ อาจขอเบอร์ ขอ Line โดยการอ้างโน่นอ้างนี่ เช่น เพื่อปรึกษาเรื่องงาน ถ้าอยู่ชมรมในมหาลัยเดียวกัน พวกนางก็จะขอให้หนุ่มช่วยติว ช่วยสอนกิจกรรมต่างๆ ให้ เช่น ถ้าสาวอยู่ชมรมเทนนิส นางก็อาจขอให้หนุ่มที่นางเล็งไปช่วยเลือกซื้อไม้เทนนิสด้วยกันหน่อย ถ้าเป็นพนักงานออฟฟิศอยู่บริษัทเดียวกัน นางก็อาจบอกว่า มีเรื่องอยากปรึกษาเกี่ยวกับโปรเจ็ค แล้วก็ชวนไปทานข้าวเย็นกัน วันถัดๆ ไปก็เอาคุ้กกี้แฮนด์เม้ด เบนโตะ หรืออะไรสักอย่างไปให้หนุ่ม นัยว่าแสดงความขอบคุณที่คุณหนุ่มได้ช่วยเหลือนาง หนุ่มๆ ก็จะปลื้มดีใจ รู้สึกว่าตัวเองมีค่า เป็นประโยชน์ ความสัมพันธ์รักก็จะค่อยๆ งอกเงย
กล่าวโดยย่อ คือ กรณีที่หนุ่มที่สาวญี่ปุ่นเขาเล็งยังไม่ได้สนใจนาง นางก็สร้างเหตุผลร้อยแปดเพื่อขอความช่วยเหลือ จากนั้นก็แสดงความขอบคุณเขาโดยการส่งเมสเสจขอบคุณ นำของเล็กๆ น้อยๆ ไปให้ ชวนไปเลี้ยงข้าวขอบคุณ อะไรก็ว่าไป
อีกเทคนิคหนึ่งที่น้องขนมปังใช้ได้อย่างเด็ดดวง คือ การแอบบังคับทางอ้อมให้ผู้ชายพูดหรือแสดงความรู้สึก เช่น …
1) นางโทรไปปลุกนายต้าร์ตอนเช้าวันเสาร์ ซึ่งเป็นวันหยุด นายต้าร์บอกว่า ไหนๆ ก็ตื่นแล้ว วันนี้ว่างไหม ไปดูหนังกัน แทนที่นางจะระริกระรี้รีบตอบเยส นางกลับถามไปว่า “ชวนไปเดทหรือเปล่า” แล้วค่อยตอบโอเค
ประโยคแรกของนางทำให้ต้าร์รู้สึกตื่นเต้นตึกตัก ประโยคที่สอง (ที่ตอบโอเค) ทำให้ต้าร์รู้สึกดีใจ แหม่….มีชั้นเชิงกว่าตอบเยสเฉยๆ ตั้งเยอะ
2) ตอนที่ต้าร์กับขนมปังยืนคุยกันที่ชานชาลา BTS
ขนมปัง : คิดไงถึงมาทำดีกับปังอะ
ต้าร์ : ก็อยากทำดีด้วยอ่ะ
....ซึ่งบทสนทนานี้ก็นำไปสู่เรื่องรักกุ๊กกิ๊กและการขอเป็นแฟนในที่สุด
3) นางชมที่ต้าร์หมั่นเพียรซื้อขนมเบื้องมาให้ตามที่นางขอ และนางปล่อยหมัดฮุกมาอีกหมัดว่า…
ขนมปัง : พี่ทำหยั่งงี้ไม่คิดว่าปังจะหวั่นไหวบ้างเหรอ (โปรดสังเกต: นางกำลังเปิดช่องให้หนุ่ม)
ต้าร์: ก็แอบอยากให้หวั่นไหวอยู่นะ (ขนมปังเลียปากหวานหมู เหยื่อเริ่มติดเบ็ดตรูแล้ว)
ยัง….บทสนทนานี้ยังไม่จบแค่นี้…
ขนมปัง : แล้วถ้าหวั่นไหวทำไงต่ออะ (ชั้นต้องบีบบังคับให้พี่ต้าร์บอกรักชั้นให้ได้!)
ต้าร์ : ก็จะหาแฟนให้ไง แต่มันไม่ค่อยหล่อนะ ชื่อโอฬารเหมือนมันจะชอบปังอะ (โอฬารคือชื่อจริงของต้าร์)
ขนมปัง : (ยิ้มขวยเขิน) งั้นฝากบอกตาโอฬารด้วยนะว่าวันจันทร์อย่าลืมขนมเบื้องด้วยนะ (ทุกอย่างเป็นไปตามแผน)
น้องขนมปังก็เลยได้ต้าร์เป็นแฟนโดยที่ตัวเองไม่ต้องบอกรัก บอกชอบก่อน แต่ใช้คำถามค่อยๆ ชี้ทาง (สว่าง) ให้ต้าร์บอกนางได้!
นางอ่านสามก๊กมาสามรอบแล้วหรือไร ถึงสามารถวางแผนได้แยบยลเช่นนี้
กลยุทธ์นี้ เหมาะมากสำหรับสาวที่แอบชอบหนุ่มญี่ปุ่นที่ขี้อาย พวกที่ไม่ยอมพูดหรือแสดงความรู้สึกตัวเองค่ะ เช่น เดทกันมาหลายรอบ หนุ่มไม่ยอมสารภาพรักสักที ระหว่างเดทครั้งที่ 5 นางอาจหันไปถามหนุ่มว่า “นี่ตกลงเราเป็นอะไรกันอ่ะ” หนุ่มจะได้ตอบไปว่า “ก็แฟนไง” นางจะได้เริ่มเค้าท์วันแรกที่คบกัน อะไรแบบนี้...ได้เลย
หรือบางที สาวญี่ปุ่นจะชอบพูดประโยคบอกรักอ้อมๆ แบบนี้ค่ะ
“เวลาอยู่กับนายแล้วเรามีความสุขจังเลย/เป็นตัวของตัวเองจังเลย”
หนุ่มญี่ปุ่นพอฟังแล้วก็จะตัวลอย และสามารถสานต่อได้ว่า “ถ้าอย่างนั้นมาอยู่อย่างนี้เรื่อยไปนะ” (นัยว่า ขอสาวคบเป็นแฟน) หรือ “ เราก็เหมือนกัน...งั้นมาคบกันดีไหม” อะไรแบบนี้
ส่วนคู่ที่ไม่เหมือนคนญี่ปุ่นเลย คือคู่ของภู (มาร์ช) กับเต้ย (ปันปัน) ค่ะ
ขอสรุปเป็นตารางเปรียบเทียบดังนี้
การกระทำของภู เต้ย
- จู๋จี๋กันในซูเปอร์มาร์เก้ต เต้ยเอาพริกหวานมาถูหน้าภู เป็นการหยอกล้อ (ไม่รู้จะบรรยายฉากนั้นว่าอย่างไร ขอโทษ...)
- ภูกับเต้ยช่วยกันทำอาหาร แบ่งหน้าที่กันคนละครึ่งๆ
- ทำพิซซ่า โดยเริ่มตั้งแต่การนวดแป้ง
- เอะอะดูหนังกับช้อปปิ้งที่สยามพาราก้อน
- ตอนเลิกเรียน เต้ยมารอหน้าห้องภู
การกระทำของหนุ่มสาวญี่ปุ่น
- เดินดูของในซุปเปอร์เงียบๆ คุยกันหนุงหนิงพองามว่า คืนนี้จะทำอะไรกินดี จำได้ว่า สมัยดิฉันกับแฟนเก่าชาวญี่ปุ่นไปเดินซูเปอร์ฯด้วยกัน ดิฉันเป็นคนเข็นรถเข็นเสียด้วยซ้ำ
- ผู้หญิงเป็นฝ่ายทำอาหาร ฝ่ายชายอาจอ่านหนังสือพิมพ์หรือนอนดูทีวีรอ จะไม่ค่อยมายุ่งในครัว
- ทำพาสต้า-สปาเก็ตตี้ ทำง่ายและหน้าตาดูอินเตอร์ ดูดี รสชาติอร่อย
- ทำกิจกรรมที่หลากหลายกว่านี้ ถ้าเป็นเด็กม.ปลายก็ ไปถ่ายสติ๊กเกอร์ ไปสวนสนุก ไปดูซากุระหรือใบไม้เปลี่ยนสี ร้องคาราโอเกะ นั่งคุยกันในสวนสาธารณะ
- ไม่ค่อยบอกให้คนอื่นรู้ เวลาเดท ต้องนัดเจอกันที่อื่นที่ไม่ใช่ที่ที่เพื่อนในโรงเรียนจะเห็นอย่างอล่างฉ่าง เขาอายเพื่อนๆ (ส่วนใหญ่มักเป็นประตูใหญ่หน้าโรงเรียน...ซึ่งดิฉันคิดว่า คนทั่วไปก็เห็นกันอยู่ดี)
เห็น Trailer ตอนที่ 3 แล้วยิ่งลุ้น อยากให้ถึงเสาร์หน้าเร็วๆ ค่ะ ฝากขอบคุณค่าย GTH ผู้กำกับ นักแสดง คนเขียนบท และทุกๆ คนที่ทำซีรี่ส์ดีๆ มาให้วัยรุ่นอย่างดิฉันดู
ด้วยรักและติ่ง
เกตุวดี
http://www.marumura.com/talkative/?id=5725