10 หนังจิตวิตก(Mindbender)ยอดเยี่ยมแห่งศตวรรษที่ 21



Mindbender Films คือหนังที่ทำให้เราเกิดความรู้สึกสับสน ระแคะระคายว่า เรื่องไหนจริง-ไม่จริง ทำแบบนั้นเพื่ออะไร โดยส่วนใหญ่จะเป็นหนังที่เกี่ยวข้องกับจิตวิทยา(psychological)




20. Mr. Nobody (2009)
Nemo ชายผู้เกิดความสับสนในชีวิตหลังจากที่พ่อแม่ของเขาแยกทางกัน ซึ่งตัวเขาต้องพบกับเส้นทางชีวิตมากมาย และนั่นก็ทำให้เขาตระหนักว่าทุกๆอย่างมันขึ้นอยู่กับการตัดสินใจในแต่ละช่วงชีวิต เป็นหนังที่มีเส้นเรื่องหลากหลาย ยอดเยี่ยมด้วยวิสัยทัศน์ของผู้กำกับในการผสมหลักวิทยาศาสตร์ หลักปรัชญาออกมาได้อย่างลงตัว





19. Los cronocrímenes (2007)
Héctor ที่ย้ายมาอยู่บ้านหลังใหม่พร้อมกับภรรยา และในเย็นวันหนึ่งขณะที่เขากำลังมองผ่านกล้องส่องทางไกลก็ได้เห็นผู้หญิงคนหนึ่งนอนเปลือยอยู่กลางป่า และเมื่อเขาตัดสินใจเข้าไปดู ก็ได้พบกับบุรุษลึกลับที่ปกปิดใบหน้าด้วยผ้าพันแผลสีชมพู หนังเชื้อสาย Spanish ที่แกนหลักของหนังเป็น time travel+ thriller ตัวหนังเดินเรื่องได้อย่างระทึกและน่าติดตาม ซึ่งก็นับเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ดีสำหรับคอหนังระทึกขวัญทั้งหลาย





18. Primer (2004)
กลุ่มเพื่อนวิศวกรสี่คน Aaron, Abe, Robert และ Phillip ซึ่งทำงานให้กับบริษัทใหญ่แห่งหนึ่ง โดยในคืนหนึ่งพวกเขาได้สร้างอุปกรณ์ชิ้นหนึ่ง ซึ่งเต็มไปด้วยกลไก ความยุ่งยาก และสิ่งที่พวกเขาคาดไม่ถึง เป็นหนัง hard sci-fi ชั้นดีกับทุนสร้างเพียง $7,000 ถึงแม้ว่าตัวหนังค่อนข้างดูสับสน วุ่นวายกับรายละเอียดที่อาจเข้าถึงได้ยาก แต่สำหรับคอหนังไซไฟมันก็คุ้มค่าที่จะลอง





17. The Machinist (2004)
Trevor Reznik ชายผู้มีปมบางอย่างค้างคาอยู่ในจิตใจ ซึ่งก็ทำให้เขาต้องประสบกับปัญหาโรคนอนไม่หลับมาเป็นเวลานาน และทำให้เขามีร่างกายผอมซีดเสมือนเหลือแต่กระดูก แต่ที่สำคัญเขาต้องเผชิญกับภาพหลอนที่เข้ามาย่างกรายในชีวิตประจำวันอย่างไม่ละเลิก นอกจากความโดดเด่นทางด้านบรรยากาศและสิ่งที่ชวนให้น่าสงสัยของตัวหนัง ก็ยังนับได้ว่า 'Christian Bale' เป็นอีกหนึ่งสุดยอดของการ "body transformations" ในวงการณ์ภาพยนตร์เท่าที่เคยมีมา





16. A Scanner Darkly (2006)
ตำรวจสายลับ Bob Arctor ที่แฝงตัวเข้าไปสืบหาข้อมูลของยาเสพติดที่มีชื่อว่า ‘Substance-D’ แต่ทว่าตัวเขากลับตกเป็นเหยื่อของยาตัวนี้ ซึ่งผลของยาตัวนี้ทำให้เกิดโรคประสาทหลอน และเกิดเป็นโรคสองบุคลิก ความยอดเยี่ยมอันเด่นชัดของหนังก็คือการใช้เทคนิค rotoscope animation ที่พบเห็นได้ค่อนข้างยากในโลกภาพยนตร์





15. Source Code (2011)
กัปตัน Colter Stevens ที่ถูกส่งไปยังโลกคู่ขนานของเหตุการณ์ในอดีตบนขบวนรถไฟแห่ง ซึ่งแต่ละครั้งเขามีเวลาเพียง 8 นาทีในการหาตัวมือวางระเบิด ก่อนที่รถไฟขบวนนี้จะระเบิดเป็นเสี่ยงๆ การฉีกจากพล็อตหนัง time travel โดยการวางโครงเรื่องหลักเป็นหนัง suspense ซึ่งก็คล้ายคลึงกับหนังคลาสสิคอย่าง ‘Twelve Monkeys’ ที่เคยทำประสบความสำเร็จมาแล้วในช่วงยุค 90's




14. Shutter Island (2010)
สองตำรวจ Teddy Daniels และ Chuck Aule ที่สืบหาการหายตัวไปของคนไข้รายหนึ่งที่ ‘Shutter Island’ ซึ่งเป็นสถานที่ในการรักษาผู้ป่วยทางจิต และเมื่อพวกเขาได้เริ่มสืบหา ก็ต้องพบกับเรื่องราวอันซับซ้อนมากมาย เป็นหนัง psychological thriller ที่ยอดเยี่ยมด้วยการแสดงของเหล่านักแสดงนำ รวมทั้งยังใช้ความได้เปรียบของ location ดึงความเป็น mystery ของหนังออกมาได้อย่างดีเยี่ยม





13. Enemy (2013)
อาจารย์มหาลัย Adam ที่บังเอิญไปเจอคนที่มีใบหน้าเหมือนกับเขาในหนังเรื่องหนึ่ง ซึ่งก็ทำให้เขาต้องสืบหาความจริงของเรื่องราวนี้ เป็นที่เต็มไปด้วยบรรยากาศของความหวาดระแวงและความอันตรายในทุกย่างก้าว ซึ่งระหว่างทางก็มีเรื่องราว สัญลักษณ์ต่างๆให้ครุ่นคิด จับผิดมากมาย จนกระทั่งเมื่อพาไปสู่จุด climax ที่เหมือนว่าเป็นการหักหน้าคนดูกันอย่างโจ่งแจ้ง





12. Black Swan (2010)
นักบัลเลต์สาว Nina Sayers ที่หมายมั่นปั้นมือมาเป็นอย่างดีว่าเธอต้องได้เล่นบท ‘The Swan’ ซึ่งเป็นบทตัวเอกของคณะบัลเลต์ชื่อดังแห่งหนึ่ง โดยเธอต้องพบกับคู่แข่งคนสำคัญอย่าง Lily ที่มีความสามารถไม่ด้อยไปกว่าเธอ หนังที่น่าจดจำและโดดเด่นที่สุดในฐานะนักแสดงของ ‘Natalie Portman’ อีกทั้งยังตอกย้ำถึงความบ้าคลั่งและความโรคจิตของผู้กำกับ ‘Darren Aronofsky’ ได้เป็นอย่างดี





11. Synecdoche, New York (2008)
ผู้กำกับละครเวที Caden Cotard ที่พยายามรักษาสมดุลในหน้าที่การงานและชีวิตส่วนตัว ซึ่งขณะเดียวกันเขาก็ได้รับโอกาสให้กำกับละครเรื่องใหม่ โดยเป็นการจำลองเรื่องราว ชีวิตผู้คนในนิวยอร์คไว้ในโกดังขนาดใหญ่ ผลงานกำกับเรื่องแรกของ ‘Charlie Kaufman’ สุดยอดมือเขียนบทหนังแนว surrealism แห่งยุค ตัวหนังมันเป็นไปด้วยความทะเยอทะยานเเละความสร้างสรรค์ ซึ่งนอกจากเรื่องบทแล้วหนังก็ยังโดดเด่นด้วยการเล่าเรื่องแบบ non-linear นับว่าเป็นการเริ่มต้นที่สวยหรูมากๆกับสุดยอดมือเขียนบทท่านนี้





10. Adaptation. (2002)
นักเขียนบทฝีมือดี Charlie Kaufman ที่พยายามหาแรงบัลดาลใจในการเขียนบทภาพยนตร์ที่สร้างมาจากหนังสือที่เกี่ยวกับการตามหากล้วยไม้ของ John Laroche ซึ่งเขียนขึ้นจากฝีมือของนักเขียนหญิง มือเขียนบทอย่าง 'Charlie Kaufman' เหมือนกับว่ากำลังพยายามเเฝงเเนวคิด ล้อชีวิตของตัวเองให้มันโลดโผนอยู่ในหนังผ่านตัวเอกเองก็มีชื่อเหมือนตัวเขา เเละมันยังเป็นเครื่องตอกย้ำว่าจะไม่มีความจำเจเเน่ๆกับหนังที่เขาเขียนบทออกมา  




9. The Fountain (2006)
ความรัก ความตาย และจิตวิญญาณ ถูกเชื่อมโยงผ่านสามช่วงเวลา ยุคอดีต Tomas นักรบผู้แกร่งกล้า ในยุคปัจจุบัน Tommy นักวิทยาศาสตร์ที่ดิ้นรนหาวิธีรักษาโรคมะเร็งที่กำลังจะพรากชีวิตภรรยา และในอนาคต Tom Creo นักบินอวกาศที่พยายามไขความลับที่ครอบงำจิตใจมานานกว่าหนึ่งสหัสวรรษ เป็นบทภาพยนตร์ที่น่าอัศจรรย์ของ ‘Aronofsky’ สามารถผูกเรื่องราวของวิทยาศาสตร์ ปรัชญา จิตวิทยาออกมาได้ซับซ้อนและลงตัว




8. Mulholland Dr. (2001)
หญิงสาวคนหนึ่งที่ประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ ทำให้เธอสูญเสียความทรงจำ ไม่สามารถจดจำเหตุการณ์ก่อนหน้านั้นได้แม้กระทั่งชื่อของตัวเอง ซึ่งเธอได้พบกับ Betty Elms สาวร่าเริง ที่พร้อมจะช่วยเธอสืบหาความจริงของเรื่องที่เกิดขึ้น อีกหนึ่งความแตกต่างของฟิล์มนัวร์จาก ‘Lynch’ เต็มไปด้วยความหมกมุ่น ความลึกลับ ความสับสน ที่ถูกขับเคลื่อนด้วยแรงผลักดันทางเพศ





7. Donnie Darko (2001)
เด็กหนุ่มมัธยมปลาย Donnie Darko ที่มีอาการป่วยทางจิต เข้ารับการรักษากับจิตแพทย์มาเป็นระยะเวลานาน จนอยู่มาวันหนึ่งเขาฝันเห็นบุคคลลึกลับที่สวมชุดกระต่าย แล้วได้บอกกับเขาว่าอีก 28 วันโลกจะแตก หนังที่ฉีกขนบของการเล่าเรื่องเหนือธรรมชาติ ไปพร้อมๆกับสยองขวัญ หนังทริลเลอร์จิตวิทยา ที่ให้ความเป็น original ในตัวของมัน ยอดเยี่ยมด้วยการแฝงสัญลักษณ์ในแบบรูปธรรมและนามธรรม อีกทั้ง ‘Jake Gyllenhaal’ สามารถถ่ายทอดความผิดปกติทางจิตได้อย่างเป็นธรรมชาติ





6. The Prestige (2006)
สองนักมายากล Alfred Borden และ Robert Angier ที่กลายเป็นศัตรูคู่อาฆาต หลังจาก Angier เข้าใจว่า Borden กลายเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้ภรรยาของเขาต้องเสียชีวิตในระหว่างโชว์กลกล่องน้ำ สุดยอดหนังมายากลหักเหลี่ยมชิงไหวชิงพริบที่ยอดเยี่ยมด้วยบทภาพยนตร์ เป็นเส้นแบ่งระหว่างความเป็นจริงและจินตนาการ พร้อมทั้งเทคนิคการเล่าเรื่องที่ช่วยสร้างความจดจ่อและสามารถหลอกล่อได้ดีเยี่ยม





5. Take Shelter (2011)
Curtis ผู้เป็นเสาหลักของครอบครัว เมื่อสภาวะการเงินเริ่มขัดสน เขาก็เครียดความเครียดวิตกจนกระทั่งคืนหนึ่งเขาก็เริ่มมีอาการฝันแปลกประหลาด ในฝันเขาเห็นพายุทอนาโดลูกยักษ์ ผู้คนต่างบ้าคลั่งทำร้ายใส่กัน โดยฝันเหล่านั้นนับวันก็ยิ่งทวีความรุนแรงมากขึ้น หนังฉีกตัวเองจาก simple plot ด้วยการผสมผสานเรื่องของภัยธรรมชาติเข้ากับเรื่องจิตวิทยาออกมาได้อย่างลงตัว อีกทั้งยังสามารถเล่าเรื่องโดยการไต่ระดับความรุนแรงจนกระทั่งนำไปสู่ฉากจบอันทรงพลัง





4. Inception (2010)
กลุ่มนักโจรกรรมความฝันที่นำทีมโดย Cobb ซึ่งเขาถูกว่าจ้างจาก Saito นักธุรกิจญี่ปุ่น ให้ทำการฝังข้อมูลลงไปในความคิดจิตใต้สำนึกของเป้าหมายที่เรียกว่า Inception โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อปลูกฝังความคิดให้ทายาทนักธุรกิจ Robert Fischer ล้มเลิกกิจการธุรกิจที่รับช่วงต่อจากพ่อของเขา หนังไซไฟขายไอเดียกับบทภาพยนตร์สุดอลังการที่ถึงเเม้ว่าจะไม่เป็น original เเต่มันก็ยังเเสดงให้เห็นถึงวิสัยทัศน์ที่กว้างไกลของตัว 'Nolan' โดยเขาได้ใส่เงื่อนไขต่างๆอันซับซ้อน ซึ่งไม่ง่ายที่จะจดจำเเละเเยกเเยะ  





3. Paprika (2006)
การหายไปของเครื่อง ‘DC Mini’ ที่ใช้สำหรับบำบัดอาการทางจิตของผู้ป่วย โดยเครื่องนี้กำลังอยู่ในช่วงของการวิจัย และยังไม่สำเร็จสมบูรณ์ ซึ่งหากนำมาใช้อย่างไม่ระมัดระวังก็จะมีความเสี่ยง เพราะสามารถบิดเบือนความฝันเข้ากับโลกของความเป็นจริงได้ อีกหนึ่งงานมาสเตอร์พีชจาก ‘Satoshi Kon’ กับไอเดียสุดแหวกและไม่เหมือนใคร การดำดิ่งลงไปในจิตใจ วิเคราะห์กระบวนการความคิด ภายใต้การเล่าเรื่องของหนังสืบสวนของออกมาได้อย่างยอดเยี่ยม





2. Eternal Sunshine of the Spotless Mind (2004)
Joel Barish ชายหนุ่ม ที่พบว่าความรักของตนเองกำลังจะสิ้นสุดลง เขาจึงพยายามลบความทรงจำของแฟนสาว Clementine แต่ในระหว่างนั้น เขาได้ย้อนกลับไปเห็นจุดเริ่มต้นของความรัก ซึ่งก็ทำให้ตระหนักได้ว่าสิ่งที่อยากลบออกไปนั้นคือสิ่งที่อยากจดจำมากที่สุด ‘Charlie Kaufman’ นำเสนอรูปแบบความสัมพันธ์ที่สร้างสรรค์ และแพรวพราว พร้อมทั้งยังใช้การตัดต่อแบบ non-linear ที่ทำให้หนังดูฉลาดและไม่เหมือนใคร





1. Memento (2000)
Leonard อดีตนักขายประกัน ที่กำลังสืบหาตัวฆาตกรและต้องการล้างแค้นให้กับคนที่เขาเชื่อว่าเป็นผู้ฆาตกรรมภรรยาของตน โดยเขามีอุปสรรคสำคัญกับโรคความจำระยะสั้นขั้นรุนแรง นับว่าเป็น 'signature' ของตัว'Christopher Nolan' การเล่าเรื่องแบบ nonlinear ในลักษณะ "front to back, back to front" รวมทั้งการเขียนบทที่ยอดเยี่ยม โดยใส่รายละเอียดที่ดูแปลกใหม่และน่าสนใจเข้าไปในตัวละคร ซึ่งทำให้เต็มไปด้วยข้อสงสัยที่ชวนให้ไขว้เขว




ขออนุญาตฝากเพจนะครับ

https://www.facebook.com/Criticalme
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่