สวัสดีค่ะ ก่อนอื่นขอแนะนำตัวก่อน จขกท.เรียนบัญชี ณ มหาวิทยาลัยรัฐแห่งหนึ่งค่ะ มีความชอบทางด้านภาษาและการทำขนม(เป็นพิเศษ)
ขอเรียนให้สมาชิกทุกท่านทราบก่อนว่า บันทึกนี้ไม่มีรูปภาพประกอบนะคะเนื่องจากไม่อยากให้เกิดปัญหาการพาดพึง หรือปัญหาซับซ้อนใดๆตามมา จุดประสงค์ก็คือ อยากแชร์ประสบการณ์โหด มันส์ ฮาให้ทุกท่านทราบค่ะ เพราะคิดว่าเป็นเรื่องแปลกๆที่หลายคนอาจจะยังไม่เคยรู้ แล้วก็คิดว่าน่าจะเป็นตัวอย่างที่ดีให้กับน้องๆหลายๆคนที่คิดว่า ตัวเองกำลังเรียนในทางที่ไม่ใช่แต่มารู้ตัวทีหลัง(เหมือนพี่เนี่ยแหละค่ะ! 555) อยากให้น้องคุยกับตัวเอง หาสิ่งที่ตัวเองชอบแล้วก็ลุยให้เต็มที่เลยค่ะ จะได้ไม่มาเสียใจทีหลังว่า ..รู้งี้น่าจะทำ/เลือกเรียนตั้งแต่แรกก็ดี หรือบางคนเก็บความฝันของตัวเองแล้วไปทำงานที่ไม่ได้ชอบ เก็บมันเอาไว้ไม่เคยได้ปล่อยมันออกมา แบบนี้ก็ลำบากนะคะ เกิดมาทั้งทีขอตามความฝันของตัวเองหน่อยแล้วกัน! แล้วจะรู้ค่ะว่า เวลาเราอยู่กับงานที่ใช่แล้วมันเป็นยังไง มีความสุขแค่ไหน
ถ้าหากเห็นว่าบันทึกนี้ไม่เหมาะสม บอกได้นะคะแล้วจขกท.จะแจ้งลบทันทีค่ะ
ปิดเทอมที่ผ่านมาจขกท.(หลังจากนี้ขออนุญาตให้สรรพนามแทนตัวเองว่า เรา นะคะ)มีโอกาสได้ไปฝึกงานที่บริษัทเอกชนยักษ์ใหญ่แห่งหนึ่งในกรุงเทพ งานก็ไม่มีอะไรมากค่ะ รับหน้าที่เกี่ยวกับการคีย์คำสั่งซื้อ เปิดใบP/O เตรียมใบกำกับภาษีเพื่อทำรายงานประจำเดือน แล้วก็ถูกย้ายมาอยู่แผนก retail audit ค่ะ ซึ่งเป็นงานภาคสนามซะส่วนใหญ่ ก็รับผิดชอบเกี่ยวกับการตรวจหน้าร้านสาขาของบริษัทค่ะ จากนั้นก็นำคะแนนมาสรุปแล้วก็ทำเป็นรีพอร์ตออกมา
งานที่รับผิดชอบส่วนใหญ่ก็เป็นงาน routineค่ะ ซ้ำๆค่อนข้างน่าเบื่อ มันทำให้เราคิดได้ว่า ความจริงไม่ต้องเรียนด้านนี้โดยตรงก็ทำได้นะ แค่เปิดคอมคีย์คำสั่งตามรายการก็จบละ ซึ่งโดยบุคลิกลัษณะของเราจะเป็นคน alertมากนั่งนิ่งๆไม่ได้ อยู่ไม่สุขต้องหาอะไรทำตลอดเวลา ทุกๆเช้าเราจะถามพี่เราละ 'พี่ค้าวันนี้มีอะไรให้หนูช่วยไหมคะ' ถ้ามีงานมาก็ค่อยดีหน่อย แต่ถ้าวันไหนไม่มีก็นั่งแกร่วรองานไป มันทำให้เราคิดว่าถ้าเราจบมาแล้วต้องทำอะไรแบบนี้จริงๆ(ตอนทำงานจริงคงได้รับผิดชอบมากกว่านี้คงไม่เหมือนฝึกงานหรอกค่ะ ไม่ได้ตั้งใจบอกว่าทำงานบริษัทไม่ดีนะคะ ดีค่ะดีมากๆ แต่ด้วยบุคลิกลักษณะของเราที่ทำให้เรารู้สึกว่าเราไม่เหมาะกับงานประเภทนี้เอง)เราคงไม่ไหว ต้องมาทำอะไรซ้ำซากทุกวันแบบนี้ ชีวิตฉันเฉาตายพอดี เข้างานตั้งแต่ไก่โห่กลับบ้านตะวันตกดินตลอด มันไม่ใช่อะค่ะ
พอใกล้จบฝึกงานเราก็นึกขึ้นได้ว่ายังมีเวลาอีก 2เดือนกว่าจะเปิดเทอม(ปิด 6เดือนรับอาเซียนค่ะ) เอ๊~แล้วเวลาที่เหลือจะเอาไปทำอะไรดี อยู่บ้านเล่นเกมก็คงไม่เวิร์คมั่ง น่าจะออกไปหาอะไรทำมากกว่า เราก็มานั่งคิดๆดูค่ะว่าอยากทำอะไร งานอะไรที่ทำแล้วชอบ? พาร์ตไทม์ดีไหม? รึไปฝึกงานต่อดี? จนในที่สุดก็สรุปได้ว่า ตัวเองเป็นคนชอบทำขนม แล้วก็ชอบกินขนมมากกกก เอางี้ไปฝึกงานกับโรงแรมที่มีแผนกเบเกอร์รี่ก็แล้วกัน
จากนั้นเราก็เลือกโรงแรมที่ต้องการจะฝึกแล้วโทรไปหาฝ่าย HRเลยค่ะ(ความจริงเล็งไว้ 2ที่แต่ตัดสินใจส่งไปที่เดียวค่ะ เป็นไงเป็นกัน!!) สอบถามรายละเอียดเกี่ยวกับการสมัครเป็นนักศึกษาฝึกงานจากนั้นก็นั่งปั่น resume นั่งกรอกไปลุ้นไป (ฉันจะได้ไหมหน้ออ เรียนบัญชีแต่ดันอยากฝึกงานเบเกอร์รี่)จากนั้นก็ส่งเมลล์ไปให้พี่HRของโรงแรมค่ะ ผลก็คือเราติดค่ะแต่ต้องรอสัมภาษณ์กับเชฟอีก 2อาทิตย์เพราะเชฟไปพักร้อน(แป่วว) เชฟที่เราต้องสัมภาษณ์ด้วยเป็น executive chefของโรงแรมเลยค่ะ (ตอนแรกก็ไม่รู้หรอกว่าเค้าตำแหน่งอะไร พี่HRก็เรียกเป็นชื่อ เราก็ไม่คิดว่าจะใหญ่เบิ้มขนาดนี้ นึกว่าเป็นหัวหน้าครัวแผนกนั้นๆมากกว่า มารู้ทีหลังก็เพื่อนบอกเนี่ยแหละค่ะ มันพูดว่า 'เฮ้ยย แกได้สัมภาษณ์กับเอ็กเซ็กเลยนะเว่ย' ไอ่เราก็มึนๆงงๆไป 'อ้าวเหรอ ตรูไม่เห็นรู้เรื่องเลย' 555)
แล้ววันสัมภาษณ์ก็มาถึง เรานัดสัมภาษณ์ทางสไกป์ค่ะเพราะตอนนั้นยังไม่ได้กลับบ้าน ยังฝึกงานอยู่ที่กรุงเทพ เชฟพิมพ์ค่อนข้างวัยรุ่นทีเดียว พอเห็นเค้าออนก็ทักแชทไปแนะนำตัวก่อน ว่าชื่อนี้ๆๆๆนะ จะมาขอสัมภาษณ์งานค่ะ แล้วก็สไกป์กัน เชฟก็จะถามว่าชื่ออะไร จบอะไรมา เราก็บอกเค้าไปตามความจริง เค้าก็ดูแปลกใจนิดหน่อย 'อ้าวเรียนบัญชีจะมาทำขนมเหรอ' เราก็แหะๆไป (แต่ไม่แปลกหรอกค่ะ มีพี่ในครัวมาบอกเราว่า เด็กเภสัชยังเคยมาฝึกเล้ย เพราะงั้นก็ชิลล์ไปค่ะ) แล้วก็ถามต่อว่าทำขนมบ่อยไหม อันนี้ก็รอดไปเพราะเวลาว่างก็มักจะทำขนมไปแจกเพื่อนๆในคณะเสมอ เราชอบทำพวกพาย บราวนี่ คัสตาร์ดเค้ก อะไรที่ง่ายๆอะค่ะ ,พูดภาษาอังกฤษคล่องป่าว เพราะต้องสื่อสารกับเชฟนะ(เชฟฝรั่งประจำครัวค่ะ แต่เอาเข้าจริงเชฟเค้าก็พูดไทยได้นะคะ แถมยังคล่องปรื๋อเลยละ) แล้วก็จบการสัมภาษณ์ ขอฝากถึงน้องๆที่จะต้องไปสัมภาษณ์ฝึกงาน/สมัครงานหน่อยนะคะ เรื่องมารยาทนี่สำคัญมากเลย ไปมาลาไหว้อย่าให้ขาด กิริยาต้องอ่อนน้อมถ่อมตนเข้าไว้นะคะ ผู้ใหญ่เค้าจะได้เอ็นดูเรา ^^
จากนั้นก็รอผลประมาณอาทิตย์นึงค่ะ พี่HRก็โทรมาบอกว่าติดแล้วนะ ให้มารายงานตัววันที่ xx แล้วก็เตรียมรองเท้าเชฟมาด้วย เราก็จัดการโทรศัพท์ไปบอกแม่เรื่องผลการรับสมัครแล้วก็ขอให้ช่วยซื้อรองเท้าให้หน่อย เพราะเรากลับจากกรุงเทพปุ๊บเช้าวันต่อมาก็ต้องเริ่มฝึกงานที่ใหม่เลย แม่เราก็ตื่นเต้นมากเพราะไม่คิดว่าจะติด
เช้าวันฝึกงานเราก็มาตามเวลาที่นัดหมายเป๊ะ คือ 9โมงครึ่งก็มา orientationกันเจอกับเพื่อนต่างมหาลัย20กว่าคน ทุกคนต่างจบตรงสายมาทั้งนั้น มีแค่เราคนเดียวที่เป็นแกะดำ ก็ไม่เป็นไรสู้โว๊ย! แผนกที่เราได้ก็ตามคาดค่ะ..แผนกเบเกอร์รี่ แล้วก็ได้เพื่อนใหม่มาอีก2คนเพราะทำแผนกเดียวกัน ส่วนคนที่เหลือก็เจอกันตามช็อปมั่ง ห้องอาหารของโรงแรมมั่งก็ว่ากันไป จากนั้นเค้าก็ให้เราไปลองชุดค่ะ อุต๊ะ! เกิดมาเพิ่งเคยลองใส่ชุดเชฟเป็นครั้งแรกนะเนี่ย เล่นเอาตื่นเต้นเหมือนกัน พอลองชุดเสร็จพี่HRก็พาไปส่งแผนกเบเกอร์รี่ค่ะ(ตื่นเต้นเว่อไม่คิดไม่ฝันว่าจะได้มาอยู่ตรงนี้จริงๆ)
ณ แผนกเบเกอร์รี่ แผนกนี้จะมีส่วนย่อยๆออกไปอีกค่ะก็จะมี afternoon tea, macaron, eclair, chocolate, baker, cake ตามที่โรงแรมใหญ่ๆพึงจะมีค่ะ เมื่อมีน้องใหม่มา3คน พี่ๆในครัวจึงจัดการให้แต่ละคนไปอยู่ในแต่ละส่วนของครัวดังนี้ เพื่อนAได้ไปอยู่ช็อกโกแลต เพื่อนBไปอยู่มาการอง ส่วนเราได้อยู่ afternoon teaค่ะ เอาละเราจะอธิบายให้ฟังว่าแต่ละแผนกย่อยๆนี้เค้ารับผิดชอบอะไรกันบ้าง
-afternoon tea รับผิดชอบเกี่ยวกับ afternoon tea(ตามชื่อ555)แล้วก็ขนมอบต่างๆค่ะ อย่างเช่น ชีสเค้ก, ขนมสำหรับ turn down แล้วก็ทำครีมต่างๆที่ใช้ในการทำAFT และขนมที่รับผิดชอบค่ะ
-macaron ตามชื่อแผนกเลยค่ะ จะรับผิดชอบเกี่ยวกับการทำมาการองรสชาติต่างๆ ฝึกงาน2เดือนไม่ค่อยได้ยุ่งกับแผนกนี้เลยนอกจากไปช่วยเขาประกบไส้ค่ะ แต่ก็รู้จักเกือบทุกรสนะ อิอิ
-eclair ในช่วงเช้าแผนกนี้ก็จะทำเอแคลร์ไส้ต่างๆ ช่วงบ่ายก็จะทำครีมเพื่อใช้ในวันถัดไปค่ะ
-chocolate ทำหน้าที่ผลิตของตกแต่งต่างๆที่ทำจากช็อกโกแลต แล้วก็ทำช็อกโกแลตค่ะ ขนมทุกอย่างของโรงแรมที่เราไปฝึกเขาจะไม่ค่อยซื้อของตกแต่งสำเร็จรูปนะ ส่วนใหญ่ก็ทำเองทั้งนั้น
-baker รับผิดชอบขนมปังทุกชนิดที่จะเสิร์ฟให้แขกค่ะ ซึ่งจะต้องผลิตสดใหม่ทุกวันค่ะ
-cake แผนกนี้จะรับผิดชอบเค้กทั้งหมดที่โรงแรมมี ทั้งยังเป็นคนทำเอแคลร์และชูส์ต่างๆค่ะ(ส่วนที่เป็นแป้ง)
ตอนแรกก็อิจฉาเพื่อนทั้งสองว่าได้ไปอยู่แผนกดีจัง แต่หลังฝึกงานเสร็จแล้วก็คิดว่าเราโชคดีมากที่ได้อยู่AFT เพราะแผนกเราได้ทำงานหลายอย่าง แข่งกับเวลา ทำให้เรารู้สึกไม่เบื่อ แล้วก็ตื่นเต้นดีค่ะ อิอิ
(ขออนุญาตพักแปบนึงนะคะ เดี๋ยวกลับมาเล่าต่อ)
______________________________________________
edit คำผิดค่า
บันทึกฝึกงานของเด็กบัญชีที่ไม่ชอบทำบัญชี
ขอเรียนให้สมาชิกทุกท่านทราบก่อนว่า บันทึกนี้ไม่มีรูปภาพประกอบนะคะเนื่องจากไม่อยากให้เกิดปัญหาการพาดพึง หรือปัญหาซับซ้อนใดๆตามมา จุดประสงค์ก็คือ อยากแชร์ประสบการณ์โหด มันส์ ฮาให้ทุกท่านทราบค่ะ เพราะคิดว่าเป็นเรื่องแปลกๆที่หลายคนอาจจะยังไม่เคยรู้ แล้วก็คิดว่าน่าจะเป็นตัวอย่างที่ดีให้กับน้องๆหลายๆคนที่คิดว่า ตัวเองกำลังเรียนในทางที่ไม่ใช่แต่มารู้ตัวทีหลัง(เหมือนพี่เนี่ยแหละค่ะ! 555) อยากให้น้องคุยกับตัวเอง หาสิ่งที่ตัวเองชอบแล้วก็ลุยให้เต็มที่เลยค่ะ จะได้ไม่มาเสียใจทีหลังว่า ..รู้งี้น่าจะทำ/เลือกเรียนตั้งแต่แรกก็ดี หรือบางคนเก็บความฝันของตัวเองแล้วไปทำงานที่ไม่ได้ชอบ เก็บมันเอาไว้ไม่เคยได้ปล่อยมันออกมา แบบนี้ก็ลำบากนะคะ เกิดมาทั้งทีขอตามความฝันของตัวเองหน่อยแล้วกัน! แล้วจะรู้ค่ะว่า เวลาเราอยู่กับงานที่ใช่แล้วมันเป็นยังไง มีความสุขแค่ไหน
ถ้าหากเห็นว่าบันทึกนี้ไม่เหมาะสม บอกได้นะคะแล้วจขกท.จะแจ้งลบทันทีค่ะ
ปิดเทอมที่ผ่านมาจขกท.(หลังจากนี้ขออนุญาตให้สรรพนามแทนตัวเองว่า เรา นะคะ)มีโอกาสได้ไปฝึกงานที่บริษัทเอกชนยักษ์ใหญ่แห่งหนึ่งในกรุงเทพ งานก็ไม่มีอะไรมากค่ะ รับหน้าที่เกี่ยวกับการคีย์คำสั่งซื้อ เปิดใบP/O เตรียมใบกำกับภาษีเพื่อทำรายงานประจำเดือน แล้วก็ถูกย้ายมาอยู่แผนก retail audit ค่ะ ซึ่งเป็นงานภาคสนามซะส่วนใหญ่ ก็รับผิดชอบเกี่ยวกับการตรวจหน้าร้านสาขาของบริษัทค่ะ จากนั้นก็นำคะแนนมาสรุปแล้วก็ทำเป็นรีพอร์ตออกมา
งานที่รับผิดชอบส่วนใหญ่ก็เป็นงาน routineค่ะ ซ้ำๆค่อนข้างน่าเบื่อ มันทำให้เราคิดได้ว่า ความจริงไม่ต้องเรียนด้านนี้โดยตรงก็ทำได้นะ แค่เปิดคอมคีย์คำสั่งตามรายการก็จบละ ซึ่งโดยบุคลิกลัษณะของเราจะเป็นคน alertมากนั่งนิ่งๆไม่ได้ อยู่ไม่สุขต้องหาอะไรทำตลอดเวลา ทุกๆเช้าเราจะถามพี่เราละ 'พี่ค้าวันนี้มีอะไรให้หนูช่วยไหมคะ' ถ้ามีงานมาก็ค่อยดีหน่อย แต่ถ้าวันไหนไม่มีก็นั่งแกร่วรองานไป มันทำให้เราคิดว่าถ้าเราจบมาแล้วต้องทำอะไรแบบนี้จริงๆ(ตอนทำงานจริงคงได้รับผิดชอบมากกว่านี้คงไม่เหมือนฝึกงานหรอกค่ะ ไม่ได้ตั้งใจบอกว่าทำงานบริษัทไม่ดีนะคะ ดีค่ะดีมากๆ แต่ด้วยบุคลิกลักษณะของเราที่ทำให้เรารู้สึกว่าเราไม่เหมาะกับงานประเภทนี้เอง)เราคงไม่ไหว ต้องมาทำอะไรซ้ำซากทุกวันแบบนี้ ชีวิตฉันเฉาตายพอดี เข้างานตั้งแต่ไก่โห่กลับบ้านตะวันตกดินตลอด มันไม่ใช่อะค่ะ
พอใกล้จบฝึกงานเราก็นึกขึ้นได้ว่ายังมีเวลาอีก 2เดือนกว่าจะเปิดเทอม(ปิด 6เดือนรับอาเซียนค่ะ) เอ๊~แล้วเวลาที่เหลือจะเอาไปทำอะไรดี อยู่บ้านเล่นเกมก็คงไม่เวิร์คมั่ง น่าจะออกไปหาอะไรทำมากกว่า เราก็มานั่งคิดๆดูค่ะว่าอยากทำอะไร งานอะไรที่ทำแล้วชอบ? พาร์ตไทม์ดีไหม? รึไปฝึกงานต่อดี? จนในที่สุดก็สรุปได้ว่า ตัวเองเป็นคนชอบทำขนม แล้วก็ชอบกินขนมมากกกก เอางี้ไปฝึกงานกับโรงแรมที่มีแผนกเบเกอร์รี่ก็แล้วกัน
จากนั้นเราก็เลือกโรงแรมที่ต้องการจะฝึกแล้วโทรไปหาฝ่าย HRเลยค่ะ(ความจริงเล็งไว้ 2ที่แต่ตัดสินใจส่งไปที่เดียวค่ะ เป็นไงเป็นกัน!!) สอบถามรายละเอียดเกี่ยวกับการสมัครเป็นนักศึกษาฝึกงานจากนั้นก็นั่งปั่น resume นั่งกรอกไปลุ้นไป (ฉันจะได้ไหมหน้ออ เรียนบัญชีแต่ดันอยากฝึกงานเบเกอร์รี่)จากนั้นก็ส่งเมลล์ไปให้พี่HRของโรงแรมค่ะ ผลก็คือเราติดค่ะแต่ต้องรอสัมภาษณ์กับเชฟอีก 2อาทิตย์เพราะเชฟไปพักร้อน(แป่วว) เชฟที่เราต้องสัมภาษณ์ด้วยเป็น executive chefของโรงแรมเลยค่ะ (ตอนแรกก็ไม่รู้หรอกว่าเค้าตำแหน่งอะไร พี่HRก็เรียกเป็นชื่อ เราก็ไม่คิดว่าจะใหญ่เบิ้มขนาดนี้ นึกว่าเป็นหัวหน้าครัวแผนกนั้นๆมากกว่า มารู้ทีหลังก็เพื่อนบอกเนี่ยแหละค่ะ มันพูดว่า 'เฮ้ยย แกได้สัมภาษณ์กับเอ็กเซ็กเลยนะเว่ย' ไอ่เราก็มึนๆงงๆไป 'อ้าวเหรอ ตรูไม่เห็นรู้เรื่องเลย' 555)
แล้ววันสัมภาษณ์ก็มาถึง เรานัดสัมภาษณ์ทางสไกป์ค่ะเพราะตอนนั้นยังไม่ได้กลับบ้าน ยังฝึกงานอยู่ที่กรุงเทพ เชฟพิมพ์ค่อนข้างวัยรุ่นทีเดียว พอเห็นเค้าออนก็ทักแชทไปแนะนำตัวก่อน ว่าชื่อนี้ๆๆๆนะ จะมาขอสัมภาษณ์งานค่ะ แล้วก็สไกป์กัน เชฟก็จะถามว่าชื่ออะไร จบอะไรมา เราก็บอกเค้าไปตามความจริง เค้าก็ดูแปลกใจนิดหน่อย 'อ้าวเรียนบัญชีจะมาทำขนมเหรอ' เราก็แหะๆไป (แต่ไม่แปลกหรอกค่ะ มีพี่ในครัวมาบอกเราว่า เด็กเภสัชยังเคยมาฝึกเล้ย เพราะงั้นก็ชิลล์ไปค่ะ) แล้วก็ถามต่อว่าทำขนมบ่อยไหม อันนี้ก็รอดไปเพราะเวลาว่างก็มักจะทำขนมไปแจกเพื่อนๆในคณะเสมอ เราชอบทำพวกพาย บราวนี่ คัสตาร์ดเค้ก อะไรที่ง่ายๆอะค่ะ ,พูดภาษาอังกฤษคล่องป่าว เพราะต้องสื่อสารกับเชฟนะ(เชฟฝรั่งประจำครัวค่ะ แต่เอาเข้าจริงเชฟเค้าก็พูดไทยได้นะคะ แถมยังคล่องปรื๋อเลยละ) แล้วก็จบการสัมภาษณ์ ขอฝากถึงน้องๆที่จะต้องไปสัมภาษณ์ฝึกงาน/สมัครงานหน่อยนะคะ เรื่องมารยาทนี่สำคัญมากเลย ไปมาลาไหว้อย่าให้ขาด กิริยาต้องอ่อนน้อมถ่อมตนเข้าไว้นะคะ ผู้ใหญ่เค้าจะได้เอ็นดูเรา ^^
จากนั้นก็รอผลประมาณอาทิตย์นึงค่ะ พี่HRก็โทรมาบอกว่าติดแล้วนะ ให้มารายงานตัววันที่ xx แล้วก็เตรียมรองเท้าเชฟมาด้วย เราก็จัดการโทรศัพท์ไปบอกแม่เรื่องผลการรับสมัครแล้วก็ขอให้ช่วยซื้อรองเท้าให้หน่อย เพราะเรากลับจากกรุงเทพปุ๊บเช้าวันต่อมาก็ต้องเริ่มฝึกงานที่ใหม่เลย แม่เราก็ตื่นเต้นมากเพราะไม่คิดว่าจะติด
เช้าวันฝึกงานเราก็มาตามเวลาที่นัดหมายเป๊ะ คือ 9โมงครึ่งก็มา orientationกันเจอกับเพื่อนต่างมหาลัย20กว่าคน ทุกคนต่างจบตรงสายมาทั้งนั้น มีแค่เราคนเดียวที่เป็นแกะดำ ก็ไม่เป็นไรสู้โว๊ย! แผนกที่เราได้ก็ตามคาดค่ะ..แผนกเบเกอร์รี่ แล้วก็ได้เพื่อนใหม่มาอีก2คนเพราะทำแผนกเดียวกัน ส่วนคนที่เหลือก็เจอกันตามช็อปมั่ง ห้องอาหารของโรงแรมมั่งก็ว่ากันไป จากนั้นเค้าก็ให้เราไปลองชุดค่ะ อุต๊ะ! เกิดมาเพิ่งเคยลองใส่ชุดเชฟเป็นครั้งแรกนะเนี่ย เล่นเอาตื่นเต้นเหมือนกัน พอลองชุดเสร็จพี่HRก็พาไปส่งแผนกเบเกอร์รี่ค่ะ(ตื่นเต้นเว่อไม่คิดไม่ฝันว่าจะได้มาอยู่ตรงนี้จริงๆ)
ณ แผนกเบเกอร์รี่ แผนกนี้จะมีส่วนย่อยๆออกไปอีกค่ะก็จะมี afternoon tea, macaron, eclair, chocolate, baker, cake ตามที่โรงแรมใหญ่ๆพึงจะมีค่ะ เมื่อมีน้องใหม่มา3คน พี่ๆในครัวจึงจัดการให้แต่ละคนไปอยู่ในแต่ละส่วนของครัวดังนี้ เพื่อนAได้ไปอยู่ช็อกโกแลต เพื่อนBไปอยู่มาการอง ส่วนเราได้อยู่ afternoon teaค่ะ เอาละเราจะอธิบายให้ฟังว่าแต่ละแผนกย่อยๆนี้เค้ารับผิดชอบอะไรกันบ้าง
-afternoon tea รับผิดชอบเกี่ยวกับ afternoon tea(ตามชื่อ555)แล้วก็ขนมอบต่างๆค่ะ อย่างเช่น ชีสเค้ก, ขนมสำหรับ turn down แล้วก็ทำครีมต่างๆที่ใช้ในการทำAFT และขนมที่รับผิดชอบค่ะ
-macaron ตามชื่อแผนกเลยค่ะ จะรับผิดชอบเกี่ยวกับการทำมาการองรสชาติต่างๆ ฝึกงาน2เดือนไม่ค่อยได้ยุ่งกับแผนกนี้เลยนอกจากไปช่วยเขาประกบไส้ค่ะ แต่ก็รู้จักเกือบทุกรสนะ อิอิ
-eclair ในช่วงเช้าแผนกนี้ก็จะทำเอแคลร์ไส้ต่างๆ ช่วงบ่ายก็จะทำครีมเพื่อใช้ในวันถัดไปค่ะ
-chocolate ทำหน้าที่ผลิตของตกแต่งต่างๆที่ทำจากช็อกโกแลต แล้วก็ทำช็อกโกแลตค่ะ ขนมทุกอย่างของโรงแรมที่เราไปฝึกเขาจะไม่ค่อยซื้อของตกแต่งสำเร็จรูปนะ ส่วนใหญ่ก็ทำเองทั้งนั้น
-baker รับผิดชอบขนมปังทุกชนิดที่จะเสิร์ฟให้แขกค่ะ ซึ่งจะต้องผลิตสดใหม่ทุกวันค่ะ
-cake แผนกนี้จะรับผิดชอบเค้กทั้งหมดที่โรงแรมมี ทั้งยังเป็นคนทำเอแคลร์และชูส์ต่างๆค่ะ(ส่วนที่เป็นแป้ง)
ตอนแรกก็อิจฉาเพื่อนทั้งสองว่าได้ไปอยู่แผนกดีจัง แต่หลังฝึกงานเสร็จแล้วก็คิดว่าเราโชคดีมากที่ได้อยู่AFT เพราะแผนกเราได้ทำงานหลายอย่าง แข่งกับเวลา ทำให้เรารู้สึกไม่เบื่อ แล้วก็ตื่นเต้นดีค่ะ อิอิ
(ขออนุญาตพักแปบนึงนะคะ เดี๋ยวกลับมาเล่าต่อ)
edit คำผิดค่า