คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 1
1. ลองถามกับเค้าดูก่อนว่าถ้าจ่ายหลังวันศุกร์โปร 5,000 ที่ว่าจะเหลือเท่าไร [ซึ่งส่วนมากคงบอกว่ายังไม่ได้ประชุมราคาใหม่ แต่ก็ส่วนมากอีกเค้าจะเหลือลดต่างกันแค่ 500-1000 บาท เป็นลด 4,000-4,500 แทน]
2. ถ้างบไม่มาก ภาษาแน่น ลองดูหลายๆเอเจนซี่ บางที่เค้าจัดสอบชิงทุนเป็นประจำเกือบทุกปี ก็เป็นอีกโอกาสนึงที่น้องอาจจะลดค่าใช้จ่ายลงไปได้เยอะ
3. เรื่องความมั่นคงของงาน ถ้าคุณแม่กังวลเรื่องนี้มาก น้องลองไปสมัครของโครงการ London house ทำงานที่ disney world, FL ดูค่ะ โครงการนี้ปลอดภัยและได้งานทำแน่นอน เนื่องจากทางสวนสนุกเป็นคนสปอนเซอร์เด็กเอง อีกทั้งโครงการนี้ไม่มีค่าโครงการ[ส่วนค่าเอกสาร DS2019 อะไรพวกนี้ไม่ทราบว่าต้องจ่ายไหม] น้องก็จ่ายแค่วีซ่ากับตั๋วเครื่องบินและ pocket money
4. ในกรณีที่ไม่อยากไปทำงานสวนสนุก Disney จริงๆแล้วโครงการนี้มีคนดวงซวยตกงานน้อยกว่าคนที่ได้งานจริงๆ วิธีการคือน้องต้องเสิร์ชหางานเก่าๆที่มีคนไปทุกปี โครงการนี้โอกาสโดนลอยแพแบบไปถึงแล้วไม่มีงานทำมีน้อยมาก[แต่ไม่ใช่ว่าจะไม่มี] ส่วนมากที่เจอจะเป็นไปถึงแล้วชั่วโมงงานน้อยกว่าที่ระบุไว้อะไรพวกนี้มากกว่า
5. จะประสบการณ์เลวร้ายหรือประสบการณ์ที่ดีก็ถือว่าเป็นประสบการณ์ การไปแลกเปลี่ยนที่น้องว่าก็ไม่ได้การันตีว่าน้องจะมีประสบการณ์ดีๆจริงไหม?
6.เรื่องภาษาก็คงจะเทียบเท่ากับการไปเรียนภาษาโดยตรงไม่ได้ แต่อย่างน้อยน้องก็จะกล้าพูดมากขึ้น เรียนรู้ประโยคที่มันยาวขึ้น ประโยคที่เค้าใช้กันจริงๆไม่ใช่นั่งฟังเทปยานๆตามโรงเรียน อีกอย่างคือมันแล้วแต่คนจะไขว่คว้า คนที่ช่างพูดช่างคุยยังไงก็ได้อะไรมากกว่าคนที่ไม่ค่อยพูด ถ้าอยากได้ภาษาก็ต้องเข้าหาเพื่อนต่างชาติ
7.เราไปในฐานะลูกจ้างก็จริง แต่แรงงานทั่วไปที่อเมริกาเป็นอาชีพที่ใครๆก็ทำกัน จริงอยู่ที่มีคนรวยเป็นเจ้าของบริษัท มีคนที่เป็นนักเรียน มีคนทำงานในรัฐสภา แต่คนที่อยู่ในฐานะนั้นทั้งประเทศมันมีกี่คนกัน คนส่วนใหญ่ของประเทศก็ยังเป็นลูกจ้างเป็นแรงงานขั้นต่ำอยู่ดี ดังนั้นแล้วการปฏิบัติต่อลูกจ้างอย่างเราก็คือการปฏิบัติแบบเดียวกับลูกจ้างคนอื่นๆ จะมีบ้างก็คือเพื่อนร่วมงานเอาเปรียบถ้าทนได้ก็ขอให้ทนไปเพราะเรามาทำแค่ชั่วคราวเก็บประสบการณ์ให้ได้มากที่สุด แต่ถ้าทนไม่ไหวเรามีปากก็ไปแอบกระซิบพวกซุปเปอร์ไวเซอร์ได้
8.เหตุผลสุดท้ายถ้าน้องไปเวิร์คน้องไม่ได้ไปคนเดียวแน่ๆค่ะ เพื่อนร่วมงานที่ไปที่ทำงานเดียวกันยังมีอีกตรึมเทียบกับการไปแลกเปลี่ยนแล้วบอกตรงๆว่าคนละเรื่อง ไปครั้งแรกมีหลายหัวมีปัญหาช่วยกันคิด ช่วยกันแก้ มันก็น่าจะดีกว่าไปครั้งแรกแล้วหัวเดียวกระเทียมลีบนะ
ที่ยกมาทั้งหมดนี้เป็นเหตุผลด้านดีๆ แต่ก่อนจะตัดสินใจไปก็คิดอีกทีแล้วกันเพราะด้านมืดๆก็คงมีไม่น้อย
โชคดีค่ะ
2. ถ้างบไม่มาก ภาษาแน่น ลองดูหลายๆเอเจนซี่ บางที่เค้าจัดสอบชิงทุนเป็นประจำเกือบทุกปี ก็เป็นอีกโอกาสนึงที่น้องอาจจะลดค่าใช้จ่ายลงไปได้เยอะ
3. เรื่องความมั่นคงของงาน ถ้าคุณแม่กังวลเรื่องนี้มาก น้องลองไปสมัครของโครงการ London house ทำงานที่ disney world, FL ดูค่ะ โครงการนี้ปลอดภัยและได้งานทำแน่นอน เนื่องจากทางสวนสนุกเป็นคนสปอนเซอร์เด็กเอง อีกทั้งโครงการนี้ไม่มีค่าโครงการ[ส่วนค่าเอกสาร DS2019 อะไรพวกนี้ไม่ทราบว่าต้องจ่ายไหม] น้องก็จ่ายแค่วีซ่ากับตั๋วเครื่องบินและ pocket money
4. ในกรณีที่ไม่อยากไปทำงานสวนสนุก Disney จริงๆแล้วโครงการนี้มีคนดวงซวยตกงานน้อยกว่าคนที่ได้งานจริงๆ วิธีการคือน้องต้องเสิร์ชหางานเก่าๆที่มีคนไปทุกปี โครงการนี้โอกาสโดนลอยแพแบบไปถึงแล้วไม่มีงานทำมีน้อยมาก[แต่ไม่ใช่ว่าจะไม่มี] ส่วนมากที่เจอจะเป็นไปถึงแล้วชั่วโมงงานน้อยกว่าที่ระบุไว้อะไรพวกนี้มากกว่า
5. จะประสบการณ์เลวร้ายหรือประสบการณ์ที่ดีก็ถือว่าเป็นประสบการณ์ การไปแลกเปลี่ยนที่น้องว่าก็ไม่ได้การันตีว่าน้องจะมีประสบการณ์ดีๆจริงไหม?
6.เรื่องภาษาก็คงจะเทียบเท่ากับการไปเรียนภาษาโดยตรงไม่ได้ แต่อย่างน้อยน้องก็จะกล้าพูดมากขึ้น เรียนรู้ประโยคที่มันยาวขึ้น ประโยคที่เค้าใช้กันจริงๆไม่ใช่นั่งฟังเทปยานๆตามโรงเรียน อีกอย่างคือมันแล้วแต่คนจะไขว่คว้า คนที่ช่างพูดช่างคุยยังไงก็ได้อะไรมากกว่าคนที่ไม่ค่อยพูด ถ้าอยากได้ภาษาก็ต้องเข้าหาเพื่อนต่างชาติ
7.เราไปในฐานะลูกจ้างก็จริง แต่แรงงานทั่วไปที่อเมริกาเป็นอาชีพที่ใครๆก็ทำกัน จริงอยู่ที่มีคนรวยเป็นเจ้าของบริษัท มีคนที่เป็นนักเรียน มีคนทำงานในรัฐสภา แต่คนที่อยู่ในฐานะนั้นทั้งประเทศมันมีกี่คนกัน คนส่วนใหญ่ของประเทศก็ยังเป็นลูกจ้างเป็นแรงงานขั้นต่ำอยู่ดี ดังนั้นแล้วการปฏิบัติต่อลูกจ้างอย่างเราก็คือการปฏิบัติแบบเดียวกับลูกจ้างคนอื่นๆ จะมีบ้างก็คือเพื่อนร่วมงานเอาเปรียบถ้าทนได้ก็ขอให้ทนไปเพราะเรามาทำแค่ชั่วคราวเก็บประสบการณ์ให้ได้มากที่สุด แต่ถ้าทนไม่ไหวเรามีปากก็ไปแอบกระซิบพวกซุปเปอร์ไวเซอร์ได้
8.เหตุผลสุดท้ายถ้าน้องไปเวิร์คน้องไม่ได้ไปคนเดียวแน่ๆค่ะ เพื่อนร่วมงานที่ไปที่ทำงานเดียวกันยังมีอีกตรึมเทียบกับการไปแลกเปลี่ยนแล้วบอกตรงๆว่าคนละเรื่อง ไปครั้งแรกมีหลายหัวมีปัญหาช่วยกันคิด ช่วยกันแก้ มันก็น่าจะดีกว่าไปครั้งแรกแล้วหัวเดียวกระเทียมลีบนะ
ที่ยกมาทั้งหมดนี้เป็นเหตุผลด้านดีๆ แต่ก่อนจะตัดสินใจไปก็คิดอีกทีแล้วกันเพราะด้านมืดๆก็คงมีไม่น้อย
โชคดีค่ะ
แสดงความคิดเห็น
ช่วยหาเหตุผลที่ควรไป Work and Travel
ก็เลยอยากจะให้พี่ๆที่เคยไป เพื่อนๆที่ตัดสินใจจะไป และผู้ใดก็ตามที่เห็นดีเห็นงามกับโครงการนี้ มาช่วยจขกท.หว่านล้อมคุณแม่หน่อยนะคะ แต่ถ้าไม่ได้ไปก็คงต้แงทำใจยอมรับแหละค่ะ